ขอเล่าประสบการณ์ชีวิตที่อัดอั้นตั้งแต่เด็กๆและเป็นปัญหาส่วนนึงที่ทำให้ดิฉันเป็นโรคจิตเวช....บอกก่อนว่าส่วนตัวฉันไม่ชอบการพนันแอนตี้เกลียดตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันเพราะเรื่องที่ฉันกำลังจะเล่าต่อไปนี้....เรื่องนี้จนถึงจุดจบผ่านมาหลายปีแล้วนะคะ
ตั้งแต่ดิฉันเกิดมาครอบครัวของฉันมีฐานะปานกลางค่อนข้างมีเงินใช้ในระแวกนี้ไม่อดยากอยากกินอะไรได้กินอยากได้อะไรก็ได้แม่ฉันไม่มีอาชีพว่างงานเป็นแม่บ้านที่ดีให้สามีและเป็นแม่ที่ดีของลูกส่วนพ่อของฉันทำอาชีพเปิดกิจการส่วนตัว ฉันจำความได้ว่า....กลับมาจากโรงเรียนจะเห็นแม่ตั้งวงเล่นไพ่ในบ้านส่วนพ่อก็เล่นสนุ๊กหน้าบ้านพร้อมวางเงินเดิมพันกับเพื่อนๆและคนแถวบ้าน ดูเหมือนจะเล่นสังสรรค์สนุกสนานใช่มั้ยคะ? ใช่ค่ะ...ตอนนี้เพียงแค่เล่นสนุกสนานได้เสียกันเล็กๆน้อยๆ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ตัวฉันเองไม่มีวันลืมและจะจำไปจนวันตาย.....
แล้ววันนึงพ่อฉันก็ไปรู้จักเจ้าของโต๊ะบอลและได้เรียนรู้เกี่ยวกับโต๊ะบอลว่าเป็นยังไง ทำยังไง คิดเงินยังไง ได้เงินมากมายกายกองจนวันนึงโต๊ะบอลนั้นได้ปิดตัวลงเพราะขาดทุน....พ่อฉันจึงลุกขึ้นมาเปิดโต๊ะบอลเอง!!!!!! เริ่มจากโต๊ะบอลเล็กๆต่อเติมหน้าบ้านให้คนมากาโพยบอล บริหารมาเรื่อยๆจนเช่าที่เปิดโต๊ะบอล หลายปีผ่านไปลูกค้ามากขึ้นจนต้องขยายสาขา มีคนเดินโพยให้มากมายจนระแวกนี้ไม่มีใครไม่รู้จักโต๊ะบอลของพ่อฉัน โต๊ะบอลนี้ทำให้ครอบครัวฉันรุ่งเรืองมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าโต๊ะจะได้เงินตลอด บางวันเสียหลักหมื่น บางวันได้หลักแสน บางเดือนเสียหลักล้านหรือภายใน2อาทิตย์ได้มากว่า1ล้านบาท!!!! พ่อได้ขยายกิจการมีโต๊ะสนุ๊กมีตู้สล็อตมีห้องไพ่(แม่เป็นคนดูแล) จนกลายเป็นบ่อนขนาดเล็กๆในระแวกนี้ รายได้ทั้งหมดพ่อนำมาโป๊ะบ้าน ซื้อรถหลักล้านเงินสดและไล่ซื้อที่ดินว่างเปล่าเหลือเงินเก็บติดบัญชีไว้เพียงแค่หมุนธุรกิจสีเทาของตัวพ่อเอง...
ฉันผู้เป็นลูกผู้หญิงคนเดียวโตจนเข้าวัยรุ่นกลับบ้านแทบไม่เจอหน้าพ่อและแม่ กลับมาบ้านเจอเพียงกับข้าวที่ทำให้ลูกแล้วเรียบร้อย...ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยวไม่ได้รับความรักและความอบอุ่น....แม่เอาแต่เล่นไพ่ในบ่อนตัวเอง ได้ค่าต๋งก็เอามาเล่นไพ่จนไม่ได้กำไรและเริ่มมีปากเสียงกับพ่อส่วนพ่อก็มีConnection กับนักพนันมากหน้าหลายตาและตำรวจอีกมากมาย....และเมื่อรู้จักนักพนันและสนิทกัน ไม่ยากเลยที่พ่อฉันจะเริ่มไปเล่นพนันที่อย่างอื่นด้วยนั้นก็คือ“มวย” พ่อไปเล่นมวยตู้ตามบ่อนอื่นๆกับเพื่อนนักพนันของเขาจนช่ำชองและได้หันมาเปิดมวยตู้ที่บ่อนตัวเองในที่สุด....โดยพ่อเองเป็นทั้งเจ้าของและคนเล่นเช่นเดียวกับแม่ที่ดูแลห้องไพ่เองและเล่นไพ่เสียเอง!!!! พ่อฉันเปิดธุรกิจบังหน้านะคะแต่ไม่ได้ดูแลเท่าไหร่หลักๆจะเน้นดูแลบ่อนค่ะ
ฉันที่เห็นพ่อกับแม่เล่นการพนันตั้งแต่จำความได้จนทุกวันนี้มันชักจะเลยเถิดกันไปใหญ่ฉัน ได้เปรยกับพ่อให้หยุดและเอาเงินเก็บมาเปิดธุรกิจปกติสักทางนึงจริงๆจังๆ ก็โดนด่าโดนว่าไม่มีชิ้นดี เรียกได้ว่าช่วงชีวิตวัยรุ่นฉันถูกเลี้ยงด้วยเงินขอเงิน100ได้200 ขอเงิน500ได้1,000 iphone รุ่นล่าสุดยื่นเงินสดให้ไปซื้อทันที ดูเหมือนดีใช่มั้ยคะ...แต่มันไม่ใช่ความอบอุ่นเหมือนครอบครัวอื่น พ่อแม่กลับบ้านตี2ตี3ทุกวันไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันนานแค่ไหนก็จำไม่ได้ หัวเราะตอนดูละครกับพ่อแม่ล่าสุดเมื่อไหร่ก็ลืมไปแล้วเลิกเรียนก็ไม่อยากกลับบ้านฉันเหงา...ฉันไม่อยากกลับไปเลื่อนแต่โทรศัพท์ในห้องสี่เหลี่ยมและทำให้ฉันต้องการเพื่อน!!!!มากกว่าพ่อแม่...เพื่อนที่อยู่กับฉันเยอะๆได้จนดึกดื่น ซึ่งเพื่อนผู้หญิงในโรงเรียนมัธยมย่อมกลับบ้านได้ไม่ดึก พ่อแม่เขาเป็นห่วงแน่นอนว่าฉันหันไปสนิทกับเพื่อนนอกโรงเรียนที่ไม่ได้เรียนหนังสือเสียส่วนใหญ่และคงไม่ได้รวมตัวกันอ่านหนังสือกันจน4-5ทุ่ม....ชีวิตฉันตอนนั้นมีแต่พวกเขาที่ทำให้ฉันไม่เหงา รู้สึกอบอุ่น สนุก ดีกว่าอยู่ในห้อง4เหลี่ยมคนเดียว กลับบ้านไปอยู่คนเดียว กินข้าวคนเดียว.....
เดียวมาต่อนะคะเล่าทีเดียวกลัวจะยาวไปขอเวลาเรียบเรียงก่อนนะคะ เล่าเรื่องธุรกิจสีเทาแบบนี้...ไม่รู้ว่าผิดกฏมั้ยหากข้อความส่วนไหนไม่เหมาะสมบอกได้นะคะยินดีแก้ไขค่ะหากสงสัยตรงไหนถามมาเลยค่ะยินดีตอบทุกท่านนะคะจะพยายามจะไม่พาดพิงถึงใครนะคะเพราะดิฉันก็อยากป้องกันตัวเองและครอบครัวนะคะ
เมื่อ“การพนัน” ทำให้ฉันมีทุกวันนี้(ธุรกิจสีเทา)
ตั้งแต่ดิฉันเกิดมาครอบครัวของฉันมีฐานะปานกลางค่อนข้างมีเงินใช้ในระแวกนี้ไม่อดยากอยากกินอะไรได้กินอยากได้อะไรก็ได้แม่ฉันไม่มีอาชีพว่างงานเป็นแม่บ้านที่ดีให้สามีและเป็นแม่ที่ดีของลูกส่วนพ่อของฉันทำอาชีพเปิดกิจการส่วนตัว ฉันจำความได้ว่า....กลับมาจากโรงเรียนจะเห็นแม่ตั้งวงเล่นไพ่ในบ้านส่วนพ่อก็เล่นสนุ๊กหน้าบ้านพร้อมวางเงินเดิมพันกับเพื่อนๆและคนแถวบ้าน ดูเหมือนจะเล่นสังสรรค์สนุกสนานใช่มั้ยคะ? ใช่ค่ะ...ตอนนี้เพียงแค่เล่นสนุกสนานได้เสียกันเล็กๆน้อยๆ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ตัวฉันเองไม่มีวันลืมและจะจำไปจนวันตาย.....
แล้ววันนึงพ่อฉันก็ไปรู้จักเจ้าของโต๊ะบอลและได้เรียนรู้เกี่ยวกับโต๊ะบอลว่าเป็นยังไง ทำยังไง คิดเงินยังไง ได้เงินมากมายกายกองจนวันนึงโต๊ะบอลนั้นได้ปิดตัวลงเพราะขาดทุน....พ่อฉันจึงลุกขึ้นมาเปิดโต๊ะบอลเอง!!!!!! เริ่มจากโต๊ะบอลเล็กๆต่อเติมหน้าบ้านให้คนมากาโพยบอล บริหารมาเรื่อยๆจนเช่าที่เปิดโต๊ะบอล หลายปีผ่านไปลูกค้ามากขึ้นจนต้องขยายสาขา มีคนเดินโพยให้มากมายจนระแวกนี้ไม่มีใครไม่รู้จักโต๊ะบอลของพ่อฉัน โต๊ะบอลนี้ทำให้ครอบครัวฉันรุ่งเรืองมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าโต๊ะจะได้เงินตลอด บางวันเสียหลักหมื่น บางวันได้หลักแสน บางเดือนเสียหลักล้านหรือภายใน2อาทิตย์ได้มากว่า1ล้านบาท!!!! พ่อได้ขยายกิจการมีโต๊ะสนุ๊กมีตู้สล็อตมีห้องไพ่(แม่เป็นคนดูแล) จนกลายเป็นบ่อนขนาดเล็กๆในระแวกนี้ รายได้ทั้งหมดพ่อนำมาโป๊ะบ้าน ซื้อรถหลักล้านเงินสดและไล่ซื้อที่ดินว่างเปล่าเหลือเงินเก็บติดบัญชีไว้เพียงแค่หมุนธุรกิจสีเทาของตัวพ่อเอง...
ฉันผู้เป็นลูกผู้หญิงคนเดียวโตจนเข้าวัยรุ่นกลับบ้านแทบไม่เจอหน้าพ่อและแม่ กลับมาบ้านเจอเพียงกับข้าวที่ทำให้ลูกแล้วเรียบร้อย...ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยวไม่ได้รับความรักและความอบอุ่น....แม่เอาแต่เล่นไพ่ในบ่อนตัวเอง ได้ค่าต๋งก็เอามาเล่นไพ่จนไม่ได้กำไรและเริ่มมีปากเสียงกับพ่อส่วนพ่อก็มีConnection กับนักพนันมากหน้าหลายตาและตำรวจอีกมากมาย....และเมื่อรู้จักนักพนันและสนิทกัน ไม่ยากเลยที่พ่อฉันจะเริ่มไปเล่นพนันที่อย่างอื่นด้วยนั้นก็คือ“มวย” พ่อไปเล่นมวยตู้ตามบ่อนอื่นๆกับเพื่อนนักพนันของเขาจนช่ำชองและได้หันมาเปิดมวยตู้ที่บ่อนตัวเองในที่สุด....โดยพ่อเองเป็นทั้งเจ้าของและคนเล่นเช่นเดียวกับแม่ที่ดูแลห้องไพ่เองและเล่นไพ่เสียเอง!!!! พ่อฉันเปิดธุรกิจบังหน้านะคะแต่ไม่ได้ดูแลเท่าไหร่หลักๆจะเน้นดูแลบ่อนค่ะ
ฉันที่เห็นพ่อกับแม่เล่นการพนันตั้งแต่จำความได้จนทุกวันนี้มันชักจะเลยเถิดกันไปใหญ่ฉัน ได้เปรยกับพ่อให้หยุดและเอาเงินเก็บมาเปิดธุรกิจปกติสักทางนึงจริงๆจังๆ ก็โดนด่าโดนว่าไม่มีชิ้นดี เรียกได้ว่าช่วงชีวิตวัยรุ่นฉันถูกเลี้ยงด้วยเงินขอเงิน100ได้200 ขอเงิน500ได้1,000 iphone รุ่นล่าสุดยื่นเงินสดให้ไปซื้อทันที ดูเหมือนดีใช่มั้ยคะ...แต่มันไม่ใช่ความอบอุ่นเหมือนครอบครัวอื่น พ่อแม่กลับบ้านตี2ตี3ทุกวันไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันนานแค่ไหนก็จำไม่ได้ หัวเราะตอนดูละครกับพ่อแม่ล่าสุดเมื่อไหร่ก็ลืมไปแล้วเลิกเรียนก็ไม่อยากกลับบ้านฉันเหงา...ฉันไม่อยากกลับไปเลื่อนแต่โทรศัพท์ในห้องสี่เหลี่ยมและทำให้ฉันต้องการเพื่อน!!!!มากกว่าพ่อแม่...เพื่อนที่อยู่กับฉันเยอะๆได้จนดึกดื่น ซึ่งเพื่อนผู้หญิงในโรงเรียนมัธยมย่อมกลับบ้านได้ไม่ดึก พ่อแม่เขาเป็นห่วงแน่นอนว่าฉันหันไปสนิทกับเพื่อนนอกโรงเรียนที่ไม่ได้เรียนหนังสือเสียส่วนใหญ่และคงไม่ได้รวมตัวกันอ่านหนังสือกันจน4-5ทุ่ม....ชีวิตฉันตอนนั้นมีแต่พวกเขาที่ทำให้ฉันไม่เหงา รู้สึกอบอุ่น สนุก ดีกว่าอยู่ในห้อง4เหลี่ยมคนเดียว กลับบ้านไปอยู่คนเดียว กินข้าวคนเดียว.....
เดียวมาต่อนะคะเล่าทีเดียวกลัวจะยาวไปขอเวลาเรียบเรียงก่อนนะคะ เล่าเรื่องธุรกิจสีเทาแบบนี้...ไม่รู้ว่าผิดกฏมั้ยหากข้อความส่วนไหนไม่เหมาะสมบอกได้นะคะยินดีแก้ไขค่ะหากสงสัยตรงไหนถามมาเลยค่ะยินดีตอบทุกท่านนะคะจะพยายามจะไม่พาดพิงถึงใครนะคะเพราะดิฉันก็อยากป้องกันตัวเองและครอบครัวนะคะ