สวัสดีครับ
ช่วงนี้หลายคนรวมทั้งผมคงต้องอยู่บ้านอ่านหนังสือ ดูเน็ตฟลิกซ์กักตัวเองเพื่อป้องกันไวรัสกันนะครับ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน
วันนี้จึงอยากจะมาแชร์เรื่องๆ หนึ่ง ที่นึกถึงทีไรก็ขนลุกทุกที พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวเท่าที่จำได้ มาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านระหว่างช่วงโควิดกันนะครับ
((***Update*** อย่าลืมติดตามฉบับ E-book ใน MEB ไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ
LINK e-book ))
เรื่องนี้เกิดกับผมและเพื่อนๆ ร่วมสถาบัน ตั้งแต่ปี 2539 ก็เกือบๆ 24 ปีแล้วครับ 55 นานมากไม่เคยเล่าที่ไหนเลย ไม่รู้จะน่ากลัวหรือเปล่า
(***เรื่องนี้มีเค้าโครงจากความจริงบางส่วน ผนวกกับการใช้เรื่องแต่งเพื่อเพิ่มอรรถรส และใช้เพื่อเป็นงานทดลองวิธีการเขียนของผมเอง ชื่อ สถานที่ และบุคคลจึงสมมุติขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมด แต่โดยรวมจะมีพื้นฐานจากเหตุการณ์จริง 30% ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเริงใจนะครับ***)
.
ขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า... #เตียงที่มีพวงมาลัย
.
ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมของมหาลัย ทางคณะได้จัดทัศนศึกษาไปดูงานสถาปัตยกรรม วัดเก่าแถวภาคเหนือ พวกเราก็จะนั่งรถบัสไปกัน ประมาณ 80 คน ไปถ่ายรูป สเก็ตช์ภาพ วัดขนาดสัดส่วนของอาคาร ไปทีเที่ยวนึงก็หลายๆจังหวัด
เวลาไปพักค้างคืนทางคณะ ก็จะขอความอนุเคราะห์ที่พักตามสถาบันการศึกษาในจังหวัดที่ต่างๆ ที่ผ่านไป
ในคืนหนึ่ง เราผ่านไปที่จังหวัดxx หลังจากดูงานชมวัดชมอาคารเสร็จในช่วงกลางวัน แวะทานอาหารเย็นเสร็จที่ตลาด อาจารย์ก็แจ้งว่าคืนนี้เราต้องไปพักที่หอพักในวิทยาลัยพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่ง พวกเราก็แอบดีใจว่าจะได้เจอน้องๆพยาบาลน่ารักๆ ก็มีอารมณ์ตื่นเต้นดีใจกัน
แต่สถานที่นั้นก็ห่างจากตัวเมืองพอสมควร พอไปถึงประมาณสองทุ่ม ค่ำแล้ว อาณาบริเวณก็ใหญ่มากจากรั้ววิทยาลัยกว่าจะถึงที่พักก็ไกลหลายกิโล นับว่าที่ที่เราพักนั้นอยู่ลึกมาก
ถึงที่หอ เป็นอาคารกึ่งปูนกึ่งไม้น่าจะอายุหลายสิบปี ประมาณสี่ชั้น ดูจากสภาพเหมือนไม่มีคนมาใช้อาคารนี้นานแล้ว แน่นอนไม่เจอน้องๆพยาบาลสักคนเดียว..ยามบอก อาคารนี้ปิดมานานแล้ว
พวกเราต้องรอยามมาปลดโซ่ตรวนที่ปิดประตูแผงเหล็ก เปิดไฟและช่วยกันทำความสะอาด ห้องต่างๆ
พอเข้าไป ในอาคารเป็นลักษณะอาคารไม้ พื้นปูน
ชั้นล่างสุดเป็นโถง และห้องอาบน้ำรวม
ชั้นสองถึงสี่เป็นหอพัก ในแต่ละชั้นจะเป็นห้องนอนรวมยาวๆ มีไฟนีออนสว่างมาก มีแถวเตียงสองชั้นแยกสองข้าง ซ้าย - ขวา ทางเดินตรงกลางยาวๆ
อาจารย์ตกลงว่าชั้นสองให้ผู้หญิงนอน ส่วนชั้นสามเป็นผู้ชายนอน
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสาม ผมเข้าไปเป็นคนท้ายๆ แถว เพื่อนๆ ที่เข้าไปก่อน ก็รีบไปจองเตียงกัน
ปรากฏว่าสักพัก เพื่อนๆ หลายคนก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกมา จนล้อมเตียงๆ หนึ่งไว้ ที่กลางห้อง ผมก็งงว่าทุกคนเป็นอะไร เลยมุดเข้าไปดู
พอผมเดินเข้าไป ก็เจอเตียงๆ หนึ่ง เป็นเตียงปูผ้าขาวธรรมดา ดูไม่มีอะไร แต่...
ที่ปลายเตียง มีรูปภาพเก่าๆ ถ่ายหน้าตรงใบหน้านักศึกษาหญิงใส่กรอบเล็กๆ ติดไว้ที่ปลายเตียง
และมีพวงมาลัยแห้งๆ ห้อยอยู่...
(อห..ผมคิดในใจ)
ถึงจุดนี้ทุกคนต่างมองหน้ากัน.. ทุกคนต่างรู้กันในใจ
เราเลยเว้นที่ว่างของเตียงนั้น และเตียงรอบๆ ข้างไว้ประมาณสองสามเตียง ไว้เป็นเซฟโซน ,no man s' land 555
ผมได้ที่นอนห่างจากเตียงๆ นั้นไปประมาณ สามหรือสี่เตียง แบบไม่มีใครนอนคั่นเลย ครับ 55
แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ คิดว่าไม่น่ามีอะไร
ถึงจุดนี้ อาจารย์ก็มาบอกว่าให้รีบไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมข้างล่าง เพราะผู้หญิงอาบเสร็จแล้ว
ทุกคนก็รีบลงไปอาบกัน ผมก็มัวแต่เก็บของ
ตอนนี้รู้สึกว่าอากาศหนาวมาก รู้สึกขนลุกแปลกๆ
"เอ๋ อาบน้ำเถอะ"
เสียงเพื่อนที่ขึ้นมาจากห้องอาบน้ำก่อน ตะโกนเสียงดังเข้ามาที่หน้าห้อง จนผมตกใจ
แต่ก็นึกว่าเพื่อนแกล้ง เลย ด่ามันไปขำๆ แล้วก็หอบผ้าขาวม้าลงไปอาบน้ำ... ขณะที่เพื่อนคนนั้นมองไปทางเตียงด้วยสายตาแปลกๆ
...
ทำงานเด๋วมาเล่าต่อนะครับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ #เตียงที่มีพวงมาลัย
ช่วงนี้หลายคนรวมทั้งผมคงต้องอยู่บ้านอ่านหนังสือ ดูเน็ตฟลิกซ์กักตัวเองเพื่อป้องกันไวรัสกันนะครับ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน
วันนี้จึงอยากจะมาแชร์เรื่องๆ หนึ่ง ที่นึกถึงทีไรก็ขนลุกทุกที พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวเท่าที่จำได้ มาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านระหว่างช่วงโควิดกันนะครับ
((***Update*** อย่าลืมติดตามฉบับ E-book ใน MEB ไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ
LINK e-book ))
เรื่องนี้เกิดกับผมและเพื่อนๆ ร่วมสถาบัน ตั้งแต่ปี 2539 ก็เกือบๆ 24 ปีแล้วครับ 55 นานมากไม่เคยเล่าที่ไหนเลย ไม่รู้จะน่ากลัวหรือเปล่า
(***เรื่องนี้มีเค้าโครงจากความจริงบางส่วน ผนวกกับการใช้เรื่องแต่งเพื่อเพิ่มอรรถรส และใช้เพื่อเป็นงานทดลองวิธีการเขียนของผมเอง ชื่อ สถานที่ และบุคคลจึงสมมุติขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมด แต่โดยรวมจะมีพื้นฐานจากเหตุการณ์จริง 30% ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเริงใจนะครับ***)
ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมของมหาลัย ทางคณะได้จัดทัศนศึกษาไปดูงานสถาปัตยกรรม วัดเก่าแถวภาคเหนือ พวกเราก็จะนั่งรถบัสไปกัน ประมาณ 80 คน ไปถ่ายรูป สเก็ตช์ภาพ วัดขนาดสัดส่วนของอาคาร ไปทีเที่ยวนึงก็หลายๆจังหวัด
เวลาไปพักค้างคืนทางคณะ ก็จะขอความอนุเคราะห์ที่พักตามสถาบันการศึกษาในจังหวัดที่ต่างๆ ที่ผ่านไป
ในคืนหนึ่ง เราผ่านไปที่จังหวัดxx หลังจากดูงานชมวัดชมอาคารเสร็จในช่วงกลางวัน แวะทานอาหารเย็นเสร็จที่ตลาด อาจารย์ก็แจ้งว่าคืนนี้เราต้องไปพักที่หอพักในวิทยาลัยพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่ง พวกเราก็แอบดีใจว่าจะได้เจอน้องๆพยาบาลน่ารักๆ ก็มีอารมณ์ตื่นเต้นดีใจกัน
แต่สถานที่นั้นก็ห่างจากตัวเมืองพอสมควร พอไปถึงประมาณสองทุ่ม ค่ำแล้ว อาณาบริเวณก็ใหญ่มากจากรั้ววิทยาลัยกว่าจะถึงที่พักก็ไกลหลายกิโล นับว่าที่ที่เราพักนั้นอยู่ลึกมาก
ถึงที่หอ เป็นอาคารกึ่งปูนกึ่งไม้น่าจะอายุหลายสิบปี ประมาณสี่ชั้น ดูจากสภาพเหมือนไม่มีคนมาใช้อาคารนี้นานแล้ว แน่นอนไม่เจอน้องๆพยาบาลสักคนเดียว..ยามบอก อาคารนี้ปิดมานานแล้ว
พวกเราต้องรอยามมาปลดโซ่ตรวนที่ปิดประตูแผงเหล็ก เปิดไฟและช่วยกันทำความสะอาด ห้องต่างๆ
พอเข้าไป ในอาคารเป็นลักษณะอาคารไม้ พื้นปูน
ชั้นล่างสุดเป็นโถง และห้องอาบน้ำรวม
ชั้นสองถึงสี่เป็นหอพัก ในแต่ละชั้นจะเป็นห้องนอนรวมยาวๆ มีไฟนีออนสว่างมาก มีแถวเตียงสองชั้นแยกสองข้าง ซ้าย - ขวา ทางเดินตรงกลางยาวๆ
อาจารย์ตกลงว่าชั้นสองให้ผู้หญิงนอน ส่วนชั้นสามเป็นผู้ชายนอน
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสาม ผมเข้าไปเป็นคนท้ายๆ แถว เพื่อนๆ ที่เข้าไปก่อน ก็รีบไปจองเตียงกัน
ปรากฏว่าสักพัก เพื่อนๆ หลายคนก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกมา จนล้อมเตียงๆ หนึ่งไว้ ที่กลางห้อง ผมก็งงว่าทุกคนเป็นอะไร เลยมุดเข้าไปดู
พอผมเดินเข้าไป ก็เจอเตียงๆ หนึ่ง เป็นเตียงปูผ้าขาวธรรมดา ดูไม่มีอะไร แต่...
ที่ปลายเตียง มีรูปภาพเก่าๆ ถ่ายหน้าตรงใบหน้านักศึกษาหญิงใส่กรอบเล็กๆ ติดไว้ที่ปลายเตียง
และมีพวงมาลัยแห้งๆ ห้อยอยู่...
(อห..ผมคิดในใจ)
ถึงจุดนี้ทุกคนต่างมองหน้ากัน.. ทุกคนต่างรู้กันในใจ
เราเลยเว้นที่ว่างของเตียงนั้น และเตียงรอบๆ ข้างไว้ประมาณสองสามเตียง ไว้เป็นเซฟโซน ,no man s' land 555
ผมได้ที่นอนห่างจากเตียงๆ นั้นไปประมาณ สามหรือสี่เตียง แบบไม่มีใครนอนคั่นเลย ครับ 55
แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ คิดว่าไม่น่ามีอะไร
ถึงจุดนี้ อาจารย์ก็มาบอกว่าให้รีบไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมข้างล่าง เพราะผู้หญิงอาบเสร็จแล้ว
ทุกคนก็รีบลงไปอาบกัน ผมก็มัวแต่เก็บของ
ตอนนี้รู้สึกว่าอากาศหนาวมาก รู้สึกขนลุกแปลกๆ
"เอ๋ อาบน้ำเถอะ"
เสียงเพื่อนที่ขึ้นมาจากห้องอาบน้ำก่อน ตะโกนเสียงดังเข้ามาที่หน้าห้อง จนผมตกใจ
แต่ก็นึกว่าเพื่อนแกล้ง เลย ด่ามันไปขำๆ แล้วก็หอบผ้าขาวม้าลงไปอาบน้ำ... ขณะที่เพื่อนคนนั้นมองไปทางเตียงด้วยสายตาแปลกๆ
...
ทำงานเด๋วมาเล่าต่อนะครับ