นางนาก : นนทรีย์ นิมิตรบุตร | ตอนที่ 1 introduction
https://siamrath.co.th/n/88660
เหตุผลจริงที่อยากทำเรื่องนางนากก็คือ อยากดูในเวอร์ชั่นที่เป็นความคิดของตัวเอง เพราะว่าในหลายเวอร์ชั่นที่เราดูมาแล้ว มันยังไม่ใช่แบบที่อยากดู มันยังไม่ใช่แบบที่คิดว่าน่าจะเป็นในความคิดของเราเอง
ในความเป็นตำนานนางนาก มันมีความคลาสสิกในตำนานนั้น ๆ แต่มันถูกพูดถึงโดยแง่ของผีอาละวาด ผีฆ่าคนซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในความคิดของผม มันเป็นแฟนตาซี ผีที่เราเห็นในหลาย ๆ เรื่อง มันเป็นผีที่ถูกปรุงแต่ง เป็นผีแหกอก ผีอาละวาด ผีตัวใหญ่ หรือหดลงตัวเล็ดอยู่ในหม้อ ผมรู้สึกเป็นแฟนตาซีแล้วตรงนั้น เลยอยากเห็นในมุมของ realistic มุมของความรัก มุมของความน่าสงสาร น่าเวทนามากกว่า ก็คือ ในมุมที่อยากจะใช้ข้อสรุปที่เป็นความ realistic เป็นความสมจริงสมจังในเหตุผล ในยุคสมัยที่สุด นั่นคืทำให้อยากจะทำเรื่องนี้
เมื่ออยากจะเห็นอย่างที่ตัวเราอยากเห็น นั่นเป็นเป้าหมายแรก ทีนี้คิดต่อว่า มันมีความน่าสนใจอย่างไร เรื่องนางนากถึงต้องได้ทำ ความน่าสนใจคือว่า พอมันเริ่มอยากเห็น เราก็เริ่มออกไปค้นหา แล้วที่เล่ากันมาเป็นตุเป็นตะเป็นเวลานานแล้ว หลายเวอร์ชั่น มันไม่ได้มีเค้าโครงอะไรเลยหรือ ที่จะพูดถึงในแง่มุมของหลักฐาน ในแง่มุมของความเป็นเรื่องจริง พอรู้สึกอย่างนี้ เราก็ออกหาข้อมูลที่เป็นเรื่องราว เป็นหลักฐานยืนยันอ้างอิงในตำนานเหล่านี้ที่มันเล่ากันมาเป็นร้อยปี มันต้องมีอะไรย้อนกลับไปได้ อะไรที่มันจับต้องได้ เป็นหลักฐานข้อมูลจริง
ยิ่งเราลงไปกับข้อมูลเท่าไร ข้อมูลที่ได้กลับมายิ่งทำให้เราเกิดความสนใจมากขึ้นเท่านั้น ทั้งในแง่ของวิญญาณ ในแง่ของหลักฐานที่อ้างอิงทางประวัติศาสตร์ เช่น ประวัติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนางนาก แต่ละท่านเอ่ยชื่อขึ้นมาก็น่าสนใจแล้ว อาทิ สมเด็จโตวัดระฆัง กรมหลวงชุมพรอุดมศักดิ์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หรืแม้กระทั่งงานของคุณเอนก นาวิกมูล ที่ค้นคว้าข้อมูลไว้ทั้งหมด มันดูราวกับว่า เราถูกข้อมูลเหล่านั้นกล่อมให้รู้สึกว่ามันจริงมาก ๆ เลย เมื่อจริงเท่าไหร่ก็น่าสนใจเท่านั้น ก็ยิ่งมีการตามในแก่นของข้อมูลมากขึ้น ทำให้เห็นนางนากแตกต่างจากเวอร์ชั่นทีาถูกทำออกมาแล้วอย่างไรบ้าง
https://siamrath.co.th/n/88660
ยอมรับอย่างหนึ่งว่า เมื่อมันพอจะกำหนดยุคสมัยได้ พอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับสมเด็จโต ยุคสมัยของสมเด็จโตย้อนไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ทันทีเลย อันดับแรกที่เรารู้จักสมเด็จโตคือรัชกาลที่ 5 แน่ ๆ ท่านอยู่มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 5 อยู่มากลายรัชกาล ทีนี้เราไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนแน่ แรกสุดก็ไปที่รัชกาลที่ 5 ก่อน พอถึงรัชกาลที่ 5 มันจะมีภาพที่เป็น blackgroud แล้วมันมีภาพแวดล้อมที่น่าสนใจมาก ก็รู้สึกว่านี่มันไม่ใช่ที่เราเห็นทั้งหมดนี่นา
อันนั้นเริ่มเป็นข้อมูลที่น่าสนใจที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องกับในยุคสมัย มันทำให้เราต่อข้อมูลออกไปอีก จากข้อมูลอันนี้ต่อโยงไปถึงอันนี้ ต่อโยงไปถึงอันนั้น จากหนังสือเล่มต่อเล่ม ต่อไปถึงบุคคล จากบุคคลกลับไปหนังสือ ถึงหลักฐานอะไรก็แล้วแต่ มันก็ยิ่งทำให้เราเห็นความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ครั้งไป เพราะเริ่มแตกต่างจากสิ่งที่เราเคยเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอบอกว่ารัชกาลที่ 5 เรามีหนังสือเก่า ๆ ที่มีทั้งภาพเขียน ภาพถ่ายของคนในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 จะมีค่อนข้างเยอะที่สุด และเราอยากเห็นมันเคลื่อนไหว ตรงนั้นคือจุดสำคัญที่สุด เป็นแรงจูงใจ เราชอบรูป ชอบเรื่องรางในยุคสมัยโบราณค่อนข้างมากอยู่แล้ว มันมีความสวยงาม มันเป็น original ที่เป็นไทย สำคัญที่สุดเลย มันมีวัฒนธรรม มีความเป็นพื้นบ้าน
https://siamrath.co.th/n/88660
สมมุติว่าเราชอบภาพถ่ายคนไทยโบราณ 1 รูป แล้วเราสงสัยว่าทำไมในรูปนั้นคนมันไม่มีวิญญาณ มันแข็ง มันนั่งกับเหมือนไม่มีอากาศถ่ายเทในรูปนั้นเลย มันแบน มันแข็ง มันบอกไม่ถูก แต่เรารู้สึกอย่างนั้น รู้สึกได้จากรูปที่เราเห็น เมื่อรู้สึกได้จากรูปที่เห็น เราก็บอหได้ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ก็เพราะเรารู้ว่าความไวแสงของฟิล์มกระจกเมื่อก่อนนี้มันต่ำมากถึงขนาดที่อะไรถ่ายกลางแจ้งก็ต้องมีเหล็กดามคอ ต้องนั่งตรงตัวแข็ง ขยับอะไรไม่ได้เลย 1 นาทีหรือครึ่งนาที มันยิ่งทำให้คนเกร็ง ขาดวิญญาณ เห็นแล้วเรารู้สึกมันน่ากลัว
https://siamrath.co.th/n/88660
ภาพเหล่านั้นมันน่ากลัวในที คือไม่มีอากาศ ไม่มีวิญญาณ กระทั่งภาพถ่ายยุคปลาย ๆ รัชกาลที่ 5 ถึงจะมีแบบ action มาก ๆ บอดี้ยังอ้วน ๆ อยู่ ถือร่ม เปิดนม อะไรก็แล้วแต่ คือเป็นนู้ด แต่ก็ยังแข็ง ๆ บางรูป มีผู้หญิงนั่งเป็นกลุ่ม 4-5 คน เหมือนกับนั่งทานข้าวอยู่ แล้วหันมามองกล้อง ทุกคนน่ากลัวมาก มีความรู้สึกว่าน่ากลัวมาก แต่เราอยากเห็นภาพเหล่านี้เคลื่อนไหว สอดคล้องกับการที่เรารู้ว่าข้อมูลมันไปใกล้ ๆ แถวนี้ เมื่อยิ่งชอบมาก มันยิ่งกระตุ้นความรู้สึกอยากเห็นคนที่ไม่มีอากาศ อยากเห็นคนที่น่ากลัวนั้นเคลื่อนไหว
อันแรกสุดก็ต้องยอมรับว่า ยังอยากเห็นหนังที่เป็นขาวดำ อย่างภาพที่เห็นแรกที่สุดเลยภาพนี้ แล้วขยับตัวคุยกันหรือทำกิจกรรมโดยที่มีภาพนี้เป็นแกน นั่นคือความคิดแรก
ตอนแรกที่เราจะคุยกับใคร ๆ ก็จะให้เราไปหาข้อมูลแบบนี้ คุยกับอาร์ต คุยกับโปรดักชั่นดีไซเนอร์ ก็จะเป็นอย่างนี้ แม้กระทั่งคนเขียนบท แล้วทุกคนก็เห็นภาพตรงกัน อันที่จริงถ้ามันเป็นแค่ย้อนกลับไปเมื่อ 150 ปีที่แล้ว มันไม่จำเป็นต้องเป็นนางนาก เป็นเรื่องอะไรก็ได้ของยุคสมัยนั้นที่ทำให้ภาพขาวดำมีชีวิต มีมุมมอง
แต่ที่มาเป็นนางนากก็เพราะพอดีนางนากมันเป็น project มันเป็นความคิดความอ่านในมุมที่ขัดแย้งกับเวอร์ชั่นทั้งหลายที่เคยเป็นมา คือ จุดหนึ่งผมเคยถกเถียงกันในเรื่องของความรักของคนที่บอกว่า จะมีผู้ชายสักคนไหมที่รักผู้หญิงที่สุดในโลก ซึ่งคำตอบคือไม่มี ไม่มีใครเชื่อว่ามี แต่ในมุมของผู้หญิงมีคนเชื่อว่ามี ผมคิดว่า อันนี้มันเป็นอะไรเล็กน้อย ประกอบกับมันเป็นไปได้ แต่กับเรื่องนางนาก ทุกครั้งที่เราเห็น นายมากก็มีเมียใหม่ แล้วการอาละวาดของนางนากแต่ละครั้งมันเป็นแรงริษยาอาฆาต ตรงนี้มันอาจเป็นพื้นฐานของความรัก แต่ว่าความรักแบบนั้นมันเป็นรักที่รักไม่เป็นเอาเลย
https://siamrath.co.th/n/88660
ในขณะเดียวกันถ้าเรามามองโจทย์ของความรักในแง่อุดมคติ ความรักที่ไม่เป็นในแบบที่ยึดมั่นถือมั่น ไม่เป็นความริษยาอาฆาต สมมุติว่าฉันตาย แล้วฉันรักเธอจริง ๆ ในความคิดของผม ถ้าเธอมีความสุขที่สุด ฉันก็จะปล่อยเธอ เธอจะไปมีเมียใหม่แล้วมีความสุข ฉันก็จะปล่อยเธอ เหมือน Always เหมือนเรื่อง Ghost เรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เราผ่านตา ที่เรารู้จัก ท้ายที่สุดคือการให้ แต่ว่าความยุติธรรมของนางนากในฉบับของเราที่เรามองเห็น ไม่ใช่ความริษยาอาฆาต มันไม่ใช่การไม่ยอมปล่อยให้ผัวไปมีเมียใหม่
https://maniacosporfilme.wordpress.com/2012/12/08/vidas-do-alem-amor-eterno-em-uma-tocante-historia-de-fantasmas/
แต่เรากลับมองว่าความรักที่นางนากให้ผัวเป็นเพราะผัวมีความรักเหล่านี้กลับมาอยู่ตลอดเวลา เขาไม่เชื่อว่าผัวเขาไปไหน เขาเชื่ออยู่ตลอดเวลาว่าผัวก็รักเขา ตัวเขาเองต่างหากที่แยกจากผัวมา แยกจากความรักออกมาด้วยความตายของเขากับลูกของเขา
นั่นเป็นประเด็นที่ผมมองกลับไปทุกครั้ง ๆ ก็ยิ่งน่าสนใจ ยิ่งหลัง ๆ มา ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ยิ่งอยากทำเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเรื่องให้เห็นบ่อย คือเหมือนว่าถ้าเราไม่สนใจ เราก็จะไม่รู้สึกหรอก แต่ถ้าสนใจ เราจะได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับนางนากตลอดเวลา ราวกับว่ายิ่งถูกกระตุ้นเราอยู่ทุกวัน ๆ ให้บอกว่า ทำเถอะเรื่องนี้ ทำเถอะ...
จากหนังสือนางนาก
โปรดติดตามตอนต่อไป.
ด้วยรักเป็นอย่างยิ่งที่สุด.
สวัสดี.
https://maniacosporfilme.wordpress.com/2012/12/08/vidas-do-alem-amor-eterno-em-uma-tocante-historia-de-fantasmas/
นางนาก : ตอนที่ 1 "เหตุผลจริงที่อยากทำเรื่องนางนากก็คือ อยากดูในเวอร์ชั่นที่เป็นความคิดของตัวเอง"
ตอนแรกที่เราจะคุยกับใคร ๆ ก็จะให้เราไปหาข้อมูลแบบนี้ คุยกับอาร์ต คุยกับโปรดักชั่นดีไซเนอร์ ก็จะเป็นอย่างนี้ แม้กระทั่งคนเขียนบท แล้วทุกคนก็เห็นภาพตรงกัน อันที่จริงถ้ามันเป็นแค่ย้อนกลับไปเมื่อ 150 ปีที่แล้ว มันไม่จำเป็นต้องเป็นนางนาก เป็นเรื่องอะไรก็ได้ของยุคสมัยนั้นที่ทำให้ภาพขาวดำมีชีวิต มีมุมมอง
แต่ที่มาเป็นนางนากก็เพราะพอดีนางนากมันเป็น project มันเป็นความคิดความอ่านในมุมที่ขัดแย้งกับเวอร์ชั่นทั้งหลายที่เคยเป็นมา คือ จุดหนึ่งผมเคยถกเถียงกันในเรื่องของความรักของคนที่บอกว่า จะมีผู้ชายสักคนไหมที่รักผู้หญิงที่สุดในโลก ซึ่งคำตอบคือไม่มี ไม่มีใครเชื่อว่ามี แต่ในมุมของผู้หญิงมีคนเชื่อว่ามี ผมคิดว่า อันนี้มันเป็นอะไรเล็กน้อย ประกอบกับมันเป็นไปได้ แต่กับเรื่องนางนาก ทุกครั้งที่เราเห็น นายมากก็มีเมียใหม่ แล้วการอาละวาดของนางนากแต่ละครั้งมันเป็นแรงริษยาอาฆาต ตรงนี้มันอาจเป็นพื้นฐานของความรัก แต่ว่าความรักแบบนั้นมันเป็นรักที่รักไม่เป็นเอาเลย