แชร์ประสบการณ์คลอดลูกที่ไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้

ตอนนี้ก็คลอดลูกออกมา น้องได้ 3 เดือนแล้วคะ พึ่งเริ่มมาทำงานหลังจากลาคลอดไป 3 เดือน ว่างๆเลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์การคลอดลูกที่ไม่คิดเลยว่าจะง่ายขนาดนี้คะ เพื่อเป็นการให้กำลังใจแม่ๆที่กำลังจะคลอดลูกในช่วงนี้นะคะ
เราคลอดก่อนช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้วคะ ก่อนปีใหม่ไม่กี่วันเองคะ ตอนแรกที่จะคลอดคือตั้งใจจะผ่าคลอดคะ นัดแนะวันเวลากับคุณหมอที่ฝากครรภ์ไว้เรียบร้อยแล้วคะ ดูกฤษผ่าคลอดไว้อย่างดีเลยคะ วันเวลานี่เปะเว่อร์!!! 5555 แต่ลูกเรานี่สิคะ ไม่เป็นใจเอาซะเลย
เราลาคลอดก่อนวันผ่าคลอด 5 วันคะ ตั้งใจจะผ่าคลอดวันที่ 25 ธันวาคมปีที่แล้วคะ เราเลยลาคลอดวันที่ 20 ธันวาคม ตอนนั้นอายุครรภ์ 38w พอดีคะ 
วันที่ 21 ธันวาคม เราก็ยังไปเดินห้าง ช๊อปปิ้ง กับสามีอยู่เลยคะ ไปช่วงเย็นๆพอจะถึงเวลากลับบ้านเรารู้สึกว่าปวดหน่วงท้องมากๆเลยคะจนเดินไม่ไหว เราเลยบอกสามีว่าเดี๋ยวไปรอที่รถ เรานี่เดินไปจะไม่ถึงรถเลยคะ รู้สึกปวดหน่วงมากๆเหมือนลูกจะโผล่ออกมาแล้วอะไรประมาณนั้น ตอนเราเดินไปรู้สึกว่ารถทำมัยมันจอดอยู่ไกลขนาดนี้ เหมือนใจจะขาด แทบจะร้องไห้เลยตอนนั้น เดินผ่านใคร ใครเขาก็มองเรานะคะ เราไปถึงรถนี่แทบยืนไม่อยู่เลยคะ เกาะท้ายรถเลย จนเข้าไปนั่งในรถค่อยดีขึ้นมาหน่อยคะ พอสามีมาก็พากันกลับบ้านคะ ระหว่างทางกลับบ้านเราก็คุยกับสามีว่า ที่เราปวดท้องอาจจะเป็นเพราะเราท้องผูกรึเปล่านะ เพราะไม่ถ่ายมาหลายวันแล๊วววว เราเลยให้สามีแวะซื้อที่สวนทวารให้เลยคะ ก็ทำไงได้คะเรารู้สึกว่าท้องผูกจริงๆ ความจริงก็ไม่คิดจะใช้หรอกคะ แต่ก่อนซื้อเราก็หาข้อมูลในเน็ตเยอะแยะเลยคะ กลัวจะเป็นอันตรายต่อลูก แต่เราคิดว่าคงไม่เป็นอะไรเพราะเข้าทางทวาร ไม่ได้ผ่านลูกสักหน่อยขอลองหน่อยแล้วกัน .... ตอนนั้นหายปวดท้องแล้วนะคะ 
พอกลับถึงบ้านเราก็เริ่มปฎิบัติการเลยคะ ทำการสวนทวารเองเลยจ๊าาาา 5555 วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน แต่...ผลปรากฎว่าไม่มีอะไรออกมาเลยจ้า แต่รู้สึกปวดเหมือนจะอยากปวดท้องเข้าห้องน้ำอยู่ตลอดเวลา คือตอนนั้นอยู่ในห้องน้ำเป็นชั่วโมงเลยคะ เบ่งยุนั่นแหละ คิดว่ามันจะออกมาอะนะ แต่ไม่มีอะไรเลย (ย้อนนึกกลับไปตอนนั้นว่าถ้าคลอดลูกในห้องน้ำคงจะแย่มากๆเลย) จนเวลาล่วงเลยไปไม่มีอะไร เราก็อาบน้ำกินข้าวนอนตามปกติเลยคะ หลับสบาย จนมาถึงตอนเช้าของวันที่ 22 ธันวาคมคะ เป็นวันอาทิตย์พอดีเลยคะ เราตื่นมาประมาณ 7 โมงเช้าคะ แต่ยังไม่ได้ลุกจากที่นอนนะคะ ยังคงนอนเล่นเกมส์อย่างสบายใจคะ เล่นไปจนเผลอหลับไปอีก แล้วมารู้สึกตัวตื่นอีกทีประมาณ 9 โมงเช้าคะ เริ่มรู้สึกปวดหน่วงๆท้องขึ้นมาคะ เราก็ไม่ได้คิดอะไรคะ ก็เลยไปนั่งกินข้าวกับแม่คะ กินไปได้ 1 คำนี่ละมั่งคะถ้าจำไม่ผิด เริ่มรู้สึกปวดมากคะแต่ก็พอทนได้คะ ระหว่างที่นั่งกินข้าวเราเลยดูนาฬิกาไปด้วยคะ เริ่มเจ็บถี่ๆมาทุก 5 นาทีเลยคะทีนี้ เราเลยคิดว่าเริ่มจะไม่ปกติแล้วงานนี้กินข้าวเสร็จเราเลยไปอาบน้ำคะ คือมันเริ่มปวดถี่ขึ้นๆแล้วไงคะ เราเลยบอกแม่เตรียมตัวนะเราจะไปโรงพยาบาล ส่วนสามีนะหรอคะยังไม่ตื่นเลยจ้าแม่จ๋า พออาบน้ำเสร็จเราเลยไปปลุกสามีให้ตื่นเพราะเรารู้สึกปวดท้องมาเรื่อยๆแล้ว ตอนนั้นเวลาประมาณ 10 โมงเช้าแล้วคะ เราเลยโทรไปถามพี่ที่ทำงานว่าอาการแบบนี้เข้าข่ายคลอดลูกมั้ย พี่ๆเลยบอกว่าให้เรารีบไปโรงพยาบาลด่วนเลยคะ...อาการปวดของเราตอนนั้นความรู้สึกคือมันจะมาเป็นพักๆทุกๆ 5 นาที เวลามันจะมานะคะเรานี่อยากจะร้องไห้เลยคะ พอมันหายไปนะเราก็เออออ สบายใจกูรอดแล้วไรงี้ พอมันมาอีกก็โอ้ยยยย ทรมานจริงๆ 555 สามีขับรถอย่างเร็วคะรีบมาถึงโรงพยาบาล ระหว่างทางก็พูดกันมาแบบว่าไม่ไหวแล้วววว อยากจะเบ่งออกในรถเลยประมาณนี้คะ ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากจะเอาออกแล้วววว มาถึงโรงพยาบาลโทรหาคุณหมอที่ฝากครรภ์คะ แต่มันติดตรงเป็นวันอาทิตย์นี่นะสิ คุณหมอเลยบอกว่าเดี๋ยวจะคุยกับหมอเวรคะ 
พอถึงโรงพยาบาลเขาก็เข็นเราไปที่ตึกคลอดนะคะ ไปถึงให้เราเปลี่ยนชุดคะ เขาบอกไม่เปลี่ยนก็ไม่ได้คลอดนะ คือในใจตอนนั้นเราก็ปวดมากยุแล้วมือสั่นไปหมดเลยคะ จะเปลี่ยนชุดยังลำบากเลยคะ พอเปลี่ยนชุดเสร็จเขาให้เราไปนอนวันความดัน วัดคลื่นหัวใจลูกอยู่ประมาณ 30 นาทีคะ ในระหว่าง 30 นาทีนั้นมันทรมานมากๆเลยคะ คือลูกเราจะออกแล้ววว เราก็ร้องโอ๊ยๆๆอยู่นั่นแหละ 5555 แล้วเพื่อนเราก็มาคะ พอดีเพื่อนเราเป็นพยาบาลอยู่ห้องคลอดพอมาเห็นหน้าเราแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรหรอกคะ แต่หันไปบอกแม่เราว่า... มันไม่เป็นอะไรหรอกแม่ ขนาดปวดท้องจะคลอดลูกมันยังมีเวลแต่งหน้าทำผมมา 5555 ....แล้วเพื่อนเราก็มาบอกเราว่าเดี๋ยวจะดูซิว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว  แล้วเพื่อนเราก็ตรวจให้เราคะ แล้วก็บอกกับเราว่า.. ทำไมเก่งจังเปิด 8 ซม.แล้ว...เราก็ไม่ได้พูดอะไรหรอกคะตอนนั้นปวดจนไม่ไหวแล้ว555 แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ !!! คือเราตั้งใจจะผ่าใช่มั้ยคะตั้งแต่แรก หมอฝากครรภ์ก็คุยกับหมอเวรแล้วว่าให้คลอดเองเลย แต่แฟนเราอะดิ ยืนยันนอนยันจะผ่าให้ได้ หมอก็ต้องคุยกับแฟนเราว่าถ้าผ่าจะต้องรอบ่ายเพราะเราพึ่งกินข้าวมา ซึ่งถึงตอนนั้นเราจะรอไหวไหม คือตอนนั้นตัวเรานะคิดอย่างเดียวคืออยากจะเอาลูกออกไปแล้ววววว 555 อยากจะด่าสามีว่า กูไม่รอแล้วกูจะออกแล้ว  จนเราบอกกับหมอเลยว่าไม่ไหวแล้วจะคลอดตอนนี้ หมอรีบเข็นเราเข้าห้องคลอดเลยคะ เราก็รีบขึ้นเตียงเตรียมคลอดเลย ไม่รู้คือ ณ เวลานั้นไม่ไหวจริงๆ ขึ้นเตียงได้รู้สึกเบลอๆไงก็ไม่รู้ หมอถามอะไรเอาหมด หมอบอกเอาอ๊อกซเจนไหม เราบอกเอาๆๆ แต่ก็ไม่เห็นเอามาให้เราเลย 5555 
พอขึ้นเตียงคลอดเท่านั้นแหละ เราบอกว่าเราจะเบ่งแล้วนะ พยาบาลก็นับ 1 2 3 เราก็เบ่งสุดแรงของเราเลยจ๊าาา ครั้งเดียวจบ ลูกเราหัวออกมาแล้ว หมอบอกไม่ต้องเบ่งแล้ว ความรู้สึกเราตอนนั้น เห้ยยย โล่งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรจะง่ายดายขนาดนี้ ลูกเราออกมาแล้วหรอเนี่ย 555 หายปวดท้องเลย หายเหนื่อยเลย (แม่เรามาเล่าให้เราฟังทีหลังว่าเราคลอดเร็วมากเข้าไปห้องคลอดไม่ถึง 10 นาที หมอเดินออกมาบอกว่าคลอดแล้ว จนแม่เรางงไปเลย) แต่ที่มันเจ็บปวดทรมานมากกว่าการคลอดลูกก็การเย็บแผลฝีเย็บเนี่ยแหละ คลอดลูก 5 นาที แต่เย็บแผล 1 ชั่วโมง บอกเลยว่าเราเจ็บมากๆ ทั้งเจ็บทั้งเกร็งจนตัวเย็นไปหมดเลย จนถามหมอว่าได้ฉีดยาชารึเปล่าคะ หมอบอกว่าฉีดแล้ว แต่มันเป็นเนื้ออ่อนเย็บยังไงก็เจ็บ เรามือเย็นไปหมดเลยถามหมอตลอดว่าเมื่อไหร่จะเสร็จๆ คือมันสุดยอดจริงๆนะ ความรู้สึกอยากจะร้องไห้อะ แต่มันร้องไม่ได้เข้าใจใช่มั้ย....
พอเย็บแผลเสร็จเราก็ออกมาห้องพักฟื้น รอจนลูกมา เราดีใจมากๆๆที่เห็นหน้าลูกเอาเป็นว่าหายเจ็บเลยทีเดียว เดินไปไหนมาไหนได้สบายเลย 5555 คืนนั้นเลี้ยงลูกทั้งคืนเลย คนมาเฝ้าคือสามีกับแม่นอนหลับสบายเลย
...แม่เราบอกเราว่าเราคลอดง่ายมากๆเลย ไม่คิดว่าจะคลอดลูกด้วยซ้ำ ท้องก็ปวดแปปเดียว มาถึงก็คลอดเลย คนอื่นเขานอนรอเป็นวันยังไม่ได้คลอดเลย ถือว่าโชคดีมากๆเลย 
ลูกเราคลอดออกมาน้ำหนัก 2,700 กรัม เราอยู่โรงพยาบาล 3 วัน เพราะว่าเราไม่มีน้ำนมให้ลูก ตอนแรกๆก็สงสารลูกนะคะ ไม่ได้กินนมแม่ 
...ความจริงเราอยากจะเล่าเยอะมากๆเลยนะเกี่ยวกับการคลอดลูกและการเลี้ยงลูก มันมีทั้งความสุขและความทุกข์ปะปนกันไป หัวเราะบ้างร้องไห้บ้าง แต่พิมพ์ไม่ไหวแล้ว ถ้าใครอยากให้เล่าต่อก็บอกได้นะคะ 
สุดท้ายก็ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆทั้งหลายที่กำลังจะคลอดลูกนะคะ ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ลูกสุขภาพแข็งแรงคะ และขอให้เราผ่านพ้นวิกฤต covid-19 ครั้งนี้ไปได้ด้วยกันคะ สู้ๆๆและเป็นกำลังใจให้กันและกันคะ อย่าลืมนะคะ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ.....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่