รู้จักโครงสร้างของ Sup หรือ Stand Up Paddle Board แบบสูบลมให้ครบทุกส่วน
เลือก SUP ที่จะใช้ให้ตรงกับความต้องการของตัวเองที่สุดไม่ใช่แค่ดูว่า SUP ของเราเป็นทรง All-Round หรือ Touring เท่านั้น
แต่การที่เราทำได้ความรู้จักโครงสร้างของ SUP แต่ละส่วนไว้นั้นจะช่วยให้เราเข้าใจประสิทธิภาพและรูปแบบการใช้งานของ SUP มากขึ้น
ดังนั้นการรู้จัก SUP ให้ละเอียดมากขึ้นเราก็ควรจะไปรู้จักโครงสร้างส่วนต่างๆ เพื่อจะได้รู้ว่ามันมีหน้าที่อะไร และส่งผลต่อการพายอย่างไร
D r o p S t i t c h
มาเริ่มจากโครงสร้างภายใน อย่าง Drop Stitch กันก่อนเลย โครงสร้างนี้เป็นส่วนที่สำคัญของ SUP แบบสูบลมมากที่สุด
ซึ่ง Drop stitch นั้นจะเป็นเส้นใยที่ทออย่างหนาแน่นมากอยู่ภายใน SUP เป็นส่วนที่คอยรักษารูปร่างของ SUP
ให้ไม่นูนเวลาที่เราสูบลมหรืออัดแรงดันสูงๆ เข้าไป
ถ้าไม่เห็นภาพก็ลองนึกภาพเราเป่าลูกโป่งดู เพราะภายในลูกโป่งไม่มี Drop stitch การขยายตัว มันจึงป่องออกเป็นวงกลม
เช่นกันถ้า SUP ของเราไม่มี Drop-Stitch เคยรักษารูปร่างของ SUP ไว้ SUP มีลักษณะป่องกลมแปลกๆ
โดยปกติเมื่อเราสูบลมเข้าไปมากขึ้นจนถึงระดับความดันที่แนะนำ เราจะเห็นเลยว่า SUP จะมี Stiffness มาก
จนใช้งานได้ไม่ค่อยต่างจากบอร์ดแข็งเลยและยังเก็บรักษาได้ง่ายกว่า
มาต่อกันที่ โครงสร้างของ SUP ในส่วนต่างๆ กันเลยเริ่มจาก
– N o s e
เป็นบริเวณส่วนหัวของ SUP โดยส่วน Nose ของ SUP แต่ละทรงจะมีความแตกต่างกัน ถ้าเป็นทรง All-round ส่วน Nose จะมีลักษณะที่โค้งมน
ส่งผลให้ SUP ค่อนข้างเสถียรแต่ Nose ที่มีความเรียวแหลมแบบทรง Touring หรือ Racing เพราะเป็นลักษณะที่ลดแรงต้านของน้ำได้ดี
เราจึงเห็น Nose ที่เรียวแหลมใน SUP ทรง Touring และ Racing
– T a i l
บริเวณส่วนท้ายของ SUP จะเรียกว่า Tail ซึ่งก็เป็นส่วนที่ส่งผลการประสิทธิภาพของไม่ต่างจาก Nose โดย SUP ที่ Tail มีพื้นที่เยอะนั้นจะสามารถทรงตัวได้ง่าย ทำความเร็วได้ดีแต่ประสิทธิภาพด้านความคล่องตัวก็จะลดลงต่างจาก SUP ที่พื้นที่ส่วน Tail น้อยที่จะมีความคล่องตัวสูงกว่า
– R o c k e r
Rocker คือลักษณะของ SUP ที่มีความเชิดโค้งขึ้น แบ่งออกเป็น 2 แบบคือเชิดแค่ส่วน Nose ของ SUP โดยรูปแบบนี้เรามักพบใน SUP
พวกทรง Touring และ Racing เพราะเป็นดีไซน์ที่ทีช่วยให้ SUP เคลื่อนที่ได้รวดเร็ว ช่วยลดแรงต้านของน้ำ ทำให้ตัดคลื่นได้ดี ส่วน Rocker
อีกแบบจะเป็นแบบที่เชิดขึ้นทั้งส่วน Nose และ Tail มักพบใน Surf Board
– R a i l B a n d s
Rail Band จะเป็นแถบที่ด้านข้างของ SUP ซึ่งเราจะพบว่าถ้าเป็น SUP ที่มีขนาดไม่ยาวมาก ส่วน Rail Bands นี้จะมีความโค้งมน
แต่ถ้าเป็น SUP ยาวอย่างพวกทรง Touring หรือ Race ส่วนนี้ที่ก็จะมีลักษณะราวกับเป็นเส้นตรง
ซึ่งมีส่วนในการช่วยเพิ่มความเร็วแต่ก็ส่งผลให้ความคล่องตัวของ SUP ลดลงต้องใช้แรงมากขึ้นเวลาต้องการจะเลี้ยว
– D e c k
พื้นผิวด้านบนของ SUP จะเรียกว่า Deck เป็น โครงสร้างของ SUP ส่วนที่เราจะยืนอยู่ จะมีความแตกต่างกันไปตามบริษัทผู้ผลิต
สำหรับ SUP แบบสูบลมมักจะปูทับส่วน Deck ด้วย EVA Foot Pad เพื่อให้ผู้ใช้สามารถยืนทรงตัวได้ง่ายขึ้น
ให้แรงยึดเกาะที่ดี ป้องกันไม่ให้เกิดการลื่นไถล มีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะสำหรับการพายแบบระยะไกล
– K i c k p a d
สำหรับ SUP บางรุ่นจะมี KIck pad ที่บริเวณส่วนท้ายเพื่อให้ SUP ตัวนั้นมีวงเลี้ยวที่แคบและช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับ SUP
– H a n d l e s
เป็นที่จับไว้สำหรับการเคลื่อนย้าย SUP ส่วนใหญ่จะอยู่ตรงกลางจึงเป็นส่วนที่ช่วยให้มือใหม่ที่เพิ่งหัดพาย SUP
สามารถหาตำแหน่งที่ SUP จะมีความสมดุลที่สุดได้ง่ายๆ จะได้ยืนทรงตัวได้ง่าย ไม่ล้ม
– B u n g e e C o r d
เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับรัดเก็บสัมภาระไว้บน SUP โดยเฉพาะนักพายที่ชื่นชอบการพายระยะไกลจำเป็นต้องพกสัมภาระไปด้วย
จึงเป็นจำเป็นต้องมี Bungee Cord ที่ SUP ไว้
– F i n s
เป็นเหมือนหางเสือมีหน้าที่ช่วยให้ SUP แล่นในทิศทางเส้นตรง จะอยู่ด้านล่างของบอร์ด
ถ้าเราไม่ใส่ Fin ตอนพาย SUP ของเราจะวนอยู่กับที่ไม่ได้ไปไหน
ดังนั้นก่อนออกไปพาย SUP ก็อย่าลืมตรวจของในกระเป๋าให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ลืม Fin ของ SUP ทิ้งไว้ที่บ้าน
ดังนั้นเพื่อการพาย SUP ให้สนุกขึ้น เราทุกคนก็ควรทำความรู้จัก โครงสร้างของ SUP
เพื่อที่เราจะสามารถเข้าใจรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมของ SUP แต่ละตัว จะได้นำไปใช้งานได้ถูกต้อง
และการทำความเข้าใจโครงสร้างต่างๆ ยังเป็นส่วนที่ช่วยให้เราตัดสินใจเลือก SUP ที่เหมาะสมกับเราได้
เพราะเลือก SUP ก็เหมือนการเลือกเพื่อนที่เราจะไปเที่ยว พากันเข้าสู่โลกของการผจญภัย ดังนั้นเราจึงเป็นเหตุผลที่ดีที่เราจะต้องใส่ใจเรื่องนี้กัน
ติดตามเรื่องราวดีๆ ที่มีประโยชน์ของ SUP กีฬาทางน้ำที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับคุณได้อีกช่องทางที่ Aztron Thailand
รู้จักโครงสร้างของ Sup หรือ Stand Up Paddle Board แบบสูบลมให้ครบทุกส่วน