พอดีเห็นว่าเป็นคลิปที่น่าสนใจ เลยเอามาฝากเพื่อนๆ ใครที่สนใจ ชมคลิปเต็ม ได้ จากคลิปด้านล่าง
ใครที่ไม่มีเวลาฟังคลิปเต็มๆ ผมสรุปเนื้อหาให้ประมาณนี้ครับ
- มีน้องนักเตะเยาวชน ของบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ฝาแฝด อายุ 17 ปี ซึ่งขึ้นทีมชุดใหญ่ไม่ได้ พ่อแม่ของน้อง ก็เลยคุยกับน้องทั้งสองคน ถึงเส้นทางชีวิตข้างหน้า แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า จะส่งน้องทั้งสองคน ไปเจลีก ลีกระดับรองๆ ไม่ใช่ J1 ถึงน้องจะยังมีสัญญาอยู่กับบุรีรัมย์ยูไนเต็ด แต่ทางบุรีรัมย์ก็ยินดีให้ไป และอาจจะมีเงื่อนไขว่า ถ้าปีแรกทำผลงานได้ดี และทีมจากญี่ปุ่นอยากซื้อขาด อาจจะต้องมาซื้อจากบุรีรัมย์
- เจพิธีกรไทยรัฐทีวีบอกว่า ที่ญี่ปุ่น ระบบทีมโรงเรียน และทีมในเจลีกค่อนข้างสนับสนุนกัน มีรายการใหญ่ คือรายการฟุตบอลมัธยมปลายทั่วประเทศ จะมีนักเตะ ที่ทำผลงานได้ดีในรายการนี้ Top 15 จะถูกเซ็นสัญญา ไปในทีมต่างๆในเจลีก โดยนักเตะ ที่เป็นนักเตะยอดเยี่ยม ในทัวร์นาเม้นต์นี้ จะสามารถ เลือกไปทีม เจวันทีมใหญ่ๆได้ ของปีนี้ นักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ เขาไม่เลือกไปทีมท็อปเจวัน แต่เลือกที่จะไปคอนซาโดเล่ซัปโปโร โดยให้เหตุผลว่า เจ้าตัวอยากเล่นร่วมกับชนาธิป
และอื่นๆ อีกนิดหน่อย
ฟังแล้ว เลยคิดว่า เดี๋ยวนี้ฟุตบอลไทย เป็นอาชีพ แบบเต็มตัว และทำรายได้ค่อนข้างดีให้กับนักเตะ ทำให้เด็กๆรุ่นใหม่และพ่อแม่ผู้ปกครอง ต่างก็อยากให้รูปตัวเองเป็นนักฟุตบอล แต่ในความเป็นจริง มันยากมากๆ ก่อนจะเข้าอะคาเดมี่ของทีมใหญ่ๆในไทยลีกได้ ต้องคัดจากเด็กหลายหมื่นคน ได้เด็กแค่หลักสิบคนไปเรียน แถมเรียนไปจนถึงอายุ 18 ก็มีจำนวนน้อยมากๆ ที่ขึ้นทีมชุดใหญ่ได้ นอกนั้น ต้องกระจัดกระจายแยกย้ายกันไป
ยิ่งนับวัน ไม่มีอาชีพไหนที่ง่าย ไม่มีอาชีพไหนที่สบาย และได้เงินเยอะ บางที เรามาเห็นปลายทางของเขาแล้ว ว่ามีความสุขสบาย แต่เราไม่รู้ที่เขาฝากฟันมา และแถม ยิ่งเวลาผ่านไป การแข่งขันยิ่งสูงขึ้น 5 ปีที่แล้ว กับปีนี้ การแข่งขันก็แตกต่างกันมาก เด็กๆที่อยากเป็นนักฟุตบอล เพิ่มขึ้นมากมาย แต่จำนวนทีม และจำนวนโควต้าที่จะเล่นได้ ก็มีเท่าเดิม
ทุกอย่างไม่มีอะไรง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ อย่างเช่นพ่อแม่ของน้องฝาแฝด จากบุรีรัมย์ ผมคิดว่า เขาค่อนข้าง มีการวางแผน มีความคิดที่ดี แทนที่จะให้ลูก อยู่สโมสรต่างๆ ในประเทศไทย เขากลับที่จะลงทุน ส่งลูกไปเรียนมัธยมที่ญี่ปุ่น และให้เล่นฟุตบอลที่ญี่ปุ่น อย่างน้อย ก็ได้ภาษาญี่ปุ่น ถ้าไม่ถึงปลายทางความฝัน คือนักเตะอาชีพในสโมสรที่มีรายได้ดี หลังจากเลิกค้าแข้ง ก็ยัง อาจจะทำอาชีพอื่นๆที่เกี่ยวกับฟุตบอลไทยและญี่ปุ่นได้ แชมป์เอเชียนนักเตะ ล่ามนักเตะ ล่ามสต๊าฟโค้ชทีมชาติ หรืออื่นๆเป็นต้น ผมคิดว่า การที่เป็นทั้งนักฟุตบอล และได้ภาษาญี่ปุ่น จะเป็นสิ่งที่ได้เปรียบ กว่าการที่ เป็นนักฟุตบอล และอยู่เมืองไทย ได้แต่ภาษาไทย
ถ้าอยู่เมืองไทย ได้แต่ภาษาไทย หลังเลิกเล่น ก็จะมีอาชีพรองรับ เกี่ยวกับฟุตบอล ปริมาณนึง แต่ถ้า สามารถไขว่คว้า ไปที่ต่างประเทศ อย่างน้อยก็ได้ภาษา โดยเฉพาะเราเห็นแล้วว่า ฟุตบอลไทยกำลังเติบโต และจะโตกว่านี้อีกมาก และแนวโน้มฟุตบอลไทย จะโตคู่ขนานไปกับฟุตบอลญี่ปุ่นอีกหลายปี การที่ได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่น ได้ภาษาญี่ปุ่น ผมคิดว่า การลงทุนในวันนี้คุ้มค่าแน่นอนในวันหน้า
ฟังคลิปนี้แล้ว ก็อดชื่นชมพ่อแม่ของเขาไม่ได้ ที่ทำการบ้าน วางอนาคตของลูก ไม่ใช่ปล่อยไปตามยถากรรม ชีวิตข้างหน้า ลำบากทุกคน แต่เราจะลำบากน้อยกว่า ถ้าเราคิดถึงวันข้างหน้า วางแผนอนาคต ไม่ใช่ใช้ชีวิตวันต่อวัน
บิ๊กแชมป์คุยกับเจไทยรัฐทีวี เรื่องนักเตะบุรีรัมย์ ไปเจลีก
ใครที่ไม่มีเวลาฟังคลิปเต็มๆ ผมสรุปเนื้อหาให้ประมาณนี้ครับ
- มีน้องนักเตะเยาวชน ของบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ฝาแฝด อายุ 17 ปี ซึ่งขึ้นทีมชุดใหญ่ไม่ได้ พ่อแม่ของน้อง ก็เลยคุยกับน้องทั้งสองคน ถึงเส้นทางชีวิตข้างหน้า แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า จะส่งน้องทั้งสองคน ไปเจลีก ลีกระดับรองๆ ไม่ใช่ J1 ถึงน้องจะยังมีสัญญาอยู่กับบุรีรัมย์ยูไนเต็ด แต่ทางบุรีรัมย์ก็ยินดีให้ไป และอาจจะมีเงื่อนไขว่า ถ้าปีแรกทำผลงานได้ดี และทีมจากญี่ปุ่นอยากซื้อขาด อาจจะต้องมาซื้อจากบุรีรัมย์
- เจพิธีกรไทยรัฐทีวีบอกว่า ที่ญี่ปุ่น ระบบทีมโรงเรียน และทีมในเจลีกค่อนข้างสนับสนุนกัน มีรายการใหญ่ คือรายการฟุตบอลมัธยมปลายทั่วประเทศ จะมีนักเตะ ที่ทำผลงานได้ดีในรายการนี้ Top 15 จะถูกเซ็นสัญญา ไปในทีมต่างๆในเจลีก โดยนักเตะ ที่เป็นนักเตะยอดเยี่ยม ในทัวร์นาเม้นต์นี้ จะสามารถ เลือกไปทีม เจวันทีมใหญ่ๆได้ ของปีนี้ นักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ เขาไม่เลือกไปทีมท็อปเจวัน แต่เลือกที่จะไปคอนซาโดเล่ซัปโปโร โดยให้เหตุผลว่า เจ้าตัวอยากเล่นร่วมกับชนาธิป
และอื่นๆ อีกนิดหน่อย
ฟังแล้ว เลยคิดว่า เดี๋ยวนี้ฟุตบอลไทย เป็นอาชีพ แบบเต็มตัว และทำรายได้ค่อนข้างดีให้กับนักเตะ ทำให้เด็กๆรุ่นใหม่และพ่อแม่ผู้ปกครอง ต่างก็อยากให้รูปตัวเองเป็นนักฟุตบอล แต่ในความเป็นจริง มันยากมากๆ ก่อนจะเข้าอะคาเดมี่ของทีมใหญ่ๆในไทยลีกได้ ต้องคัดจากเด็กหลายหมื่นคน ได้เด็กแค่หลักสิบคนไปเรียน แถมเรียนไปจนถึงอายุ 18 ก็มีจำนวนน้อยมากๆ ที่ขึ้นทีมชุดใหญ่ได้ นอกนั้น ต้องกระจัดกระจายแยกย้ายกันไป
ยิ่งนับวัน ไม่มีอาชีพไหนที่ง่าย ไม่มีอาชีพไหนที่สบาย และได้เงินเยอะ บางที เรามาเห็นปลายทางของเขาแล้ว ว่ามีความสุขสบาย แต่เราไม่รู้ที่เขาฝากฟันมา และแถม ยิ่งเวลาผ่านไป การแข่งขันยิ่งสูงขึ้น 5 ปีที่แล้ว กับปีนี้ การแข่งขันก็แตกต่างกันมาก เด็กๆที่อยากเป็นนักฟุตบอล เพิ่มขึ้นมากมาย แต่จำนวนทีม และจำนวนโควต้าที่จะเล่นได้ ก็มีเท่าเดิม
ทุกอย่างไม่มีอะไรง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ อย่างเช่นพ่อแม่ของน้องฝาแฝด จากบุรีรัมย์ ผมคิดว่า เขาค่อนข้าง มีการวางแผน มีความคิดที่ดี แทนที่จะให้ลูก อยู่สโมสรต่างๆ ในประเทศไทย เขากลับที่จะลงทุน ส่งลูกไปเรียนมัธยมที่ญี่ปุ่น และให้เล่นฟุตบอลที่ญี่ปุ่น อย่างน้อย ก็ได้ภาษาญี่ปุ่น ถ้าไม่ถึงปลายทางความฝัน คือนักเตะอาชีพในสโมสรที่มีรายได้ดี หลังจากเลิกค้าแข้ง ก็ยัง อาจจะทำอาชีพอื่นๆที่เกี่ยวกับฟุตบอลไทยและญี่ปุ่นได้ แชมป์เอเชียนนักเตะ ล่ามนักเตะ ล่ามสต๊าฟโค้ชทีมชาติ หรืออื่นๆเป็นต้น ผมคิดว่า การที่เป็นทั้งนักฟุตบอล และได้ภาษาญี่ปุ่น จะเป็นสิ่งที่ได้เปรียบ กว่าการที่ เป็นนักฟุตบอล และอยู่เมืองไทย ได้แต่ภาษาไทย
ถ้าอยู่เมืองไทย ได้แต่ภาษาไทย หลังเลิกเล่น ก็จะมีอาชีพรองรับ เกี่ยวกับฟุตบอล ปริมาณนึง แต่ถ้า สามารถไขว่คว้า ไปที่ต่างประเทศ อย่างน้อยก็ได้ภาษา โดยเฉพาะเราเห็นแล้วว่า ฟุตบอลไทยกำลังเติบโต และจะโตกว่านี้อีกมาก และแนวโน้มฟุตบอลไทย จะโตคู่ขนานไปกับฟุตบอลญี่ปุ่นอีกหลายปี การที่ได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่น ได้ภาษาญี่ปุ่น ผมคิดว่า การลงทุนในวันนี้คุ้มค่าแน่นอนในวันหน้า
ฟังคลิปนี้แล้ว ก็อดชื่นชมพ่อแม่ของเขาไม่ได้ ที่ทำการบ้าน วางอนาคตของลูก ไม่ใช่ปล่อยไปตามยถากรรม ชีวิตข้างหน้า ลำบากทุกคน แต่เราจะลำบากน้อยกว่า ถ้าเราคิดถึงวันข้างหน้า วางแผนอนาคต ไม่ใช่ใช้ชีวิตวันต่อวัน