จขกท อายุ 34 ปีครับ เรื่องเซ็งๆมีดังนี้
- บ้านครับ อาศัยอยู่กับพ่อแม่และน้องมาตลอดชีวิต บ้านรกมาก ขนาดว่ารีโนเวทบ้านครั้งใหญ่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว (ตอนนั้นผมอยู่ ม.6) นึกว่าชีวิตจะดี ไม่เลย บ้านรกกว่าตอนยังไม่รีโนเวท แม่คุมทุกอย่าง ของทุกชิ้นจะเอาไปทิ้งคือมีเรื่อง แม่จะคอยบอกเสมอว่าของมันมีประโยชน์ ยังเอามาทำอย่างอื่นได้ บางอย่างรวมไว้ก็ขายได้ ขวด กระดาษ พลาสติก ทุกอย่างเป็นเงินได้ (แล้วชีวิตคนในบ้านละ?) ผ่านมา 15 ปี ทุกอย่างเหมือนเดิม หนักกว่าเดิมคือปลวก หนู ไม่จบ
- ทุกวันนี้โต๊ะกินข้าวไม่มี ครัวไม่มี ทั้งที่จริงๆ profile ครอบครัวไม่แย่เลย อยู่สบายๆด้วยซ้ำ แต่ความจริงคือหันไปทางนี้ก็มีแต่ของรกๆ ของๆๆๆๆ วางกองเป็นภูเขา เอามาใช้งานก็ไม่ได้ พังบ้าง ฝุ่นบ้าง แอบเอาไปทิ้งก็ต้องทะเลาะกับ… แม่…
- ผมอาจโชคดีที่เป็นคนเดียวในบ้านที่มีห้องส่วนตัว (ทั้งที่จริงๆคือตกลงไว้แต่แรกว่าการรีโนเวทบ้านคือทุกคนจะมีห้อง) แต่เพราะทุกห้องมีแต่กองของ ซึ่งผมเป็นคนเดียวที่รักษาที่มั่นของผมอย่างเหนียวแน่น ห้องผมเลยกลายเป็นพื้นที่เดียวในบ้านที่โล่งกว่าทุกห้อง ผมติดแอร์เอง ดูแลห้องตัวเองอย่างดี จนกลายเป็นห้องผมที่ทุกคนจะดูหนัง กินข้าว ประชุม ทำงาน ก็มาห้องผม (แล้วมันเรียกว่าห้องนอนส่วนตัวยังไง?) ล่าสุดบ้านรกจนหนูเริ่มบุกบ้าน น้องสาวผมกลัวหนู ผมก็เปิดห้องตัวเองให้มานอนที่นี่กัน 3 พี่น้อง มีหมา 3 ตัวก็มานอนห้องผมด้วย ความเป็นส่วนตัวที่เคยมีตลอดชีวิตหายไป ก็คิดว่าดูแลน้องเลยยอม
- ครอบครับไม่ได้มีบ้านที่เดียว เรามีบ้านดีๆ 4 หลัง บางหลังนี่ตึก 4 ชั้นรวมต่อเติมก็หลายล้าน แต่ … เอามาใช้งานไม่ได้ ของเต็มไปหมด ไหนจะงานซ่อม ซื้อมา 20 ปี เคยไปนอนแค่คืนเดียว มีคอนโด คอนโดก็มีแต่ของไปกองๆ ส่วนอีกหลังอยู่ต่างจังหวัด ไม่ขอเอามาพูดถึง สรุป รกทุกบ้าน มีเรื่องต้องซ่อมทุกบ้าน อะไรมันจะขนาดนั้น และไปแตะไปยุ่งอะไรก็มีเรื่อง เพราะแม่ก็จะบอกว่า คิดไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้าง จะทำแบบไหน แต่ก็ไม่เห็นได้ทำซักที
- มาถึงตรงนี้เดียวจะว่า แล้วผมทำอะไรให้ที่บ้านบ้างถึงมาบ่น ตั้งแต่พ่อเกษียรมาหลายปี ผมคือคนที่ดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน เอาจริงๆผมไม่ได้ต้องการความเว่อวัง ผมเต็มใจดูแลที่บ้าน แต่ขอแลกกับบ้านที่เป็นบ้าน บ้านที่เรามีไว้พักผ่อน เพราะทุกวันที่ตื่นเราก็ออกไปทำงานหาเงินมาช่วยดูแลที่บ้าน แต่อย่างที่บอกครับ ที่จะกินข้าวในบ้านยังไม่มี บางวันต้องยกข้าวมากินบนที่นอน มันใช่หรอ?
- ล่าสุดแม่มี project จะซ่อมบ้าน (อีกแล้ว) ลำบากน้องสาวผมต้องไปกู้ ซึ่งก็เป็นความลับว่ากู้มาเท่าไหร่ (เท่าที่รู้มาก็เป็นล้าน ดอกเบี้ยอย่างเดียวก็เก้าแสนแล้ว) กู้มาจะครบปีแล้ว ก็ยังไม่ได้เริ่มทำบ้าน ถ้าวันไหนที่แม่จับกองของมาเคลียร์ จะไม่ใช่การยกไปทิ้งปกติ แต่จะนั่งรื้อทุกชิ้น พินิจทุกอย่าง สุดท้ายก็ทิ้งไปได้นิดหน่อย แล้วที่เหลือคือได้ไปต่อ กลับมาในรูปแบบของแพ็คใหม่ๆและวางไว้ที่เดิม … เพื่อ?
- เอาจริงผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน และผมก็รักแม่ผมมากๆ แม่มีความน่ารักหลายเรื่องมากๆ และผมก็รู้ว่าแม่รักผมมาก แต่ช่วงหลายปีมานี้ ทะเลาะบ่อยมาก เพราะเรื่องบ้านรกและอารมณ์ของแม่ ซึ่งไม่ว่าผมจะพูดอะไร ก็จะถูกว่ากลับมาเสมอ และจบที่ว่าเค้าคือแม่ …
- ผมคิดเรื่องการมีบ้านของตัวเอง คิดกับน้องบ้าง คิดกับตัวเองคนเดียวบ้าง แต่การมีบ้านใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ค่าใช้จ่ายตามมาก็เยอะมาก ลำพังเงินเดือนผมผมซื้อไหว แต่ผมยังหาเงินดูแลที่บ้านอยู่ทุกเดือนผมไม่กล้าเพิ่มค่าใช้จ่าย และในอนาคตบ้านทุกหลังที่พ่อแม่มีผมก็ต้องดูแล แต่ถ้าให้รอถึงวันนั้นผมคงประสาทกินก่อนแน่นอน (และสารภาพจากใจเลยว่าผมไม่คิดหวังเอาสมบัติของพ่อแม่แม้แต่อย่างเดียว)
- ผลของความอึดอัดกำลังส่งผลกับชีวิตผมอย่างมาก ยิ่งช่วง work from home ผมแทบบ้า คือ ผมทำงานไม่ได้เลย ไม่มีสมาธิ ร้อน รก อึดอัด ชีวิตอยู่แต่ในห้องตัวเอง (เพราะมันเป็นทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว ห้องทำงาน และไม่ใช่แค่ตัวคนเดียว น้องสาวก็มาทำงานห้องนี้ นอนห้องนี้ กินข้าวห้องนี้) ทั้งๆที่บ้านมันก็มีห้องมากมาย มีสัดส่วนชัดเจน แต่มันเต็มไปด้วยของ และของพวกนั้นดันมีค่ามากกว่าคนในบ้านเสียอีก และความอึดอัด เริ่มส่งผลต่อความคิด ผมมีอคติกับแม่ และเจ็บปวดทุกครั้ง ผมรักแม่แต่ผมอดคิดหงุดหงิดไม่ได้เลย ผมประชดบ่อยมาก บางทีก็ทิ้งตัวลงบนกองของบ้าง เตะบ้าง ปาบ้าง พูดจาประชดบ้าง คือมันไม่ใช่ตัวผม ไม่ใช่คนที่ผมอยากจะเป็น มันเป็นไปเอง มันเกินจะทนจริงๆ (นี่ดีว่าศึกษาธรรมะ และปฏิบัติวิปัสสนามาบ้าง เคยบวชด้วย เลยรู้สึกอดทนได้มากแล้ว แต่อย่ากระนั้นเลย ความดุดันในตัวมันเริ่มแย่ลงทุกวันๆๆๆ)
- ผมไม่อยากไปไหน ผมสงสารทุกคน มันง่ายๆแค่ทิ้งอดีต ทิ้งขยะ ทิ้งของแล้วมาเริ่มชีวิตที่อยอุ่นด้วยกัน แต่ผมแพ้ให้กับของไม่มีประโยชน์เหล่านั้น 15 ปีแล้วที่บ้านไม่เป็นบ้าน และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นด้วย จะออกไปเช่าที่อื่นอยู่ก็เสียดายเงิน บ้านก็มี ทำไมต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเช่า สู้เอาเงินมาดูแลพวกเค้า พาเค้าไปกินของอร่อยๆ เที่ยวกัน ไม่ดีกว่าหรอ
- คุยกับน้องล้านครั้ง คุยกับแม่แสนครั้ง ก็กลับมาจุดเดิม คือ แม่โมโห น้อยใจ และจบที่ต่างคนต่างใจพังกลับไปทุกครั้ง
- บ้านจอดรถได้ 3 คัน ทุกวันนี้จอดได้คันเดียว พื้นที่ที่เหลือคือ วางของ และถ้าจะเคลียร์ของ คือต้องเอารถออกจากบ้าน เพราะพื้นที่จอดรถ 1 คันตรงนั้น คือพื้นที่เดียวในการยกของออกมาเคลียร์
- ในกล่องใหญ่มีกล่องเล็ก ในกล่องเล็กมีถุง ในถุงมีกล่องเล็กไปอีก ในกล่องเล็กไปอีกมีกระดาษ ในกระดาษมีของ และมีแบบนี้เป็นหลายร้อยกล่อง ล่าสุดเห็นแม่น่งขีดปากกาเก่าทุกแท่ง แท่งไหนติดคือเก็บ แท่งไหนไม่ติดถึงจะยอมทิ้ง คือ ถ้า speed ในการเคลียร์ของประมาณนี้ น่าจะใช้ทั้งชีวิตในการเคลียร๋
- ผมควรทำไงดี ผมหมายถึง ผมควรทำยังไงมันถึงจะดี มันถึงจะจบดีๆ อยากมีชีวิตปกติผู้คนทั่วไปซักที ผมรู้ว่าคนที่ลำบากกว่าผมก็มีมาก แต่ถ้าชีวิตบ้านนี้มันจัดการไม่ยาก มันก็ควรจะจัดการได้ไหม ไม่น่าต้องทุกข์กับเรื่องที่จัดการได้ ผมเรียนถามจริงๆ ผมทำไงดี
ชี้ทางสว่างให้ทีครับ
อึดอัดกับเรื่องบ้านๆ
- บ้านครับ อาศัยอยู่กับพ่อแม่และน้องมาตลอดชีวิต บ้านรกมาก ขนาดว่ารีโนเวทบ้านครั้งใหญ่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว (ตอนนั้นผมอยู่ ม.6) นึกว่าชีวิตจะดี ไม่เลย บ้านรกกว่าตอนยังไม่รีโนเวท แม่คุมทุกอย่าง ของทุกชิ้นจะเอาไปทิ้งคือมีเรื่อง แม่จะคอยบอกเสมอว่าของมันมีประโยชน์ ยังเอามาทำอย่างอื่นได้ บางอย่างรวมไว้ก็ขายได้ ขวด กระดาษ พลาสติก ทุกอย่างเป็นเงินได้ (แล้วชีวิตคนในบ้านละ?) ผ่านมา 15 ปี ทุกอย่างเหมือนเดิม หนักกว่าเดิมคือปลวก หนู ไม่จบ
- ทุกวันนี้โต๊ะกินข้าวไม่มี ครัวไม่มี ทั้งที่จริงๆ profile ครอบครัวไม่แย่เลย อยู่สบายๆด้วยซ้ำ แต่ความจริงคือหันไปทางนี้ก็มีแต่ของรกๆ ของๆๆๆๆ วางกองเป็นภูเขา เอามาใช้งานก็ไม่ได้ พังบ้าง ฝุ่นบ้าง แอบเอาไปทิ้งก็ต้องทะเลาะกับ… แม่…
- ผมอาจโชคดีที่เป็นคนเดียวในบ้านที่มีห้องส่วนตัว (ทั้งที่จริงๆคือตกลงไว้แต่แรกว่าการรีโนเวทบ้านคือทุกคนจะมีห้อง) แต่เพราะทุกห้องมีแต่กองของ ซึ่งผมเป็นคนเดียวที่รักษาที่มั่นของผมอย่างเหนียวแน่น ห้องผมเลยกลายเป็นพื้นที่เดียวในบ้านที่โล่งกว่าทุกห้อง ผมติดแอร์เอง ดูแลห้องตัวเองอย่างดี จนกลายเป็นห้องผมที่ทุกคนจะดูหนัง กินข้าว ประชุม ทำงาน ก็มาห้องผม (แล้วมันเรียกว่าห้องนอนส่วนตัวยังไง?) ล่าสุดบ้านรกจนหนูเริ่มบุกบ้าน น้องสาวผมกลัวหนู ผมก็เปิดห้องตัวเองให้มานอนที่นี่กัน 3 พี่น้อง มีหมา 3 ตัวก็มานอนห้องผมด้วย ความเป็นส่วนตัวที่เคยมีตลอดชีวิตหายไป ก็คิดว่าดูแลน้องเลยยอม
- ครอบครับไม่ได้มีบ้านที่เดียว เรามีบ้านดีๆ 4 หลัง บางหลังนี่ตึก 4 ชั้นรวมต่อเติมก็หลายล้าน แต่ … เอามาใช้งานไม่ได้ ของเต็มไปหมด ไหนจะงานซ่อม ซื้อมา 20 ปี เคยไปนอนแค่คืนเดียว มีคอนโด คอนโดก็มีแต่ของไปกองๆ ส่วนอีกหลังอยู่ต่างจังหวัด ไม่ขอเอามาพูดถึง สรุป รกทุกบ้าน มีเรื่องต้องซ่อมทุกบ้าน อะไรมันจะขนาดนั้น และไปแตะไปยุ่งอะไรก็มีเรื่อง เพราะแม่ก็จะบอกว่า คิดไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้าง จะทำแบบไหน แต่ก็ไม่เห็นได้ทำซักที
- มาถึงตรงนี้เดียวจะว่า แล้วผมทำอะไรให้ที่บ้านบ้างถึงมาบ่น ตั้งแต่พ่อเกษียรมาหลายปี ผมคือคนที่ดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน เอาจริงๆผมไม่ได้ต้องการความเว่อวัง ผมเต็มใจดูแลที่บ้าน แต่ขอแลกกับบ้านที่เป็นบ้าน บ้านที่เรามีไว้พักผ่อน เพราะทุกวันที่ตื่นเราก็ออกไปทำงานหาเงินมาช่วยดูแลที่บ้าน แต่อย่างที่บอกครับ ที่จะกินข้าวในบ้านยังไม่มี บางวันต้องยกข้าวมากินบนที่นอน มันใช่หรอ?
- ล่าสุดแม่มี project จะซ่อมบ้าน (อีกแล้ว) ลำบากน้องสาวผมต้องไปกู้ ซึ่งก็เป็นความลับว่ากู้มาเท่าไหร่ (เท่าที่รู้มาก็เป็นล้าน ดอกเบี้ยอย่างเดียวก็เก้าแสนแล้ว) กู้มาจะครบปีแล้ว ก็ยังไม่ได้เริ่มทำบ้าน ถ้าวันไหนที่แม่จับกองของมาเคลียร์ จะไม่ใช่การยกไปทิ้งปกติ แต่จะนั่งรื้อทุกชิ้น พินิจทุกอย่าง สุดท้ายก็ทิ้งไปได้นิดหน่อย แล้วที่เหลือคือได้ไปต่อ กลับมาในรูปแบบของแพ็คใหม่ๆและวางไว้ที่เดิม … เพื่อ?
- เอาจริงผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน และผมก็รักแม่ผมมากๆ แม่มีความน่ารักหลายเรื่องมากๆ และผมก็รู้ว่าแม่รักผมมาก แต่ช่วงหลายปีมานี้ ทะเลาะบ่อยมาก เพราะเรื่องบ้านรกและอารมณ์ของแม่ ซึ่งไม่ว่าผมจะพูดอะไร ก็จะถูกว่ากลับมาเสมอ และจบที่ว่าเค้าคือแม่ …
- ผมคิดเรื่องการมีบ้านของตัวเอง คิดกับน้องบ้าง คิดกับตัวเองคนเดียวบ้าง แต่การมีบ้านใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ค่าใช้จ่ายตามมาก็เยอะมาก ลำพังเงินเดือนผมผมซื้อไหว แต่ผมยังหาเงินดูแลที่บ้านอยู่ทุกเดือนผมไม่กล้าเพิ่มค่าใช้จ่าย และในอนาคตบ้านทุกหลังที่พ่อแม่มีผมก็ต้องดูแล แต่ถ้าให้รอถึงวันนั้นผมคงประสาทกินก่อนแน่นอน (และสารภาพจากใจเลยว่าผมไม่คิดหวังเอาสมบัติของพ่อแม่แม้แต่อย่างเดียว)
- ผลของความอึดอัดกำลังส่งผลกับชีวิตผมอย่างมาก ยิ่งช่วง work from home ผมแทบบ้า คือ ผมทำงานไม่ได้เลย ไม่มีสมาธิ ร้อน รก อึดอัด ชีวิตอยู่แต่ในห้องตัวเอง (เพราะมันเป็นทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว ห้องทำงาน และไม่ใช่แค่ตัวคนเดียว น้องสาวก็มาทำงานห้องนี้ นอนห้องนี้ กินข้าวห้องนี้) ทั้งๆที่บ้านมันก็มีห้องมากมาย มีสัดส่วนชัดเจน แต่มันเต็มไปด้วยของ และของพวกนั้นดันมีค่ามากกว่าคนในบ้านเสียอีก และความอึดอัด เริ่มส่งผลต่อความคิด ผมมีอคติกับแม่ และเจ็บปวดทุกครั้ง ผมรักแม่แต่ผมอดคิดหงุดหงิดไม่ได้เลย ผมประชดบ่อยมาก บางทีก็ทิ้งตัวลงบนกองของบ้าง เตะบ้าง ปาบ้าง พูดจาประชดบ้าง คือมันไม่ใช่ตัวผม ไม่ใช่คนที่ผมอยากจะเป็น มันเป็นไปเอง มันเกินจะทนจริงๆ (นี่ดีว่าศึกษาธรรมะ และปฏิบัติวิปัสสนามาบ้าง เคยบวชด้วย เลยรู้สึกอดทนได้มากแล้ว แต่อย่ากระนั้นเลย ความดุดันในตัวมันเริ่มแย่ลงทุกวันๆๆๆ)
- ผมไม่อยากไปไหน ผมสงสารทุกคน มันง่ายๆแค่ทิ้งอดีต ทิ้งขยะ ทิ้งของแล้วมาเริ่มชีวิตที่อยอุ่นด้วยกัน แต่ผมแพ้ให้กับของไม่มีประโยชน์เหล่านั้น 15 ปีแล้วที่บ้านไม่เป็นบ้าน และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นด้วย จะออกไปเช่าที่อื่นอยู่ก็เสียดายเงิน บ้านก็มี ทำไมต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเช่า สู้เอาเงินมาดูแลพวกเค้า พาเค้าไปกินของอร่อยๆ เที่ยวกัน ไม่ดีกว่าหรอ
- คุยกับน้องล้านครั้ง คุยกับแม่แสนครั้ง ก็กลับมาจุดเดิม คือ แม่โมโห น้อยใจ และจบที่ต่างคนต่างใจพังกลับไปทุกครั้ง
- บ้านจอดรถได้ 3 คัน ทุกวันนี้จอดได้คันเดียว พื้นที่ที่เหลือคือ วางของ และถ้าจะเคลียร์ของ คือต้องเอารถออกจากบ้าน เพราะพื้นที่จอดรถ 1 คันตรงนั้น คือพื้นที่เดียวในการยกของออกมาเคลียร์
- ในกล่องใหญ่มีกล่องเล็ก ในกล่องเล็กมีถุง ในถุงมีกล่องเล็กไปอีก ในกล่องเล็กไปอีกมีกระดาษ ในกระดาษมีของ และมีแบบนี้เป็นหลายร้อยกล่อง ล่าสุดเห็นแม่น่งขีดปากกาเก่าทุกแท่ง แท่งไหนติดคือเก็บ แท่งไหนไม่ติดถึงจะยอมทิ้ง คือ ถ้า speed ในการเคลียร์ของประมาณนี้ น่าจะใช้ทั้งชีวิตในการเคลียร๋
- ผมควรทำไงดี ผมหมายถึง ผมควรทำยังไงมันถึงจะดี มันถึงจะจบดีๆ อยากมีชีวิตปกติผู้คนทั่วไปซักที ผมรู้ว่าคนที่ลำบากกว่าผมก็มีมาก แต่ถ้าชีวิตบ้านนี้มันจัดการไม่ยาก มันก็ควรจะจัดการได้ไหม ไม่น่าต้องทุกข์กับเรื่องที่จัดการได้ ผมเรียนถามจริงๆ ผมทำไงดี
ชี้ทางสว่างให้ทีครับ