จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกในปัจจุบัน ทำให้ทุกคนทั่วโลกผวา การเดินทางในประเทศนั้นลำบาก
ไม่ต้องพูดถึงการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้เลย งดได้งด ทิ้งตั๋วได้ทิ้ง T_T
วันนี้เราเลยจะมา Throw back ไปปลายปี 2019 ในช่วงที่เจ้าไวรัสโคโรน่ายังไม่แพร่กระจายทั่วโลก
ช่วงพฤษจิกายนเราได้เดินทางไปประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็น1ประเทศในฝันที่ต้องไปเที่ยวให้ได้สักครั้งในชีวิต
และเมืองที่เรารักมากก็คือ Hallstatt / ฮัลล์ชตัทท์
ก่อนไปเราก็หาข้อมูลมามากมายว่ามันเดินทางไปยังไงนะ? แล้วต้องไปตรงไหนบ้าง
ซึ่งก็เห็นทั้งคนที่รักเมืองนี้ และคนที่ไม่ได้อินอะไรกับเมืองนี้เลย
เราไปทำงานช่วงที่ไม่มีหิมะ เลยผิดหวังเล็กน้อยเพราะเมืองนี้จะเลิฟลี่มากในช่วงที่หิมะปกคลุม
ไปถึงนี่กอดขาเจ้านายแน่นเลยจ้า พาหนูไปเถอะ

แล้วก็เหมือนสวรรค์มาโปรดเจ้านายให้ลูกแกพาไป//กราบแทบเท้า ตั้งนั้นเราเลยไม่มีวิธีเดินทางสาธารณะมาแนะนำนะคะ
ขับรถมาเองเลย ระหว่างทางบ้านเมืองเค้าสวยมาก
และแล้วในที่สุด..... เราก็พบกัน!
จุดชมวิวที่ใครๆก็หลงรัก
เราไปในวันที่ฟ้าหม่น ไม่เปิดให้ข้าน้อยได้ยลความงามของแสงแดดและสายลมใดๆเ
เรายังยืนดูอยู่พักหนึ่งเลยอ่ะ
เรามาอยู่ที่นี่จริงๆใช่ไหม.... ฝันไปรึป่าว
ณ จุดนั้นยืนเสพความงามตรงหน้าให้มันลึกลงในความทรงจำ
Hallstatt หรือฮัลชตัท เป็นเมืองเล็ก ๆ ริมทะเลสาบ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การ UNESCO ประเภท Historic Cultural Landscape เมื่อปี 1997 ซึ่งจัดเป็นประเภทของชุมชนที่มีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนของภูมิประเทศที่สวยงามกับวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ซึ่งประชากรที่อาศัยที่นี้ในอดีตทำเหมืองเกลือเป็นอาชีพหลัก
ในปัจจุบันประชากรหลายคนหันไปทำงานบริษัทแต่ก็ยังคงไว้ในบ้านเรือนและวัฒนธรรมอันล้ำค่า
เมืองเล็กๆน่ารักในหุบเขานี้คงเป็นจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนก็อยากจะมาเยี่ยมเยียนสักครั้งแหละ
น้องหงส์และน้องเป็ดมาต้อนรับ
น้ำใสมากกก ใสขนาดที่ว่าเป็ดมุดลงไปหาปลา 2-3 เมตรเราก็ยังเห็นตัวน้อง555
อยากจะลงเล่นน้ำแต่ด้วยความหนาวเราขอบรัยยย
มีมุมให้อาหารน้องๆด้วยนะ
มีร้านขายของที่ระลึกเรียงรายเลย ร้านอาหารก็มีหลากหลาย
โซนโรงแรมในกลางเมือง
Markplatz จตุรัสใจกลางเมือง

Cafe derbl คาเฟ่น่ารักๆใจกลางเมือง
Hallstatt Lutheran Church โบสถ์ประจำเมือง สัญลักษณ์เมืองฮอลสตัทท์ ด้วยความสูงของโบสถ์ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนของเมืองก็มักจะมองเห็นยอดโบสถ์นี้เสมอ
เห็นทุกมุมจริงๆค่ะ แล้วเวลาเคาะระฆังก็จะดังลั่นเมืองเลย
ด้านหลังโบสถ์จะมีที่นั่งและจุดชมวิว ซึ่งวิวจะประมาณนี้เลยแกร!!
มี Museam ด้วยนะ
ระหว่างทางก็จะมีซอกซอยมากมาย น่ารักจริงๆนะ
บ้านหลังนี้สวยจัง
ขอพักหอบรับวิวก่อนนะคะ ><
ต่อมาเราก็จะขึ้นกระเช้าไปดูวิวข้างบนหมืองกัน

เห็นทุกมุมเลย
โลเคชั่นแอบน่ากลัวนะท่ามกลางหุบเขาถ้าเกิดภัยธรรมชาตินี่เสียวเลย
เห็นคฤหาสน์หลังนั่นเล็กนิดเดียวเอง
แอบถ่ายไกด์ที่อาสาพามาหลงข้างหลังค่ะ พี่แกบอกว่าสำหรับคนอออสเตรียที่นี่ไม่มีอะไรหรอก
ไม่ได้มาตั้งแต่ 9 ขวบ -..- และครั้งก่อนห่านกัดมือตอนให้อาหาร เอ็นดู55555
แชะกะจุดถ่ายรูปสักหน่อย ซึ่งตรงนี้มีร้านอาหารด้วยนะคะ วิวดีมากแต่นี่ขอผ่านค่ะไปเที่ยวต่อ

ตรงตึกๆนั้นคือร้านอาหารที่บอกค่ะ
ไปค่ะเดินต่อ ระหว่างนี้ก็มีพิพิธภัณฑ์ประวัติของเหมือง กระดูกโบราณลึกลับ
มุมมองจากทางเข้าเหมืองมองไปยังตัวเมืองค่ะ
ลุงคนนี้คอยยืนต้อนรับผู้มาเยือนเหมือง
การบรรยายจะแบ่งเป็น 2 ภาษาคือเยอรมันและอังกฤษ
ใครจะเข้าเหมืองที่นี่ต้องเปลี่ยนชุดนะคะ
และที่นี่ไม่เปิดเหมืองให้เข้าชมช่วงฤดูหนาวค่ะ
ทางเข้าเหมือง
ขอบอกว่าไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนกลัวที่แคบและความมืดนะคะ
เราไม่ค่อยได้ถ่ายข้างใน ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย
สำหรับเราคือไม่ค่อยอิน เราชอบเมืองข้างล่างมากกว่า อยากลงไปเดินไปซึมซับบรรยากาศข้างล่าง
แต่ไหนๆมาแล้วอ่ะเนอะก็เข้าไปดูให้รู้
ซีรี่ย์เรื่อง Spring waltz เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราใฝ่ฝันถึงประเทศออสเตรีย
ถ้าไปช่วงหิมะจะฟินแค่ไหนนนน >O<
แล้วเราจะกลับมาหากัน...ในวันที่เราคิดถึงกันมากพอ
ในเหตุการณ์นี้ก็ทำให้มีเวลาได้ทบทวนตัวเอง ให้หวนนึกถึงตอนโลกยังสงบและสวยงาม และหากเหตุการณ์นี้สงบลงเราจะไปเที่ยวให้หนำใจไปเลย!
วันนี้ขอบคุณทุกคนที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันนะคะ
หวังว่ากระทู้ของเราคงสร้างความเพลิดเพลินให้เพื่อนๆไม่มากก็น้อยค่าาาาา
[CR] Austria l Dear Hallstatt... ฮัลล์ชตัทท์ที่(ฉัน)รัก
ไม่ต้องพูดถึงการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้เลย งดได้งด ทิ้งตั๋วได้ทิ้ง T_T
วันนี้เราเลยจะมา Throw back ไปปลายปี 2019 ในช่วงที่เจ้าไวรัสโคโรน่ายังไม่แพร่กระจายทั่วโลก
ช่วงพฤษจิกายนเราได้เดินทางไปประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็น1ประเทศในฝันที่ต้องไปเที่ยวให้ได้สักครั้งในชีวิต
และเมืองที่เรารักมากก็คือ Hallstatt / ฮัลล์ชตัทท์
ก่อนไปเราก็หาข้อมูลมามากมายว่ามันเดินทางไปยังไงนะ? แล้วต้องไปตรงไหนบ้าง
ซึ่งก็เห็นทั้งคนที่รักเมืองนี้ และคนที่ไม่ได้อินอะไรกับเมืองนี้เลย
เราไปทำงานช่วงที่ไม่มีหิมะ เลยผิดหวังเล็กน้อยเพราะเมืองนี้จะเลิฟลี่มากในช่วงที่หิมะปกคลุม
ไปถึงนี่กอดขาเจ้านายแน่นเลยจ้า พาหนูไปเถอะ
แล้วก็เหมือนสวรรค์มาโปรดเจ้านายให้ลูกแกพาไป//กราบแทบเท้า ตั้งนั้นเราเลยไม่มีวิธีเดินทางสาธารณะมาแนะนำนะคะ
ขับรถมาเองเลย ระหว่างทางบ้านเมืองเค้าสวยมาก
และแล้วในที่สุด..... เราก็พบกัน!
จุดชมวิวที่ใครๆก็หลงรัก
เราไปในวันที่ฟ้าหม่น ไม่เปิดให้ข้าน้อยได้ยลความงามของแสงแดดและสายลมใดๆเ
เรายังยืนดูอยู่พักหนึ่งเลยอ่ะ
เรามาอยู่ที่นี่จริงๆใช่ไหม.... ฝันไปรึป่าว
ณ จุดนั้นยืนเสพความงามตรงหน้าให้มันลึกลงในความทรงจำ
Hallstatt หรือฮัลชตัท เป็นเมืองเล็ก ๆ ริมทะเลสาบ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การ UNESCO ประเภท Historic Cultural Landscape เมื่อปี 1997 ซึ่งจัดเป็นประเภทของชุมชนที่มีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนของภูมิประเทศที่สวยงามกับวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ซึ่งประชากรที่อาศัยที่นี้ในอดีตทำเหมืองเกลือเป็นอาชีพหลัก
ในปัจจุบันประชากรหลายคนหันไปทำงานบริษัทแต่ก็ยังคงไว้ในบ้านเรือนและวัฒนธรรมอันล้ำค่า
เมืองเล็กๆน่ารักในหุบเขานี้คงเป็นจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนก็อยากจะมาเยี่ยมเยียนสักครั้งแหละ
น้องหงส์และน้องเป็ดมาต้อนรับ
น้ำใสมากกก ใสขนาดที่ว่าเป็ดมุดลงไปหาปลา 2-3 เมตรเราก็ยังเห็นตัวน้อง555
อยากจะลงเล่นน้ำแต่ด้วยความหนาวเราขอบรัยยย
มีมุมให้อาหารน้องๆด้วยนะ
มีร้านขายของที่ระลึกเรียงรายเลย ร้านอาหารก็มีหลากหลาย
โซนโรงแรมในกลางเมือง
Markplatz จตุรัสใจกลางเมือง
Cafe derbl คาเฟ่น่ารักๆใจกลางเมือง
Hallstatt Lutheran Church โบสถ์ประจำเมือง สัญลักษณ์เมืองฮอลสตัทท์ ด้วยความสูงของโบสถ์ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนของเมืองก็มักจะมองเห็นยอดโบสถ์นี้เสมอ
เห็นทุกมุมจริงๆค่ะ แล้วเวลาเคาะระฆังก็จะดังลั่นเมืองเลย
ด้านหลังโบสถ์จะมีที่นั่งและจุดชมวิว ซึ่งวิวจะประมาณนี้เลยแกร!!
มี Museam ด้วยนะ
ระหว่างทางก็จะมีซอกซอยมากมาย น่ารักจริงๆนะ
บ้านหลังนี้สวยจัง
ขอพักหอบรับวิวก่อนนะคะ ><
ต่อมาเราก็จะขึ้นกระเช้าไปดูวิวข้างบนหมืองกัน
เห็นทุกมุมเลย
โลเคชั่นแอบน่ากลัวนะท่ามกลางหุบเขาถ้าเกิดภัยธรรมชาตินี่เสียวเลย
เห็นคฤหาสน์หลังนั่นเล็กนิดเดียวเอง
แอบถ่ายไกด์ที่อาสาพามาหลงข้างหลังค่ะ พี่แกบอกว่าสำหรับคนอออสเตรียที่นี่ไม่มีอะไรหรอก
ไม่ได้มาตั้งแต่ 9 ขวบ -..- และครั้งก่อนห่านกัดมือตอนให้อาหาร เอ็นดู55555
แชะกะจุดถ่ายรูปสักหน่อย ซึ่งตรงนี้มีร้านอาหารด้วยนะคะ วิวดีมากแต่นี่ขอผ่านค่ะไปเที่ยวต่อ
ตรงตึกๆนั้นคือร้านอาหารที่บอกค่ะ
ไปค่ะเดินต่อ ระหว่างนี้ก็มีพิพิธภัณฑ์ประวัติของเหมือง กระดูกโบราณลึกลับ
มุมมองจากทางเข้าเหมืองมองไปยังตัวเมืองค่ะ
ลุงคนนี้คอยยืนต้อนรับผู้มาเยือนเหมือง
การบรรยายจะแบ่งเป็น 2 ภาษาคือเยอรมันและอังกฤษ
ใครจะเข้าเหมืองที่นี่ต้องเปลี่ยนชุดนะคะ
และที่นี่ไม่เปิดเหมืองให้เข้าชมช่วงฤดูหนาวค่ะ
ทางเข้าเหมือง
ขอบอกว่าไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนกลัวที่แคบและความมืดนะคะ
เราไม่ค่อยได้ถ่ายข้างใน ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย
สำหรับเราคือไม่ค่อยอิน เราชอบเมืองข้างล่างมากกว่า อยากลงไปเดินไปซึมซับบรรยากาศข้างล่าง
แต่ไหนๆมาแล้วอ่ะเนอะก็เข้าไปดูให้รู้
ซีรี่ย์เรื่อง Spring waltz เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราใฝ่ฝันถึงประเทศออสเตรีย
ถ้าไปช่วงหิมะจะฟินแค่ไหนนนน >O<
แล้วเราจะกลับมาหากัน...ในวันที่เราคิดถึงกันมากพอ
ในเหตุการณ์นี้ก็ทำให้มีเวลาได้ทบทวนตัวเอง ให้หวนนึกถึงตอนโลกยังสงบและสวยงาม และหากเหตุการณ์นี้สงบลงเราจะไปเที่ยวให้หนำใจไปเลย!
วันนี้ขอบคุณทุกคนที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันนะคะ
หวังว่ากระทู้ของเราคงสร้างความเพลิดเพลินให้เพื่อนๆไม่มากก็น้อยค่าาาาา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้