●● 'หมอแก้ว'ไม่เชื่อ 15 เม.ย.คนไทยจะติดโควิด3.5แสน ตาย7พัน... ติงอย่าปั่นตัวเลขสร้างความกลัว ●●

●● 'หมอแก้ว'ไม่เชื่อ 15 เม.ย.คนไทยจะติดโควิด3.5แสน ตาย7พัน... ติงอย่าปั่นตัวเลขสร้างความกลัว ●●

       

30 มี.ค.63-นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หมอแก้ว ผลิพัฒน์" 
ถึงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วมีคนถามเข้ามาเยอะมาก

เขาถามว่าในวันที่ 15 เมษายนนี้ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยถึง 350,000 คนและจะมีผู้เสียชีวิตถึง 7,000 คนเลยเหรอ
ซึ่งข้อมูลนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนค่อนข้างมาก

ที่ผมตอบไปก็คือ...
 
๑. ตัวเลขที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเผยแพร่ออกมานั้น
    เป็นตัวเลขที่ “ไม่น่าจะเป็นไปได้” หรือ “มีความเป็นไปได้น้อยมากๆๆๆๆๆ” ครับ

    อีกไม่ถึง 20 วันจะมีคนเสียชีวิตเพิ่มอีก 7,000 คน เนี่ยนะ แม้แต่ตัวเลขที่เป็นสถานการณ์ปิดเมืองของทีมยังดู
    จะสูงมากอยู่ดีครับเขาบอกว่าแม้จะปิดเมืองจะยังคงมีผู้เสียชีวิตถึง 485 คน ตอนนี้เรายังไม่ปิดเมืองจริงจัง
    จำนวนผู้เสียชีวิตก็ดูเหมือนจะไม่ถึง 485 คนอยู่ดี

๒. ต้องขอออกตัวก่อนครับว่า ผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำการคาดประมาณ ผมไม่รู้ว่าคนคาดประมาณมีความรู้
     ด้านระบาดวิทยาและชีวสถิติมากน้อยแค่ไหน ผมไม่รู้ว่าเขาใช้สมมุติฐานอะไรในการคาดประมาณ เขามี
     พารามิเตอร์ที่สำคัญอะไรบ้าง ผมไม่รู้ว่าใครบ้างที่ออกมาพูดเรื่องนี้จริงจัง ผมไม่รู้ว่าคนที่ออกมาพูดรู้วิธีการที่
     คนคาดประมาณใช้ในการคาดประมาณหรือเปล่า และที่สำคัญที่สุดคือผมไม่รู้ว่าเขา "หวังผล" อะไรจากการทำ
     และเผยแพร่ตัวเลขชุดนี้ (เขาอาจจะหวังดีก็ได้)

๓. โดยทั่วไป กระทรวงสาธารณสุขก็มีทีมนักระบาดวิทยามาคอยทำการคาดประมาณตัวเลขอยู่แล้วครับ 
     ตัวเลขจากการคาดประมาณที่เราทำกันขึ้นมา “เรานำมาใช้ประกอบการวางแผน” ครับ และมีการปรับปรุงตัวเลข
     คาดประมาณเป็นระยะๆ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

๔. ตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขเคาะออกมาก็คือ ถึงประมาณวันที่ 15 เมษายนนี้

   - ถ้าไม่มีมาตรการที่สามารถป้องกันโรคได้ดีจริงๆ และเราไม่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่
     (เหมือนสนามมวย และสถานบันเทิง) ซ้ำเข้ามาอีก เราจะมีผู้ป่วยประมาณ 25,000 คน ซึ่งตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่
     เรานำมาใช้ในการเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในปัจจุบันครับ

   - ในขณะที่ถ้าเราสามารถดำเนินการตามมาตรการการเพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคล (social distancing) ได้
     ประมาณร้อยละ 50 (ซึ่งในปัจจุบันเรายังไม่ได้ดำเนินการเข้มข้นถึงขนาดนั้น) เราจะมีจำนวนผู้ป่วยประมาณ
    17,600 คน และ

   - ถ้าเราสามารถเพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคลได้ถึงร้อยละ 80 (ซึ่งในปัจจุบันเรายังไม่ได้ดำเนินการเข้มข้นถึงขนาดนั้น)
     เราจะมีจำนวนผู้ป่วยประมาณ 7,700 คน

๕. ตัวเลขที่ได้มา ผ่านการคิดคำนวณอย่างมีหลักการ และใช้ข้อมูลที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้ตัวเลขที่น่าจะใกล้เคียงกับ
     ความเป็นจริงระดับหนึ่ง สามารถชี้นำและกำหนดนโยบายได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ปั้นตัวเลขอะไรขึ้นมาสักตัวนึง
     สร้างชื่อปั่นกระแสให้กับคนที่ออกมาพูด แต่กลับสร้างความสับสนให้กับสังคม สร้างผลกระทบในแง่ลบให้กับ
     สังคม นำไปสู่การนำมาตรการที่ขาดการคิดไตร่ตรองวางแผนให้รอบคอบมาใช้ ซึ่งส่งผลด้านลบอื่นๆ ต่อไป
     อย่างกว้างขวาง (แทนที่จะยุติการแพร่โรคกลับส่งเสริมการแพร่โรค) ในขณะเดียวกัน ตัวเลขที่ปั่นมาก็ไม่
     สามารถจะนำไปใช้ประกอบการวางแผนอะไรได้เลย

๖. การนำเสนอข้อมูลใดๆ พึงนำเสนอข้อมูลตามความเป็นจริง ดังคำสอนของ อ.สุชาติ เจตนเสนที่กล่าวไว้ว่า 
    "การบิดเบือนความจริง เพื่อได้ผลทางอื่น จะมีผลกระทบต่อการเฝ้าระวัง และควบคุมโรคอย่างมาก”

๗. การสร้างความกลัวในช่วงที่มีการระบาดของโรคไม่ใช่ทางเลือกในการป้องกันโรคที่ดี
    เรื่องนี้นักระบาดวิทยาและนักควบคุมโรครู้กันมานานแล้ว ความกังวลและความกลัว นำมาซึ่งปัญหาการตีตรา
   การตั้งแง่รังเกียจกัน นำมาซึ่งปัญหาการปกปิดความจริง ทำให้โรคแพร่ระบาดต่อไปได้ง่ายขึ้น และสุดท้ายคือ
   ความแตกแยกในสังคม ดังที่เราเองก็เคยเห็นภาพความแตกแยกเหล่านี้เสมอๆ ในยามที่เรามีปัญหาโรคระบาด
   สำคัญๆ ในอดีตที่ผ่านมา

๘. ศึกนี้เป็นศึกที่เราทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันจริงๆ ซึ่งเรื่องนึงที่ต้องร่วมมือกันด้วยคือ การร่วมมือกันให้ “ความจริง”
    แก่สังคม การร่วมกันสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้เกิด สติ และปัญญา จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในช่วงเวลา
    นี้ และในระยะยาวครับ

Cr.  :  https://www.thaipost.net/main/detail/61403
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่