ผู้หญิงสองคนนั้น ฉันไม่ให้ใคร

กระทู้สนทนา


 
คำขู่ :  เรื่องสั้นแสนเศร้านี้  ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง ผู้ชายคนนั้น ฉันให้เธอ ของคุณ ดินสอสีน้ำ
ด้วยความชื่นชมยอมรับนับถือฝีมือ มีเนื้อหาเหนือจริง  พฤติกรรม การกระทำ ความคิดและคำพูดของตัวละคร
ตั้งอยู่เหนือความไม่สมเหตุสมผลทั้งปวง  ผิดปกติ พารานอยด์ รวมถึงมีการใช้คำไม่เข้าใจในบางบริบท 
 กลวิธีการเขียน ไม่อิงตามรูปแบบปกติทั่วไป ไม่เหมาะกับคนเคร่งจริยธรรมสังคมชั้นสูง
ผู้เขียนจะไม่รับผิดชอบทุกกรณี ถ้าหากท่านอ่านแล้วเกิดผลข้างเคียง
โปรดใช้วิจารณญาณในการคิด 

ดัดแปลงมาจากคำเตือนของคุณ zionzany จากเรื่อง Tcell H.A.V (Thailand Hidden Alien Virus)
ห้องทำงาน

เงียบงัน

โต๊ะทำงาน

โซฟา

             โทเท (ชื่อมนุษย์ตนหนึ่ง ผู้เขียนจงใจใช้ชื่อนี้ เพื่อไม่ให้ชื่อตัวละครไปซ้ำซ้อน ทับซ้อน กับบุคคลที่มีตัวตนจริง เนื่องจากกลัวถูกฟ้องร้อง ข้อหาหมิ่นประมาทและลอกเลียนแบบ)  ทิ้งร่างกายตัวเองลงไปบนโซฟาตัวสั้น ช้อนสายตาลูบไล้เพดานห้องสีน้ำซุปไก่ สองเท้าประสานกันวางบนตัก  เขากำลังจะตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ ระหว่างความจริงกับความถูกต้อง มันมาคู่กัน ทำให้เขาต้องไม่เลือกสักอย่าง  

            เวลานี้ เขาสนใจสิ่งมีชีวิตสี่เท้าลำตัวขนาดเล็ก ลำตัวแบน หัวสั้น มีหาง จิ้งจกน้อยน่ารักสองตัว กำลังมีปฏิสัมพันธ์ ถกปัญหาครอบครัวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย  ตัวเมียต่อว่าเรื่องตัวผู้ชอบหนีเที่ยวนอกห้อง ตัวผู้ทำท่าอธิบายว่าไม่ได้ไปเที่ยว แค่ไปทำงาน หาแมลงมาเลี้ยงดูครอบครัว ตัวเมียเถียงว่าครอบครัวที่ไหนกัน เพิ่งจีบกันได้ไม่ถึงวัน ยังไม่ทันท้องทันไส้ มาอ้างครอบครัวได้ไง  พูดจบก็ใช้วิชามารดาไม้มวยกะปอม จิ้งจกฟาดหาง เข้าก้านคอตัวผู้ ร่วงหล่นทิ้งตัวลงมานอนตายตัวแข็งบนพื้นห้อง
 
             เขามองแล้วยิ้ม รู้ทันว่า จิ้งจกเพื่อนรักไม่ได้ตายจริง แต่เป็นการแกล้งตาย ซึ่งจัดเป็นวิชามารอย่างหนึ่งในการเอาตัวรอด จึงไม่คิดจะจัดงานฌาปนกิจให้ไปสู่ที่ชอบ 
 
             ที่ผ่านมา และที่ผ่านไป  โทเทเคยประยุกต์ใช้ไอเดียจากสังคมจิ้งจก ได้ผลมาแล้วมากมาย การเรียนรู้สามารถหาได้ทุกแห่ง ถ้าคิดจะหา
 
             จิ้งจกตัวนี้ จัดเป็นสุภาพตัวผู้ เพราะไม่เคยต่อสู้หรือทำร้ายเพศภรรยาแม้แต่น้อย ประเสริฐกว่ามนุษย์บางมนุษย์ ที่ไม่รู้จักทำมาหากิน เห็นว่าภรรยาตัวเองเป็นวัสดุซ้อมมือซ้อมเท้า โทเทรู้สึกชื่นชมมากกับนิสัยจิ้งจกหนุ่ม มิตรภาพเล็ก ๆ จึงเกิดขึ้นระหว่างมนุษย์กับจิ้งจก เขาเริ่มเรียนรู้วิธี ผงกหัว จากเพื่อนตัวน้อย และพบว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวิถีสังคมได้อย่างดี เกิดสงบสุข ใครจะว่าอะไร เขาก็ผงกหัวใส่แบบจิ้งจก ถูกต่อว่านิดหน่อยก็ผงกหัวครั้งสองครั้ง ถูกด่ามากก็ผงกหัวต่อเนื่องไม่คิดชีวิต เก็บกดเครียดหนัก ก็ไปผงกหัวใส่ผนังห้อง  สามารถลดปัญหาการใช้กำลังในองค์กรได้เป็นอย่างดี  ประธานบริษัทมีการออกนโยบาย ให้พนักงานทุกคน ผงกหัวทักทายกันให้เคยชิน ต่อไปคงจะพัฒนาเป็นผงกหัวทักทาย ตามด้วยการแลบลิ้นแผลบ ๆ น่ารักน่าชังอย่าบอกใคร

             โทเทมองดูนาฬิกา ใจหายวาบ ผวาลุกขึ้นยืน เที่ยงคืนแล้ว!

             ไม่นะ...เที่ยงคืน ทำไมเขายังไม่ได้นอน ยังไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ ยังแอบมางีบบนโซฟาหลังโต๊ะทำงานอยู่เลย
 
             อ้อ...ไม่ใช่เที่ยงคืน นี่มันเที่ยงวันเท่านั้น เพิ่งนึกได้ ค่อยยังดี...ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจแกมกึ่งกังวลกับอาการของตัวเอง จัดการเก็บพับเก็บโซฟาให้เรียบร้อยซ่อนไว้มุมห้อง เพียงมีสติ ปัญหาเกิด ปัญญาเกิด

             ยุรยาตรเยื้องกายมานั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน เวทนาตัวเองเมื่อนึกถึงปัญหาคนสองคน
 

             ชูชมไป (ชื่อสุภาพสตรีคนหนึ่ง)

            ป่านนี้สาย (ชื่อสุภาพสตรีอีกคนหนึ่ง)
 
             อย่าแปลกใจ ถ้าท่านไม่เคยเห็นมนุษยโลกคนใด มีชื่อแบบนี้มาก่อน จงแปลกใจถ้าท่านพบเห็น ว่ามีคนใช้ชื่อแบบนี้ให้กับบุตรหลานและคนอันเป็นที่รัก  สองคนสองมุม สองสาวสองสวย สองท้องสองทางเลือก เขาควรจะเลือกใคร ทั้งชูชมไป และป่านนี้สาย บังเอิญตั้งท้อง ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน หน้าตาคล้ายกันมาก  โทเทคบหากับซูซมไป ก่อนจะรู้จักกับป่านนี้สาย ผู้เป็นน้อง 
 
             ชายหนุ่มเคยพา ชูชมไป เที่ยว โน่น นี่ นั่น สองต่อสอง (หนึ่งต่อหนึ่ง ?) เป็นเวลาสองสัปดาห์ จึงรู้ว่าคนตัวเองที่พาเที่ยว โน่น นี่ นั่น ไม่ใช่ชูชมไป  แต่เป็นป่านนี้สาย ส่วนตัวของป่านนี้สาย ก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองไม่ใช่ชูชมไป  ส่วนตัวของชูชมไปก็เพิ่งรู้ตัวหลังจาก โน่น นี่ นั่น สองสัปดาห์ ว่าตัวเองไม่ใช่ป่านนี้สาย
 
              ท่านอาจกำลังมึนงงกับไทม์ไลน์ชีวิตของคนอื่น จึงสรุปง่าย ๆ ว่าสองศรีพี่น้อง ตั้งครรภ์ในเวลาใกล้เคียงกัน
 
             หลายวันก่อน โทเทตัดสินใจ เดินทางไปบ้านของว่าที่พ่อตา ว่าที่ภรรยา อ้อนวอนวิงวอนทั้งน้ำตา ขอให้สองสาวรับว่า เขาเองที่เป็นพ่อเด็ก สองสาวเป็นแม่ของเด็ก   แต่สายตาที่ทุกคนในบ้านมองมา เย็นชาจืดชืดราวกับชาเย็นที่น้ำแข็งละลายหมดสิ้น

             “กล้าดียังไง มาอุจจาระตู่ว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของฉัน แถมยังมาบอกอีกว่าเป็นลูกของคุณ บ้าไปแล้ว...”  ชูชมไป  เริ่มต้นกระหน่ำก่อน มองหน้าชายหนุ่มอย่างเหยียดหยามหยัน “หลักฐานก็ไม่มี พยานก็ไม่เห็น หน้าไม่อาย กิ้ว ๆ คุณไม่คิดเหรอว่าฉันอาจเป็นหมันก็ได้ กิ้ว ๆ”

             “ใช่แล้วพี่...”  ป่านนี้สาย ตามซ้ำทันที แบบไม่ให้หายใจหายคอ   “ถ้าเป็นลูกของคุณ ก็ต้องอยู่ในท้องคุณสิ  นี่อะไรกัน มาหาว่าลูกในท้องคนอื่น เป็นลูกของตัวเอง ลูกผู้ชาย ดี ๆ เขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก หาว่าเราใจง่ายเหรอคะ  แหม...แค่ไปเที่ยวด้วยกัน สี่สิบสองครั้งในรอบสองเดือนเท่านั้น จะท้องกับคุณได้ยังไง คิดดูง่าย ๆ เลย  แหม ทำท้องแล้วยังมีหน้ามารับว่าเป็นพ่อ มีที่ไหนกัน คนอะไร รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น”

             “ได้โปรดเถอะครับ โปรดเถิดดวงใจ”  โทเทน้ำตาไหลพรากอย่างไม่อายใคร “ได้โปรดยอมรับเถอะว่า ลูกในท้องเป็นลูกของผมและเป็นลูกของคุณ ให้ทำอะไรก็ยอมทุกอย่างครับ  หนี้สินที่ผมมี ยอมยกให้คุณชดใช้ทั้งหมด อย่างไม่มีเงื่อนไข อย่าให้ผมต้องอับอายเลย”

             ไม่ว่าจะอ้อนวอน ผงกหัว อย่างไร ก็ไร้ความหมาย สองศรีพี่น้องไม่ยอมรับว่าลูกในท้องเป็นลูกของเขา และปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกของพวกเธอ แถมยังท้าให้ไปฟ้องศาล หาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ว่า เด็กในท้องของพวกเธอ ใครกันแน่เป็นพ่อและแม่ที่แท้จริง

             น่าสงสารเด็กทั้งสองที่เกิดมาเหลือเกิน โตขึ้นมาคงคิดว่าตัวเองเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่หรือ โพรงไม้ประดู่เป็นแน่แท้

             โทเทจากมาด้วยอาการมึนงง ขมขื่น สิ้นหวัง ไม่แน่ใจว่าใครบ้ากันแน่ เป็นไปได้ไหมว่าสองศรีพี่น้องอาจมีชายอื่น แต่ว่าก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในเมื่อเขาแน่ใจว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่สุดแสนดีที่หนึ่งหมือนกัน 
 
 
             เที่ยงกว่า โทเทยังไม่มีปัญญาดึงตัวเองออกจากห้อง

             เงยหน้าดูเพดาน จิ้งจกวันนี้พากันมาสามตัว เขามองอย่างแปลกใจ ที่มาใหม่ตัวผู้หรือตัวเมีย ผ่านการแปลงเพศมาหรือไม่  แยกเพศไม่ออก แต่พอสังเกตให้ดี เขาก็เริ่มแน่ใจว่าน่าจะเป็นตัวเมีย ดูจากท้องที่ป่องผิดปกติ  จิ้งจกสาวตั้งครรภ์  ชายหนุ่มเริ่มมองหน้าจิ้งจกตัวผู้อย่างเริ่มสงสัย หรือนั่นเป็นฝีมือแก  จิ้งจกหนุ่มทำตาละห้อย เหมือนจะบอกว่า ผมเปล่านะ มิใช่

             มือที่สาม ตัวที่สาม 

             ทันในนั้นเอง ความคิดบางอย่างก็กระโดดเข้ามาในสมอง  รู้แล้วว่าจะแก้ปัญหาท้องไม่มีพ่อไม่มีแม่กับสองสาวได้อย่างไร  ความหาโทรศัพท์ โทรออกหาใครบางคน จากนั้นแกะตัวเองออกจากเก้าอี้ เหวี่ยงร่างกายออกจากห้อง ขับรถส่วนตัว มุ่งหน้าไปยังบ้านของว่าที่ภรรยาทันที
อะไรจะเกิด มันต้องเกิด

            อะไรที่ไม่ควรเกิด ก็อย่ามาเกิด
 
            บ้านของว่าที่ภรรยายังคงเปิดต้อนรับ ประตูหน้าบ้านเปิดกว้าง ยามรักษาการณ์หมู่บ้านเดินผ่านไป เด็กส่งของขี่มอเตอร์ไซด์มาล้มหน้าบ้าน  น้ำแข็งแห้งกระจายออกมาจากกล่อง ทำให้เกิดหมอกควันพิเศษสีขาว ลอยปกคลุมไปทั่วหน้าบ้าน ประกอบฉากที่โทเทเดินเข้ามาอย่างน่าประทับใจ เสียงเพลง The Good the Bad and the Ugly  ดังขึ้นแบบไม่มีที่มาที่ไป
 
             หลังจากได้รับแจ้งการมาเยือนทางโทรศัพท์ ชูชมไป และป่านนี้สาย นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ใบหน้ามีแววผู้ชนะ ว่าที่พ่อตายืนถือปืนลูกซองยาว คุมเชิงด้านข้างขวา ว่าที่แม่ยายยืนถือกาละมัง คุมเชิงด้านซ้าย รอต้อนรับ

             เพลงจบ ชูชมไป เป็นคนทักทายก่อนด้วยวาจามั่นใจ 

            “ท่าทางคุณโทคงมาอ้อนวอน ขอร้อง ขอให้ฉันและน้องสาว ยอมรับว่าเด็กในท้องเป็นลูกอีกสินะ บอกไว้ก่อนว่า มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ  แต่ถ้าคุณมีเงินในบัญชีสักสองล้าน เราอาจคุยกันได้นะคะ”

             พูดจบเธอก็หันไปผงกหัวให้คนในครอบครัว ยิ้มแย้มอย่างสบายใจ โทเทผงกหัวรับอย่างใจเย็นคัมภีรภาพ  ยังไม่พูดอะไร เดินตรงเข้าไปหาอย่างไม่กริ่งเกรง ใช้สายตาจ้องมองเหล่าว่าที่ครอบครัวด้วยความสุภาพ การมาครั้งนี้ดูผิดแผกแตกต่างจากแต่ก่อน ราวเป็นคนละคน ผงกหัวสองครั้ง พูดขึ้นว่า

             “ไม่ครับ ไม่...ผมไม่ได้มาเรื่องนั้น ที่ผมมาวันนี้ เพื่อจะมาบอกว่า ลูกในท้องของคุณทั้งสอง ไม่ใช่ลูกผมอย่างแน่นอน  และไม่ใช่ลูกของพวกคุณด้วย”

             คำพูดเรียบง่ายของโทเท ไม่ผิดกับสายฟ้าฟาดครืนลง ฝั่งของว่าที่ครอบครัวสีหน้าแปรเปลี่ยนวูบวาบไหวใจสะท้านทันที จากท่วงท่าผ่อนคลายตามสบาย กลับกลายเป็นยืดตัวตรง ตึงเครียดทันควัน

             …ไม่ใช่ลูกผมอย่างแน่นอน และไม่ใช่ลูกของพวกคุณด้วย...วาจาผีสางใดกัน คนพูดออกมาได้ขนาดนี้ เป็นคนประเภทใดกัน 

             ป่านนี้สาย ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน  “โท คุณหมายความว่ายังไง”

             โทเทไม่ตอบในทันที ปล่อยให้คำถามลอยอ้อยอิ่งค้างคาในอากาศ ทรมานใจคนรอให้สาสมใจ การรีบร้อนตอบคำถามคนอื่นเกินไป เป็นเรื่องความพ่ายแพ้ทางบุคลิกภาพ พักหนึ่งโทเทจึงเริ่มอธิบายอย่างแช่มช้าว่า

             “ตั้งแต่คบกันมา ถึงผมจะพาพวกคุณไปเที่ยว โน่น นั่น นี่ หลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้ง ผมจะเอาตัวรอดได้เสมอ  ไม่มีสักครั้งเลยที่ผมจะถูกพวกคุณมอมเหล้ามอมยา จนพลาดท่าเสียเนื้อเสียตัวให้พวกคุณ แบบนั้นผมจะทำให้พวกคุณตั้งครรภ์ได้ยังไง ผมมันคนรักนวลสงวนตัว ไม่ใช่คนใจง่ายนะจะบอกให้”

             โอ...”  เสียงอุทานระงม

             ชูชมไป และป่านนี้สาย เพิ่งนึกขึ้นได้ทันที หลายครั้งที่ไปเที่ยว โน่น นั่น นี่ ด้วยกัน ไม่ว่าจะดื่มเหล้าเมาทายขนาดไหน โทเทไม่เคยพลาดท่าเสียที   ต่อให้ขนาดอยู่ในห้องพักโรงแรมหรู พอเข้าใกล้ เขาจะดิ้นรนตะกายหนีชนิดแทบไม่หายใจหายคอ ตัวสั่นงันงกอย่างน่าเวทนา ขอร้องวิงวอนราววันสิ้นโลก เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง ขนาดลงไปเอาผ้าห่มมัดคลุมตัวเองทั้งตัวปกป้องพรหมจรรย์ จนแกะไม่ออก อยู่ในห้องน้ำถึงรุ่งเช้าก็ยังเคย

             ว่าที่พ่อตามีสีหน้าเคร่งเครียด หันหน้า หันปลายกระบอกปืน ไปทางลูกสาวทั้งสอง เค้นเสียงถามทีละคำ

             “บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่ใช่ฝีมือของโทเท แล้วเป็นฝีมือใคร”

.

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่