
PLANB เด้งอีกครั้ง หลังราคารูดติดฟลอร์ จากข่าวลบเลื่อนจัดโอลิมปิก โบรกฯประเมินทำกำไรปีนี้สูญกว่า 100 ล้านบาท แถมเจอวิบากกรรมโควิด–19 ฉุดธุรกิจสื่อโฆษณาซบเซา คาดอัตราการใช้สื่อโฆษณาของ PLANB ในปี 63 หดตัวราว 50% ขณะที่กำไรปีนี้จะลดลงครึ่งหนึ่งจากปีที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์มองว่า ราคาหุ้นร่วงรับข่าวลบเกินกว่าเหตุ แนะ "ซื้อ" มั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมลุยธุรกิจต่อ หากสถานการณ์กลับสู่ปกติ
ราคาหุ้น บมจ.แพลนบี มีเดีย หรือ PLANB เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 6% มาปิดที่ระดับ 2.90 บาท ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติ +142.78% เมื่อเปรียบเทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น PLANB ปรับตัวร่วงติดฟลอร์ หลังจากได้ข้อสรุปว่า ญี่ปุ่นจะเลื่อนการจัดการแข่งขันโอลิมปิกออกไปเป็นปี 2564 ทำให้ราคาหุ้น PLANB ในปัจจุบันเป็นระดับราคาที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งแรก
*** เลื่อนโอลิมปิก ทำปีนี้สูญกำไร 100 ลบ.
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า เลื่อนการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะทำให้การรับรู้รายได้จาก Olympics ของ PLANB ที่ 536 ล้านบาทเลื่อนไปเป็นปี 2564 อิงสมมติฐานว่าลูกค้าเดิมยังยินดีจะสนับสนุนการแข่งขันต่อ โดยเบื้องต้น มองว่าจะกระทบ Net profit ปีนี้ที่ 109 ล้านบาท นอกจากนี้ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการครึ่งแรกของปี 63 ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการ FMCG ลดการใช้งบโฆษณาลง
เช่นเดียวกับ บล.เอเชีย พลัส ที่ประเมินว่าการเลื่อนการจัดการแข่งขันครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการรับรู้รายได้บริหารสิทธิทางการตลาดซึ่งจะถูกเลื่อนการรับรู้ไปเป็นปีหน้าแทน ดังนั้น กำไรปีนี้จะลดลงราว 100 ล้านบาท จากเดิมที่ฝ่ายวิจัยประเมินว่า PLANB จะมีรายได้จากการบริหารสิทธิโอลิมปิกเข้ามาในปีนี้ จำนวน 500 ล้านบาท และคาดอัตรากำไรสุทธิ 20%
*** โควิด–19 ระบาด ฉุดอัตราการใช้สื่อโฆษณาของ PLANB หดตัวราว 50%
บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด - 19 ที่รุนแรงกว่าที่เคยประเมินไว้ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่งขึ้นอย่างเร่งตัว ทำให้มีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ไม่ว่าการเลื่อนจัดกิจกรรมและอีเว้นท์ การปิดสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมไปถึงขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน ส่งผลให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป ลดการเดินทางออกจากบ้านลง ซึ่งพฤติกรรมจะเป็นเช่นนี้อย่างน้อยที่สุดก็ถึงปลายเดือนเมษายน ตามประกาศ พรก.ฉุกเฉิน
สถานการณ์เหล่านี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกจสื่อโฆษณานอกบ้านทุกประเภาพ และธรกิจ Engagement ชอง PLANB คาดว่า เม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้านจะหดตัวอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก และเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หากสมารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่มีโอกาสสูงที่สื่อนอกบ้านจะไม่กลับมาสดใสเหมือนเดิม จากสภาวะเศรษฐกินที่มีแนวโฯ้มชะลอตัว
โดย บล.ทิสโก้ คาดว่า อัตราการใช้สื่อโฆษณาของ PLANB ในปีนี้จะลดลงประมาณ 50% ด้านงานกิจกรรมในส่วนการบริหารจัดการกีฬาและดนตรีคาดจะออกไปรถจนสถานการณ์ดีขึ้น โดยเบื้องต้นคาดจะเริ่มค่อยๆดีขึ้นในไตรมาส 4 ของปีนี้ เป็นต้น
*** คาดปีนี้กำไรทรุด 50% -กำไรลดลงมากกว่ารายได้ เพราะต้นทุน 70% เป็นต้นทุนคงที่
บล.ทิสโก้ ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 63-64 ลดลงจากเดิม 50% และ 17% ตามลำดับ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 386 ล้านบาท (-48%YoY) และคาดกำไรสุทธิปี 64 จะอยู่ที่ 807 ล้านบาท (+109%YoY) จาก 1) การคาดอัตราการใช้สื่อโฆษณานอกบ้านรวมปี 63 อยู่ที่เฉลี่ย 45% จากเดิมคาด 64% จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซากระทบต่อเนื่องถึงการใช้จ่ายสื่อโฆษณาคาดลดลง
โดยคาดอัตราการใช้สื่อโฆษณาจะกลับมาที่ระดับเดิมได้ที่เฉลี่ย 64% ในปีหน้า 3) การบริหารสิทธิสื่อกีฬาโอลิมปิก ญี่ปุ่น คาดเลื่อนไปปีหน้า 4) สื่อโฆษณาในร้านสะดวกซื้อ 7-11 รายได้เต็มอัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ 300-900 ล้านบาท คาดอัตราการใช้สื่อปีนี้ 50% และปีหน้า 70% และ 5) คาดรายได้ธุรกิจบริหารสื่อลิขสิทธิเพลง iAM ลดลง 50% จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 เช่นกันส่งผลให้งานอีเว้นท์ต่างๆชะลอตัวลง และคาดปี 64 รายได้จะกลับมาเพิ่มขึ้นจากการคาดสถานการณ์จะกลับมาปกติ
ด้าน บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า กำไรสุทธิของ PLANB ปีนี้จะลดลงประมาณ 47.4% ขณะที่รายได้จากการขายและบริการน่าจะลดลงประมาณ 17.5% โดยกำไรที่ปรับตัวลดลงมากกว่ารายได้นั้น เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนส่วนใหญ่ของ PLANB กว่า 70% เป็นต้นทุนคงที่
*** นักวิเคราะห์แนะ “ซื้อ” หลังราคาลงเกินกว่าเหตุ ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า แม้กำไรปีนี้จะหดตัวลงแรงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 63 แต่เชื่อว่า ราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยร้ายต่างๆ ไปมากแล้ว ด้านฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง และหากสถานกาณณ์การแพร่ระบาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะฟื้นตัวได้ดี จึงแนะนำ ซื้อ
เช่นเดียวกับ บล.ทิสโก้ ที่แนะนำให้ “ซื้อ” โดยมองว่า ราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับลดลงมากเกินมูลค่าพื้นฐานจากความกังวลจากสถานการณ์โควิด -19 ในปีนี้ และคาดการใช้จ่ายโฆษณาโดยรวมจะเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้าหลังจากสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น โดยเฉพาะ PLANB ที่มีเป็นพันธมิตรกับ VGI, MACO ทำให้ทั้งกลุ่มรวมกันเป็นผู้นำสื่อนอกบ้านมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 80% และยังมีโอกาสการเติบโตจากการรลงทุนในสาขา 7-Eleven ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 4.50 บาท จากเดิม 7.8 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8.4%) ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER20F อยู่ที่ 26.9X หรือ -1.7STDV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PLANB ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 40X บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมี D/E20F ที่ 0.6x
เวลานี้ราคาหุ้นหลายตัวในตลาด Underperform พื้นฐานตัวเองไปมาก รวมทั้ง PLANB หากประเมินว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ก็เป็นไปได้ว่า เม็ดเงินสื่อโฆษณา สื่อนอกบ้าน จะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ และ PLANB ก็น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง D/E ไม่ถึง 1 เท่า น่าจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้ว่า PLANB น่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจสื่อโฆษณาต่อไปได้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ส่อแววถดถอย
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่
Website :
https://www.efinancethai.com
Facebook :
https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/
Facebook :
https://www.facebook.com/efinanceThai/
lTwitter : @eFinanceThai
IG : @efinancethai_official
line : @efin
PLANB เลื่อนโอลิมปิกกระทบกำไร...แต่ทำไมราคาพุ่ง?
PLANB เด้งอีกครั้ง หลังราคารูดติดฟลอร์ จากข่าวลบเลื่อนจัดโอลิมปิก โบรกฯประเมินทำกำไรปีนี้สูญกว่า 100 ล้านบาท แถมเจอวิบากกรรมโควิด–19 ฉุดธุรกิจสื่อโฆษณาซบเซา คาดอัตราการใช้สื่อโฆษณาของ PLANB ในปี 63 หดตัวราว 50% ขณะที่กำไรปีนี้จะลดลงครึ่งหนึ่งจากปีที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์มองว่า ราคาหุ้นร่วงรับข่าวลบเกินกว่าเหตุ แนะ "ซื้อ" มั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมลุยธุรกิจต่อ หากสถานการณ์กลับสู่ปกติ
ราคาหุ้น บมจ.แพลนบี มีเดีย หรือ PLANB เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 6% มาปิดที่ระดับ 2.90 บาท ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติ +142.78% เมื่อเปรียบเทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น PLANB ปรับตัวร่วงติดฟลอร์ หลังจากได้ข้อสรุปว่า ญี่ปุ่นจะเลื่อนการจัดการแข่งขันโอลิมปิกออกไปเป็นปี 2564 ทำให้ราคาหุ้น PLANB ในปัจจุบันเป็นระดับราคาที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งแรก
*** เลื่อนโอลิมปิก ทำปีนี้สูญกำไร 100 ลบ.
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า เลื่อนการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะทำให้การรับรู้รายได้จาก Olympics ของ PLANB ที่ 536 ล้านบาทเลื่อนไปเป็นปี 2564 อิงสมมติฐานว่าลูกค้าเดิมยังยินดีจะสนับสนุนการแข่งขันต่อ โดยเบื้องต้น มองว่าจะกระทบ Net profit ปีนี้ที่ 109 ล้านบาท นอกจากนี้ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการครึ่งแรกของปี 63 ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการ FMCG ลดการใช้งบโฆษณาลง
เช่นเดียวกับ บล.เอเชีย พลัส ที่ประเมินว่าการเลื่อนการจัดการแข่งขันครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการรับรู้รายได้บริหารสิทธิทางการตลาดซึ่งจะถูกเลื่อนการรับรู้ไปเป็นปีหน้าแทน ดังนั้น กำไรปีนี้จะลดลงราว 100 ล้านบาท จากเดิมที่ฝ่ายวิจัยประเมินว่า PLANB จะมีรายได้จากการบริหารสิทธิโอลิมปิกเข้ามาในปีนี้ จำนวน 500 ล้านบาท และคาดอัตรากำไรสุทธิ 20%
*** โควิด–19 ระบาด ฉุดอัตราการใช้สื่อโฆษณาของ PLANB หดตัวราว 50%
บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด - 19 ที่รุนแรงกว่าที่เคยประเมินไว้ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่งขึ้นอย่างเร่งตัว ทำให้มีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ไม่ว่าการเลื่อนจัดกิจกรรมและอีเว้นท์ การปิดสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมไปถึงขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน ส่งผลให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป ลดการเดินทางออกจากบ้านลง ซึ่งพฤติกรรมจะเป็นเช่นนี้อย่างน้อยที่สุดก็ถึงปลายเดือนเมษายน ตามประกาศ พรก.ฉุกเฉิน
สถานการณ์เหล่านี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกจสื่อโฆษณานอกบ้านทุกประเภาพ และธรกิจ Engagement ชอง PLANB คาดว่า เม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้านจะหดตัวอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก และเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หากสมารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่มีโอกาสสูงที่สื่อนอกบ้านจะไม่กลับมาสดใสเหมือนเดิม จากสภาวะเศรษฐกินที่มีแนวโฯ้มชะลอตัว
โดย บล.ทิสโก้ คาดว่า อัตราการใช้สื่อโฆษณาของ PLANB ในปีนี้จะลดลงประมาณ 50% ด้านงานกิจกรรมในส่วนการบริหารจัดการกีฬาและดนตรีคาดจะออกไปรถจนสถานการณ์ดีขึ้น โดยเบื้องต้นคาดจะเริ่มค่อยๆดีขึ้นในไตรมาส 4 ของปีนี้ เป็นต้น
*** คาดปีนี้กำไรทรุด 50% -กำไรลดลงมากกว่ารายได้ เพราะต้นทุน 70% เป็นต้นทุนคงที่
บล.ทิสโก้ ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 63-64 ลดลงจากเดิม 50% และ 17% ตามลำดับ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 386 ล้านบาท (-48%YoY) และคาดกำไรสุทธิปี 64 จะอยู่ที่ 807 ล้านบาท (+109%YoY) จาก 1) การคาดอัตราการใช้สื่อโฆษณานอกบ้านรวมปี 63 อยู่ที่เฉลี่ย 45% จากเดิมคาด 64% จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซากระทบต่อเนื่องถึงการใช้จ่ายสื่อโฆษณาคาดลดลง
โดยคาดอัตราการใช้สื่อโฆษณาจะกลับมาที่ระดับเดิมได้ที่เฉลี่ย 64% ในปีหน้า 3) การบริหารสิทธิสื่อกีฬาโอลิมปิก ญี่ปุ่น คาดเลื่อนไปปีหน้า 4) สื่อโฆษณาในร้านสะดวกซื้อ 7-11 รายได้เต็มอัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ 300-900 ล้านบาท คาดอัตราการใช้สื่อปีนี้ 50% และปีหน้า 70% และ 5) คาดรายได้ธุรกิจบริหารสื่อลิขสิทธิเพลง iAM ลดลง 50% จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 เช่นกันส่งผลให้งานอีเว้นท์ต่างๆชะลอตัวลง และคาดปี 64 รายได้จะกลับมาเพิ่มขึ้นจากการคาดสถานการณ์จะกลับมาปกติ
ด้าน บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า กำไรสุทธิของ PLANB ปีนี้จะลดลงประมาณ 47.4% ขณะที่รายได้จากการขายและบริการน่าจะลดลงประมาณ 17.5% โดยกำไรที่ปรับตัวลดลงมากกว่ารายได้นั้น เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนส่วนใหญ่ของ PLANB กว่า 70% เป็นต้นทุนคงที่
*** นักวิเคราะห์แนะ “ซื้อ” หลังราคาลงเกินกว่าเหตุ ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า แม้กำไรปีนี้จะหดตัวลงแรงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 63 แต่เชื่อว่า ราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยร้ายต่างๆ ไปมากแล้ว ด้านฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง และหากสถานกาณณ์การแพร่ระบาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะฟื้นตัวได้ดี จึงแนะนำ ซื้อ
เช่นเดียวกับ บล.ทิสโก้ ที่แนะนำให้ “ซื้อ” โดยมองว่า ราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับลดลงมากเกินมูลค่าพื้นฐานจากความกังวลจากสถานการณ์โควิด -19 ในปีนี้ และคาดการใช้จ่ายโฆษณาโดยรวมจะเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้าหลังจากสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น โดยเฉพาะ PLANB ที่มีเป็นพันธมิตรกับ VGI, MACO ทำให้ทั้งกลุ่มรวมกันเป็นผู้นำสื่อนอกบ้านมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 80% และยังมีโอกาสการเติบโตจากการรลงทุนในสาขา 7-Eleven ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 4.50 บาท จากเดิม 7.8 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8.4%) ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER20F อยู่ที่ 26.9X หรือ -1.7STDV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PLANB ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 40X บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมี D/E20F ที่ 0.6x
เวลานี้ราคาหุ้นหลายตัวในตลาด Underperform พื้นฐานตัวเองไปมาก รวมทั้ง PLANB หากประเมินว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ก็เป็นไปได้ว่า เม็ดเงินสื่อโฆษณา สื่อนอกบ้าน จะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ และ PLANB ก็น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง D/E ไม่ถึง 1 เท่า น่าจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้ว่า PLANB น่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจสื่อโฆษณาต่อไปได้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ส่อแววถดถอย
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่
Website : https://www.efinancethai.com
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThai/
lTwitter : @eFinanceThai
IG : @efinancethai_official
line : @efin