น่าจะมีบางคนที่เคยอ่านผ่านตาหรือฟังพระเทศน์ถึงพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสถามพระสารีบุตร ซึ่งขณะนั้นบรรลุธรรมแล้วว่า เชื่อคำสอนของพระองค์หรือไม่ พระสารีบุตรตอบว่า "ไม่เชื่อ" แต่ที่ไม่เชื่อนั้น เพราะพระสารีบุตร "เห็นของจริงแล้ว" นั่นเอง ไม่มีเรื่องความเชื่ออีกต่อไป
ผมเคยได้ฟังพระอาจารย์รูปหนึ่ง ท่านเทศน์และยกตัวอย่างเรื่องความเชื่อกับความจริงนี้ ผมเห็นว่าน่าสนใจเลยขออนุญาตนำมาถ่ายทอด โดยดัดแปลงเนื้อหาเล็กน้อย
สมมุติว่าผมนั่งอยู่บนเวทีแห่งหนึ่ง มีคนเข้ามาฟังผมพูด ผมได้ก้มลงไปใต้โต๊ะแล้วกำมือชูขึ้นมา แล้วผมถามทุกคนว่า "ในมือที่ผมกำอยู่นี้ มีดอกไม้อยู่ เชื่อหรือไม่?"
ท่านจะตอบว่าอะไร เชื่อหรือไม่เชื่อ?
ก็คงเดากันไปต่างๆ นานา บังเอิญ มีพระรูปหนึ่ง ขออนุญาตยกตัวอย่างหลวงพ่อปราโมทย์ก็แล้วกัน (หรือจะเป็นพระรูปใดก็ได้ เอาที่ท่านศรัทธา) ท่านนั่งอยู่ข้างๆ ผมพอดี ท่านเห็นผมก้มลงแล้วก็กำมือโดยไม่ได้หยิบอะไร ซึ่งมีคนถามหลวงพ่อปราโมทย์ว่า ในมือผมมีอะไรหรือไม่ หลวงพ่อปราโมทย์ตอบว่า "ไม่มีอะไร โยมคนนั้นแค่ก้มลงไปแล้วกำมือเฉยๆ ไม่ได้หยิยอะไรเลย"
ถามว่า คนที่ได้ยินหลวงพ่อบอกแบบนั้น เชื่อหลวงพ่อปราโมทย์หรือไม่? ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่จะเชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ เชื่อว่าในมือผมไม่มีอะไร
แต่จะเชื่ออย่างหมดหัวใจ 100% หรือไม่ บางคนอาจจะบอกว่าเชื่อหมดใจ บางคนอาจจะมีเผื่อใจไว้บ้าง แต่ถึงยังไงลึกๆ ก็ไม่มีทางเชื่อหมดใจแน่นอน
ต่อมา ผมได้แบมือออกมา ปรากฏว่าในมือผมไม่มีอะไรจริงๆ จากนั้นผมได้กำมือกลับไปเหมือนเดิม แล้วผมถามอีกทีว่า ทุกท่านเชื่อหลวงพ่อปราโมทย์หรือไม่ว่าในกำมือผมไม่มีอะไร?
แน่นอนว่า ทุกคนมั่นใจ 100% แล้วว่าในมือผมไม่มีอะไร แต่ไม่ใช่เพราะเชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ แต่เห็นของจริงแล้ว
นี่ก็คือสิ่งแตกต่างระหว่าง "ความเชื่อ" กับ "ความจริง" ซึ่งเป้าหมายของพุทธศาสนิกชนทุกคนก็คือ การได้เห็นความจริงในคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ (นั่นคือ อริยสัจสี่)
เราเรียกการเห็นความจริงว่า เกิดปัญญา หรือการบรรลุธรรม
ข้อแตกต่างระหว่าง "ความเชื่อ" กับ "เห็นของจริง"
ผมเคยได้ฟังพระอาจารย์รูปหนึ่ง ท่านเทศน์และยกตัวอย่างเรื่องความเชื่อกับความจริงนี้ ผมเห็นว่าน่าสนใจเลยขออนุญาตนำมาถ่ายทอด โดยดัดแปลงเนื้อหาเล็กน้อย
สมมุติว่าผมนั่งอยู่บนเวทีแห่งหนึ่ง มีคนเข้ามาฟังผมพูด ผมได้ก้มลงไปใต้โต๊ะแล้วกำมือชูขึ้นมา แล้วผมถามทุกคนว่า "ในมือที่ผมกำอยู่นี้ มีดอกไม้อยู่ เชื่อหรือไม่?"
ท่านจะตอบว่าอะไร เชื่อหรือไม่เชื่อ?
ก็คงเดากันไปต่างๆ นานา บังเอิญ มีพระรูปหนึ่ง ขออนุญาตยกตัวอย่างหลวงพ่อปราโมทย์ก็แล้วกัน (หรือจะเป็นพระรูปใดก็ได้ เอาที่ท่านศรัทธา) ท่านนั่งอยู่ข้างๆ ผมพอดี ท่านเห็นผมก้มลงแล้วก็กำมือโดยไม่ได้หยิบอะไร ซึ่งมีคนถามหลวงพ่อปราโมทย์ว่า ในมือผมมีอะไรหรือไม่ หลวงพ่อปราโมทย์ตอบว่า "ไม่มีอะไร โยมคนนั้นแค่ก้มลงไปแล้วกำมือเฉยๆ ไม่ได้หยิยอะไรเลย"
ถามว่า คนที่ได้ยินหลวงพ่อบอกแบบนั้น เชื่อหลวงพ่อปราโมทย์หรือไม่? ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่จะเชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ เชื่อว่าในมือผมไม่มีอะไร
แต่จะเชื่ออย่างหมดหัวใจ 100% หรือไม่ บางคนอาจจะบอกว่าเชื่อหมดใจ บางคนอาจจะมีเผื่อใจไว้บ้าง แต่ถึงยังไงลึกๆ ก็ไม่มีทางเชื่อหมดใจแน่นอน
ต่อมา ผมได้แบมือออกมา ปรากฏว่าในมือผมไม่มีอะไรจริงๆ จากนั้นผมได้กำมือกลับไปเหมือนเดิม แล้วผมถามอีกทีว่า ทุกท่านเชื่อหลวงพ่อปราโมทย์หรือไม่ว่าในกำมือผมไม่มีอะไร?
แน่นอนว่า ทุกคนมั่นใจ 100% แล้วว่าในมือผมไม่มีอะไร แต่ไม่ใช่เพราะเชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ แต่เห็นของจริงแล้ว
นี่ก็คือสิ่งแตกต่างระหว่าง "ความเชื่อ" กับ "ความจริง" ซึ่งเป้าหมายของพุทธศาสนิกชนทุกคนก็คือ การได้เห็นความจริงในคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ (นั่นคือ อริยสัจสี่)
เราเรียกการเห็นความจริงว่า เกิดปัญญา หรือการบรรลุธรรม