ผม : นี่เรายังไม่ Lockdown อีกเลยเนี่ย จำนวนผู้ติดเชื้อมันไม่ลดลงหรอกพี่ ถ้าแค่ขอความร่วมมือกันแบบนี้อะ..
รุ่นพี่ : โอ้ย ! คงจะทำหรอก เพราะสมมุติถ้าพี่เป็นทหารระดับสูง พี่คงส่งสัญญาณตอบรัฐกลับไปว่า ไม่อยากให้เคอร์ฟิวส์เพราะจะเพิ่มภาระให้กองทัพ ทหารต้องออกไปปฏิบัติงานจำนวนมากทั่วประเทศเป็นภาระขึ้นมาอีก แล้วที่สำคัญการ Lockdown ให้ทุกอย่างทุกภาคส่วนปิดหมด ย่อมต้องมาพร้อมกับการชดเชยเยียวยา ซึ่งเงินชดเชยเยียวยาทุกภาคส่วนต่างๆก็จะหั่นมาจากทุกๆกระทรวงส่วนนึง แล้วกระทรวงต่างๆคงจะ ok หรอกนะ ที่ต้องโดนตัดงบกระทรวงของเค้า...(พี่เค้ายิ้มแล้วพี่เค้าบอกว่า "นี่พี่คิดลบแบบสุดๆเลยนะ พี่ไม่ค่อยโลกสวย พี่ถึงคิดแบบนี้อะ ")
ผม : อืมมม (แล้วผมก็สนทนาไปเรื่อยตามประสา)
รุ่นพี่ : ไอ่เรื่องขอความร่วมมือกับคนไทยมันยากกกกน้อง ขนาดกฏหมงกฏหมายคนไทยเรายังแหกกันหน้าตาเฉย แล้วยิ่งรัฐบาลนี้เป็นทหารที่ฝั่งตรงข้ามไม่ยอมรับในการเข้ามาซ่ะด้วย ไหนจะเรื่องแตกแยกทางความคิด ทางการเมืองแบบนั้น แล้วรัฐฯออกมาขอความร่วมมือ เค้าๆคงยินดีหรอก แล้วคุณภาพ ความรับผิดชอบของคนบ้านเรามันก็ต่างกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์พวกนั้น อันนั้นวินัยของคนในชาติเค้าสูง... เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ใช้ยาแรงมันไม่ลดลงแน่นอน เผลอๆ สหรัฐฯที่กำลังโดนหนักตอนนี้ สุดท้ายสถานการณ์แย่ๆของเค้าจะจบก่อนไทยเราอีก แล้วถ้าใช้ยาแรงในประเทศก็ต้องหาวิธีจัดการกับคนที่จะเข้าประเทศอย่างเข้างวดน่ะ ให้ทำแบบที่ผ่านมาไม่ได้ ไม่งั้นใช้ยาแรงไปก็เสียเปล่า เพราะหากเรายังรับคนเข้าประเทศแบบปล่อยปะ สุดท้ายพวกนั้นก็มาแพร่เชื้ออีก เราทำในบ้านแทบตาย แต่คนที่เข้าบ้านเรากลับเอาโรคมาให้เองไม่จบไม่สิ้น
ผม : ...........
รุ่นพี่ : แล้วที่แต่ละจังหวัดออกมาตรการตอนกลางคืนแบบนี้ เอาตรงๆมันก็ไม่ช่วยหรอก แต่ถ้าเป็นการออกมาตรการจากช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นก็ค่อยขยับขยายเวลาต้องห้าม ก็เป็นแนวทางที่ดีน่ะ ไม่หักด้ามพล้าด้วยเข่า เพราะคนไทยก็จะค่อยๆปรับตัวได้ ไม่ใช่ประกาศเปรี้ยงเดียวไปซึ่งคนก็ปรับตัวไม่ทัน
ผม : อืม (ก็ฟังพี่เค้าให้ความเห็นแล้วก็พูดคุยไปเรื่อยอีกหลายๆเรื่อง)
ผมคุยกับเพื่ีอนรุ่นพี่คนนึง ว่า..ทำไมไม่ปิดประเทศ ฟังพี่เค้าพูดแล้วหวังว่าคงไม่เป็นแบบนั้น !
รุ่นพี่ : โอ้ย ! คงจะทำหรอก เพราะสมมุติถ้าพี่เป็นทหารระดับสูง พี่คงส่งสัญญาณตอบรัฐกลับไปว่า ไม่อยากให้เคอร์ฟิวส์เพราะจะเพิ่มภาระให้กองทัพ ทหารต้องออกไปปฏิบัติงานจำนวนมากทั่วประเทศเป็นภาระขึ้นมาอีก แล้วที่สำคัญการ Lockdown ให้ทุกอย่างทุกภาคส่วนปิดหมด ย่อมต้องมาพร้อมกับการชดเชยเยียวยา ซึ่งเงินชดเชยเยียวยาทุกภาคส่วนต่างๆก็จะหั่นมาจากทุกๆกระทรวงส่วนนึง แล้วกระทรวงต่างๆคงจะ ok หรอกนะ ที่ต้องโดนตัดงบกระทรวงของเค้า...(พี่เค้ายิ้มแล้วพี่เค้าบอกว่า "นี่พี่คิดลบแบบสุดๆเลยนะ พี่ไม่ค่อยโลกสวย พี่ถึงคิดแบบนี้อะ ")
ผม : อืมมม (แล้วผมก็สนทนาไปเรื่อยตามประสา)
รุ่นพี่ : ไอ่เรื่องขอความร่วมมือกับคนไทยมันยากกกกน้อง ขนาดกฏหมงกฏหมายคนไทยเรายังแหกกันหน้าตาเฉย แล้วยิ่งรัฐบาลนี้เป็นทหารที่ฝั่งตรงข้ามไม่ยอมรับในการเข้ามาซ่ะด้วย ไหนจะเรื่องแตกแยกทางความคิด ทางการเมืองแบบนั้น แล้วรัฐฯออกมาขอความร่วมมือ เค้าๆคงยินดีหรอก แล้วคุณภาพ ความรับผิดชอบของคนบ้านเรามันก็ต่างกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์พวกนั้น อันนั้นวินัยของคนในชาติเค้าสูง... เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ใช้ยาแรงมันไม่ลดลงแน่นอน เผลอๆ สหรัฐฯที่กำลังโดนหนักตอนนี้ สุดท้ายสถานการณ์แย่ๆของเค้าจะจบก่อนไทยเราอีก แล้วถ้าใช้ยาแรงในประเทศก็ต้องหาวิธีจัดการกับคนที่จะเข้าประเทศอย่างเข้างวดน่ะ ให้ทำแบบที่ผ่านมาไม่ได้ ไม่งั้นใช้ยาแรงไปก็เสียเปล่า เพราะหากเรายังรับคนเข้าประเทศแบบปล่อยปะ สุดท้ายพวกนั้นก็มาแพร่เชื้ออีก เราทำในบ้านแทบตาย แต่คนที่เข้าบ้านเรากลับเอาโรคมาให้เองไม่จบไม่สิ้น
ผม : ...........
รุ่นพี่ : แล้วที่แต่ละจังหวัดออกมาตรการตอนกลางคืนแบบนี้ เอาตรงๆมันก็ไม่ช่วยหรอก แต่ถ้าเป็นการออกมาตรการจากช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นก็ค่อยขยับขยายเวลาต้องห้าม ก็เป็นแนวทางที่ดีน่ะ ไม่หักด้ามพล้าด้วยเข่า เพราะคนไทยก็จะค่อยๆปรับตัวได้ ไม่ใช่ประกาศเปรี้ยงเดียวไปซึ่งคนก็ปรับตัวไม่ทัน
ผม : อืม (ก็ฟังพี่เค้าให้ความเห็นแล้วก็พูดคุยไปเรื่อยอีกหลายๆเรื่อง)