ตามกำหนดเดิม คือ กลับวันที่ 18 เมย. 63 ตั้งใจจะอยู่เล่นสงกรานต์ก่อน
แต่สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ สายการบินเริ่มทยอยปิดตัวตามๆกัน แถมญาติๆทางอังกฤษ บอกให้รีบๆกลับ
กลัวถ้ากลับตามกำหนดเดิม จะมีปัญหายุ่งยากในการเดินทางทุกขั้นตอน
แฟนเราติดต่อ สายการบิน EVA ตั้งแต่ วันศุกร์ ที่ 20 มีค ทุกช่องทางการติดต่อ ไม่มีการตอบรับใดๆทั้งสิ้น ผลสุดท้าย
เราไปเจอ FB สายการบิน เลยบอกแกให้ลองติดต่อ แกส่งข้อความหน้าเพจใน FB ตกเย็น มีการตอบกลับมา
ว่าเลื่อนวันเดินทางได้ ตามต้องการ (เงื่อนไขเดิม: ตั๋วแกเลื่อนวันเดินทางได้)
แกคิดว่าจะไปติดต่อ ที่ สนง.EVA หรือ จะไปที่สนามบินเลย ลังเลๆ ว่าช่องทางไหนดี
แกตัดสินใจ จัดกระเป๋าลากไปสนามบินวันที่ 24 มีค. 63 ถึงสนามบิน ประมาณ 10.00 am.
โทรมาแจ้งเราว่าได้ไฟลท์บินแน่นอน พรุ่งนี้ 25 มีค. 63 เวลาประมาณ 9.00 am.
แต่ขอรอที่สนามบินอีกสักครู่ เผื่อฟลุคไฟลท์คืนนี้ มีคนยกเลิก แกก็สามารถบินได้เลย
(สายการบิน ก็ช่วยเหลือผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกเต็มที่เลย #ขอบคุณนะ)
ผลสุดท้ายไม่มีคนยกเลิก แกเลยกลับบ้าน รีบเข้านอน เพื่อตื่นเช้า ออกจากบ้าน ตี 5 ไปสนามบิน
เครื่องดีเลย์ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แต่ก็ได้บินประมาณ เกือบบ่ายโมง ถึงฮีทโธรว์ ประมาณเกือบ ตี 3 (เวลาไทย)
ถึงบ้านที่ลอนดอน ประมาณ ตี 5 (ญาติขับรถมารับที่สนามบิน)
แฟนบอกว่า ที่ไทยดีกว่าเยอะเลย แกเข้าสุวรรณภูมิ ก็โดนสแกนเครื่อง สแกนคน ติดสติ๊กเกอร์ที่เสื้อ ว่าผ่านการตรวจคัดกรองแล้ว ก่อนเข้ามาสนามบิน
แถมมีเจลแอลกอฮอล์ให้คนทำความสะอาดมือ
สนามบินฮีทโธรว์ ไม่มีการตรวจเช็ค อุณหภูมิร่างกาย หรือ สแกนใดๆ ยังปฎิบัติเหมือนเดิมทุกประการ ไม่มีเปลี่ยนแปลงใดๆ
เราถามว่า เขาไม่ตรวจ บริติช แต่ แถวพาสปอร์ตชาติอื่นๆ เขาเช็คไหม แฟนบอก ไม่มีการตรวจ หรือ คัดกรองใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณผ่าน ตม.แล้ว
ก็เดินผ่านออกไปเฉยๆ ไปขึ้นรถ ไปจุดหมายใดๆ ตามใจคุณ (Free Visa for Covid 19 ด้วย)
แกบอกว่า ในอังกฤษถึงมีคนติดกันเยอะแยะงัย ฉันก็ต้องพยายามเก็บตัวอยู่ในบ้านก่อน
อยู่ที่บ้าน (ไทย) ฉันว่าฉันอุ่นใจกว่านี้นะ คนไทยหลายๆคน คิดว่า อยู่อังกฤษดีกว่าไทย
แต่สำหรับแกแล้ว มีหลายๆ สิ่งในไทย ที่ในอังกฤษไม่มี และหลายๆ สิ่งที่มีในไทย ดีกว่าอังกฤษเยอะแยะเลย
(แกชอบที่ในไทย ไปหาหมอง่ายกว่าในอังกฤษหลายสิบเท่า )
แต่ต้องกลับอังกฤษ ก่อนกำหนด เพราะหากเขาเกิดปิดเมืองจริงๆ ขึ้นมาแกจะลำบาก
ถึงแม้ครอบครัวจะต้องแยกกันระยะหนึ่ง แต่แกถึงบ้านแล้ว เราก็สบายใจบ้างละ
(หวังว่าแกคงจะเอาการดูแลตัวเองของคนไทยไปปรับใช้ในอังกฤษบ้างนะ เราใส่หน้ากากผ้าแบบซักได้ ให้แกไป 5 ผืน )
ส่วนเราและลูกอยู่ทางนี้ก็ดูแลตัวเอง ไม่ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น
ฟังแกเล่าแล้ว ทำให้เรารักเมืองไทยมากกว่าเดิมเลยละ
แฟนกลับถึงลอนดอน บอกสนามบินไม่มีการตรวจวัดสแกนอุณหภูมิ Covid 19
แต่สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ สายการบินเริ่มทยอยปิดตัวตามๆกัน แถมญาติๆทางอังกฤษ บอกให้รีบๆกลับ
กลัวถ้ากลับตามกำหนดเดิม จะมีปัญหายุ่งยากในการเดินทางทุกขั้นตอน
แฟนเราติดต่อ สายการบิน EVA ตั้งแต่ วันศุกร์ ที่ 20 มีค ทุกช่องทางการติดต่อ ไม่มีการตอบรับใดๆทั้งสิ้น ผลสุดท้าย
เราไปเจอ FB สายการบิน เลยบอกแกให้ลองติดต่อ แกส่งข้อความหน้าเพจใน FB ตกเย็น มีการตอบกลับมา
ว่าเลื่อนวันเดินทางได้ ตามต้องการ (เงื่อนไขเดิม: ตั๋วแกเลื่อนวันเดินทางได้)
แกคิดว่าจะไปติดต่อ ที่ สนง.EVA หรือ จะไปที่สนามบินเลย ลังเลๆ ว่าช่องทางไหนดี
แกตัดสินใจ จัดกระเป๋าลากไปสนามบินวันที่ 24 มีค. 63 ถึงสนามบิน ประมาณ 10.00 am.
โทรมาแจ้งเราว่าได้ไฟลท์บินแน่นอน พรุ่งนี้ 25 มีค. 63 เวลาประมาณ 9.00 am.
แต่ขอรอที่สนามบินอีกสักครู่ เผื่อฟลุคไฟลท์คืนนี้ มีคนยกเลิก แกก็สามารถบินได้เลย
(สายการบิน ก็ช่วยเหลือผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกเต็มที่เลย #ขอบคุณนะ)
ผลสุดท้ายไม่มีคนยกเลิก แกเลยกลับบ้าน รีบเข้านอน เพื่อตื่นเช้า ออกจากบ้าน ตี 5 ไปสนามบิน
เครื่องดีเลย์ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แต่ก็ได้บินประมาณ เกือบบ่ายโมง ถึงฮีทโธรว์ ประมาณเกือบ ตี 3 (เวลาไทย)
ถึงบ้านที่ลอนดอน ประมาณ ตี 5 (ญาติขับรถมารับที่สนามบิน)
แฟนบอกว่า ที่ไทยดีกว่าเยอะเลย แกเข้าสุวรรณภูมิ ก็โดนสแกนเครื่อง สแกนคน ติดสติ๊กเกอร์ที่เสื้อ ว่าผ่านการตรวจคัดกรองแล้ว ก่อนเข้ามาสนามบิน
แถมมีเจลแอลกอฮอล์ให้คนทำความสะอาดมือ
สนามบินฮีทโธรว์ ไม่มีการตรวจเช็ค อุณหภูมิร่างกาย หรือ สแกนใดๆ ยังปฎิบัติเหมือนเดิมทุกประการ ไม่มีเปลี่ยนแปลงใดๆ
เราถามว่า เขาไม่ตรวจ บริติช แต่ แถวพาสปอร์ตชาติอื่นๆ เขาเช็คไหม แฟนบอก ไม่มีการตรวจ หรือ คัดกรองใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณผ่าน ตม.แล้ว
ก็เดินผ่านออกไปเฉยๆ ไปขึ้นรถ ไปจุดหมายใดๆ ตามใจคุณ (Free Visa for Covid 19 ด้วย)
แกบอกว่า ในอังกฤษถึงมีคนติดกันเยอะแยะงัย ฉันก็ต้องพยายามเก็บตัวอยู่ในบ้านก่อน
อยู่ที่บ้าน (ไทย) ฉันว่าฉันอุ่นใจกว่านี้นะ คนไทยหลายๆคน คิดว่า อยู่อังกฤษดีกว่าไทย
แต่สำหรับแกแล้ว มีหลายๆ สิ่งในไทย ที่ในอังกฤษไม่มี และหลายๆ สิ่งที่มีในไทย ดีกว่าอังกฤษเยอะแยะเลย
(แกชอบที่ในไทย ไปหาหมอง่ายกว่าในอังกฤษหลายสิบเท่า )
แต่ต้องกลับอังกฤษ ก่อนกำหนด เพราะหากเขาเกิดปิดเมืองจริงๆ ขึ้นมาแกจะลำบาก
ถึงแม้ครอบครัวจะต้องแยกกันระยะหนึ่ง แต่แกถึงบ้านแล้ว เราก็สบายใจบ้างละ
(หวังว่าแกคงจะเอาการดูแลตัวเองของคนไทยไปปรับใช้ในอังกฤษบ้างนะ เราใส่หน้ากากผ้าแบบซักได้ ให้แกไป 5 ผืน )
ส่วนเราและลูกอยู่ทางนี้ก็ดูแลตัวเอง ไม่ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น
ฟังแกเล่าแล้ว ทำให้เรารักเมืองไทยมากกว่าเดิมเลยละ