บทรัตนสูตรนี้ หากพิจารณาดูเนื้อหาแล้วก็ทราบได้ว่าเป็นบทที่น้อมนำให้คนทำความดีด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ให้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มาเป็นหลักใจ หรือแปลง่ายๆว่าให้ผู้ฟังประฤติดีทั้งกาย วาจาและใจ
ชาวพุทธส่วนมากมักเรียนรู้จดจำกับคำว่า สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน
ซึ่งจริงๆไม่ควรมีประโยคนี้ เพราะ 1 ในโอกาส 5 อย่างที่จะทำให้คนสามารถบรรลุธรรมได้ คือ การสาธยายธรรม หรือ การสวดมนต์ นั่นเอง
ซึ่งคำกล่าว"สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน" นี้ ทำให้คนมองข้ามความสำคัญและเนื้อหาของบทสวดนั้นว่า บทสวดนั้นต้องการจะสื่อถึงอะไร กล่าวถึงอะไร ต้องการให้คนปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง
บทสวดมนต์หลายบท ไม่ใช่แค่ยาทา ไม่ใช่แค่สวดให้เพียงจิตสงบ แต่สามารถที่จะเป็นยากินเลยก็ได้ ถ้าหากคุณได้เรียนรู้เนื้อหาจนสามารถพัฒนาศีล สมาธิ ปัญญาให้ดียิ่งๆขึ้นหรือสามารถทำให้เข้าถึงหลักคุณธรรมที่บทสวดได้กล่าวไว้
และถ้าหากคุณสามารถน้อมนำหลักคุณธรรมของบทสวดนั้นเข้ามาอยู่ในใจคุณ ตั้งอธิษฐานว่า ขอทำตามหลักความดีในบทสวดนั้นตลอดไป บทสวดนั้นก็จะเปรียบดั่งยาฉีด
การสวดและฟังบทสวดมนต์ใดๆนั้น ย่อมก่อให้เกิดพลังงานที่ดีต่อกายและใจผู้ฟัง และน้อมนำให้ผู้ฟังมีจิตสำนึกที่ดี พร้อมที่จะทำความดีมากยิ่งขึ้นหรือจนถึงบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง เมื่อได้สวดมนต์บทใดบทหนึ่งแล้ว กระแสพลังงานที่ดียอมแผ่กระจายออกไปยังสภาพแวดล้อมรอบข้าง เหมือนกับการทดลองเรื่องเสียงและคำพูดต่างๆกับน้ำที่ดร.มาซารุได้ทดลองไว้ว่า หากน้ำรับได้เสียงที่ดีและคำพูดที่ดีเช่น เสียงสวดมนต์และคำอวยพร น้ำย่อมแสดงผลลัพธ์ที่ดี
หากน้ำได้รับเสียงที่ไม่ดีและคำพูดที่ไม่ดี น้ำก็ย่อมได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ดี นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำทุกอย่างย่อมส่งผลต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้
หากทำดี ธรรมชาติย่อมส่งผลดี
หากทำไม่ดี ธรรมชาติก็ย่อมส่งผลที่ไม่ดีให้กับมนุษย์
เผยผลวิจัยยืนยันชัด! ผลึกน้ำ สภาพแวดล้อม (ดีหรือเลว) สิ่งมีชีวิต มีความสัมพันธ์กัน อย่างคาดไม่ถึง
https://www.winnews.tv/news/14906
ผลึกน้ำสะท้อนอารมณ์และคำพูด
https://youtu.be/UQH8bfJzPHU
ถ้าถามความเห็นส่วนตัวว่า การสวดมนต์รัตนสูตร จะช่วยบ้านเมืองให้พ้นภัยได้ขนาดไหน ก็คงช่วยได้ดีระดับนึงอยู่ แต่ได้ผลไม่เต็มขั้น ไม่เต็มรูปแบบเหมือนสมัยพุทธกาลหรอก
การที่พระเกจิครูบาอาจารย์มาสวดมนต์ช่วยบ้านเมืองนั้น ก็คือการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ทำความดี ช่วยกระจายพลังงานที่ดีงามไปสู่สภาพแวดล้อม ไปสู่ธรรมชาติ ช่วยให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เภทภัยและสิ่งที่ไม่ดีต่างๆก็สามารถลดน้อยลงได้
แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อมีคนคิดดี พูดดี ทำดี ช่วยกระจายพลังงานที่ดีงามไปสู่ธรรมชาติ ก็ยังมีผู้ที่ไม่สนใจทำความดี ยังคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว กระจายพลังงานที่ไม่ดีออกสู่ธรรมชาติเช่นเดียวกัน
การที่พระครูบาอาจารย์มาร่วมด้วยช่วยกันสวดรัตนสูตรนี้ ก็เปรียบเหมือนเร่งนำน้ำจำนวนมากมาดับไฟที่กำลังลุกโชนซึ่งเกิดจากคนคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว จะดับไฟได้หมดหรือเปล่าไม่รู้ ก็คงดับไปได้มากพอสมควรอยู่
ถึงแม้จะได้ผลสำเร็จไม่ 100% เต็ม ก็ต้องมีกิจกรรมสวดมนต์ช่วยให้ได้มากที่สุดอยู่ดี ช่วยให้เต็มที่ ให้ได้ผลมากที่สุด หรือต้องหาวิธีการอย่างอื่นให้ผู้คนประพฤติธรรมนอกเหนือจาการสวดและฟังบทรัตนสูตร
ในครั้งพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าไปโปรดเมืองเวสาลี ได้มีการแสดงรัตนสูตรตลอด 7 วัน มีผู้บรรลุธรรมถึง 84,000 ผู้ที่บรรลุธรรมคือ ผู้ที่คิดดี พูดดี ทำดี ตั้งอยู่บนกระแสแห่งความดีอย่างมั่นคงแล้ว สามารถกระจายพลังงานที่ดีออกสู่ธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติ
เมื่อมีผู้คิดดี พูดดี ทำดี ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับที่ดีมากๆเพราะเป็นผู้บรรลุธรรมแล้ว และอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากๆ การกระจายพลังงานที่ดีงามที่บริสุทธิ์สู่ธรรมชาติ ก็สามารถกระจายไปได้มาก สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติจึงดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัญหาในเมืองจึงคลี่คลายอย่างรวดเร็ว เกิดการพัฒนาทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมืองให้ดีขึ้นอย่างมากมาย
หากว่าบ้านเมืองเรามีคนจำนวนมากมาร่วมสวดรัตนสูตรกันทั้งเดือน ก็คงมีพลังงานที่ดีๆจำนวนมากกระจายออกไปสู่สภาพธรรมชาติอยู่ บรรเทาความเลวร้ายได้พอสมควรอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ผู้บรรลุธรรมถึง 84,000 จากการสวดบทรัตนสูตรเทียบเท่าในสมัยพุทธกาล และไม่สามารถเกิดพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่ดีงามเหมือนสมัยพุทธกาลได้ แต่ก็ขอช่วยบรรเทาสิ่งร้ายๆให้ลดลง และขอให้มีผู้คนที่มีจิตใจที่ดีงามมากขึ้น มีผู้ประพฤติธรรมมากขึ้น และมีสภาพความเป็นอยู่ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่ดีกว่านี้ได้ก็คงพอ
สิ่งที่น่าจะทำเพิ่มเติมคือ ควรมีกิจกรรมธรรมะเพิ่มเติมจากการสวดและฟังรัตนสูตร เพื่อให้คนจำนวนมากได้ผลในการประพฤติธรรมที่ดีขึ้น ให้ได้ผลตามหลักคุณธรรมที่ประกาศไว้ในบทรัตนสูตร เช่น การสวดมนต์แปลไทย รัตนสูตร หลังจากที่สวดบทรัตนสูตรที่เป็นภาษาบาลีจบ เพื่อให้คนได้เข้าใจความหมายและประพฤติตามได้ง่ายขึ้น การเจริญสติปัฏฐาน 4 หรือการปฏิบัติตามหลักบุญกิริยาวัตถุ 10 หรือจะเป็นการสวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตร,ธารณปริตร การขออโหสิกรรมและแผ่เมตตา เป็นต้น เพราะจะให้คนสมัยนี้สวดรัตนสูตรอย่างเดียว แล้วได้ผลดีเร็วๆ นับว่าเป็นเรื่องยาก
อย่างในสมัยพุทธกาลนั้นคนจำนวนมากฟังธรรมในช่วงเวลาสั้นๆหรือแค่รอบเดียวก็บรรลุธรรม คนสมัยนี้ฟังธรรมนับ 10 เดินจงกรมนั่งสมาธินับ 100 รอบ ถึงจะมีลุ้นบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ควรมีกิจกรรมส่งเสริมธรรมะเพิ่มเติมเพื่อเป็นศิริมงคลแก่บ้านเมืองหรือเพื่อพัฒนาคนให้มีศีล สมาธิ ปัญญาให้บริบูรณ์มากขึ้น ถ้าต้องการให้ได้ผลที่ดีงามกับบ้านเมืองรวดเร็วกว่านี้ ต้องมีอะไรที่มากกว่าการสวดรัตนสูตร อาจจะสวดรัตนสูตร 9 จบ พร้อมบทแปล หรือบทสวดธรรมจักรอะไรต่างๆอย่างที่บอกมาก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้เหตุเภทภัยต่างๆลดลงได้รวดเร็ว พลิกร้ายกลายเป็นดีได้อย่างรวดเร็ว
พระอาจารย์ท่านนี้อธิบายความหมายและกระบวนการขั้นตอนของรัตนสูตรได้เข้าใจและกระจ่างชัด
ฟังตั้งแต่นาทีที่ 0-31
https://youtu.be/vJ7jItt0GKc
การสวดและฟังรัตนสูตรที่ได้ผลเต็มขั้น คือการประพฤติดีทางกาย วาจาและใจตามพระสูตรนี้ตลอดไป
ชาวพุทธส่วนมากมักเรียนรู้จดจำกับคำว่า สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน
ซึ่งจริงๆไม่ควรมีประโยคนี้ เพราะ 1 ในโอกาส 5 อย่างที่จะทำให้คนสามารถบรรลุธรรมได้ คือ การสาธยายธรรม หรือ การสวดมนต์ นั่นเอง
ซึ่งคำกล่าว"สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน" นี้ ทำให้คนมองข้ามความสำคัญและเนื้อหาของบทสวดนั้นว่า บทสวดนั้นต้องการจะสื่อถึงอะไร กล่าวถึงอะไร ต้องการให้คนปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง
บทสวดมนต์หลายบท ไม่ใช่แค่ยาทา ไม่ใช่แค่สวดให้เพียงจิตสงบ แต่สามารถที่จะเป็นยากินเลยก็ได้ ถ้าหากคุณได้เรียนรู้เนื้อหาจนสามารถพัฒนาศีล สมาธิ ปัญญาให้ดียิ่งๆขึ้นหรือสามารถทำให้เข้าถึงหลักคุณธรรมที่บทสวดได้กล่าวไว้
และถ้าหากคุณสามารถน้อมนำหลักคุณธรรมของบทสวดนั้นเข้ามาอยู่ในใจคุณ ตั้งอธิษฐานว่า ขอทำตามหลักความดีในบทสวดนั้นตลอดไป บทสวดนั้นก็จะเปรียบดั่งยาฉีด
การสวดและฟังบทสวดมนต์ใดๆนั้น ย่อมก่อให้เกิดพลังงานที่ดีต่อกายและใจผู้ฟัง และน้อมนำให้ผู้ฟังมีจิตสำนึกที่ดี พร้อมที่จะทำความดีมากยิ่งขึ้นหรือจนถึงบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง เมื่อได้สวดมนต์บทใดบทหนึ่งแล้ว กระแสพลังงานที่ดียอมแผ่กระจายออกไปยังสภาพแวดล้อมรอบข้าง เหมือนกับการทดลองเรื่องเสียงและคำพูดต่างๆกับน้ำที่ดร.มาซารุได้ทดลองไว้ว่า หากน้ำรับได้เสียงที่ดีและคำพูดที่ดีเช่น เสียงสวดมนต์และคำอวยพร น้ำย่อมแสดงผลลัพธ์ที่ดี
หากน้ำได้รับเสียงที่ไม่ดีและคำพูดที่ไม่ดี น้ำก็ย่อมได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ดี นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำทุกอย่างย่อมส่งผลต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้
หากทำดี ธรรมชาติย่อมส่งผลดี
หากทำไม่ดี ธรรมชาติก็ย่อมส่งผลที่ไม่ดีให้กับมนุษย์
เผยผลวิจัยยืนยันชัด! ผลึกน้ำ สภาพแวดล้อม (ดีหรือเลว) สิ่งมีชีวิต มีความสัมพันธ์กัน อย่างคาดไม่ถึง
https://www.winnews.tv/news/14906
ผลึกน้ำสะท้อนอารมณ์และคำพูด
https://youtu.be/UQH8bfJzPHU
ถ้าถามความเห็นส่วนตัวว่า การสวดมนต์รัตนสูตร จะช่วยบ้านเมืองให้พ้นภัยได้ขนาดไหน ก็คงช่วยได้ดีระดับนึงอยู่ แต่ได้ผลไม่เต็มขั้น ไม่เต็มรูปแบบเหมือนสมัยพุทธกาลหรอก
การที่พระเกจิครูบาอาจารย์มาสวดมนต์ช่วยบ้านเมืองนั้น ก็คือการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ทำความดี ช่วยกระจายพลังงานที่ดีงามไปสู่สภาพแวดล้อม ไปสู่ธรรมชาติ ช่วยให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เภทภัยและสิ่งที่ไม่ดีต่างๆก็สามารถลดน้อยลงได้
แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อมีคนคิดดี พูดดี ทำดี ช่วยกระจายพลังงานที่ดีงามไปสู่ธรรมชาติ ก็ยังมีผู้ที่ไม่สนใจทำความดี ยังคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว กระจายพลังงานที่ไม่ดีออกสู่ธรรมชาติเช่นเดียวกัน
การที่พระครูบาอาจารย์มาร่วมด้วยช่วยกันสวดรัตนสูตรนี้ ก็เปรียบเหมือนเร่งนำน้ำจำนวนมากมาดับไฟที่กำลังลุกโชนซึ่งเกิดจากคนคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว จะดับไฟได้หมดหรือเปล่าไม่รู้ ก็คงดับไปได้มากพอสมควรอยู่
ถึงแม้จะได้ผลสำเร็จไม่ 100% เต็ม ก็ต้องมีกิจกรรมสวดมนต์ช่วยให้ได้มากที่สุดอยู่ดี ช่วยให้เต็มที่ ให้ได้ผลมากที่สุด หรือต้องหาวิธีการอย่างอื่นให้ผู้คนประพฤติธรรมนอกเหนือจาการสวดและฟังบทรัตนสูตร
ในครั้งพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าไปโปรดเมืองเวสาลี ได้มีการแสดงรัตนสูตรตลอด 7 วัน มีผู้บรรลุธรรมถึง 84,000 ผู้ที่บรรลุธรรมคือ ผู้ที่คิดดี พูดดี ทำดี ตั้งอยู่บนกระแสแห่งความดีอย่างมั่นคงแล้ว สามารถกระจายพลังงานที่ดีออกสู่ธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติ
เมื่อมีผู้คิดดี พูดดี ทำดี ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับที่ดีมากๆเพราะเป็นผู้บรรลุธรรมแล้ว และอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากๆ การกระจายพลังงานที่ดีงามที่บริสุทธิ์สู่ธรรมชาติ ก็สามารถกระจายไปได้มาก สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติจึงดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัญหาในเมืองจึงคลี่คลายอย่างรวดเร็ว เกิดการพัฒนาทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมืองให้ดีขึ้นอย่างมากมาย
หากว่าบ้านเมืองเรามีคนจำนวนมากมาร่วมสวดรัตนสูตรกันทั้งเดือน ก็คงมีพลังงานที่ดีๆจำนวนมากกระจายออกไปสู่สภาพธรรมชาติอยู่ บรรเทาความเลวร้ายได้พอสมควรอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ผู้บรรลุธรรมถึง 84,000 จากการสวดบทรัตนสูตรเทียบเท่าในสมัยพุทธกาล และไม่สามารถเกิดพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่ดีงามเหมือนสมัยพุทธกาลได้ แต่ก็ขอช่วยบรรเทาสิ่งร้ายๆให้ลดลง และขอให้มีผู้คนที่มีจิตใจที่ดีงามมากขึ้น มีผู้ประพฤติธรรมมากขึ้น และมีสภาพความเป็นอยู่ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่ดีกว่านี้ได้ก็คงพอ
สิ่งที่น่าจะทำเพิ่มเติมคือ ควรมีกิจกรรมธรรมะเพิ่มเติมจากการสวดและฟังรัตนสูตร เพื่อให้คนจำนวนมากได้ผลในการประพฤติธรรมที่ดีขึ้น ให้ได้ผลตามหลักคุณธรรมที่ประกาศไว้ในบทรัตนสูตร เช่น การสวดมนต์แปลไทย รัตนสูตร หลังจากที่สวดบทรัตนสูตรที่เป็นภาษาบาลีจบ เพื่อให้คนได้เข้าใจความหมายและประพฤติตามได้ง่ายขึ้น การเจริญสติปัฏฐาน 4 หรือการปฏิบัติตามหลักบุญกิริยาวัตถุ 10 หรือจะเป็นการสวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตร,ธารณปริตร การขออโหสิกรรมและแผ่เมตตา เป็นต้น เพราะจะให้คนสมัยนี้สวดรัตนสูตรอย่างเดียว แล้วได้ผลดีเร็วๆ นับว่าเป็นเรื่องยาก
อย่างในสมัยพุทธกาลนั้นคนจำนวนมากฟังธรรมในช่วงเวลาสั้นๆหรือแค่รอบเดียวก็บรรลุธรรม คนสมัยนี้ฟังธรรมนับ 10 เดินจงกรมนั่งสมาธินับ 100 รอบ ถึงจะมีลุ้นบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ควรมีกิจกรรมส่งเสริมธรรมะเพิ่มเติมเพื่อเป็นศิริมงคลแก่บ้านเมืองหรือเพื่อพัฒนาคนให้มีศีล สมาธิ ปัญญาให้บริบูรณ์มากขึ้น ถ้าต้องการให้ได้ผลที่ดีงามกับบ้านเมืองรวดเร็วกว่านี้ ต้องมีอะไรที่มากกว่าการสวดรัตนสูตร อาจจะสวดรัตนสูตร 9 จบ พร้อมบทแปล หรือบทสวดธรรมจักรอะไรต่างๆอย่างที่บอกมาก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้เหตุเภทภัยต่างๆลดลงได้รวดเร็ว พลิกร้ายกลายเป็นดีได้อย่างรวดเร็ว
พระอาจารย์ท่านนี้อธิบายความหมายและกระบวนการขั้นตอนของรัตนสูตรได้เข้าใจและกระจ่างชัด
ฟังตั้งแต่นาทีที่ 0-31
https://youtu.be/vJ7jItt0GKc