อินไซด์ที่ประชุมครม.ใจถึงใจ ก่อน'บิ๊กตู่'ลั่นวาจา'วันนี้ผมขออำนาจครม.ประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน '
24 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17:54 น.
24 มี.ค.63- ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในที่ประชุมครม.ซึ่งประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรก เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวช่วงแรกว่า วันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งหมด แต่ใจถึงใจ เพราะครม.ทำงานร่วมกันมานาน
จากนั้นเมื่อถึงช่วงท้ายการประชุม นายกฯได้กล่าวขึ้นว่า “วันนี้ผมก็ขออำนาจ ครม.เพื่อประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพราะขณะนี้สถานการณ์มีความจำเป็น"
ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า เมื่อประกาศใช้ฉุกเฉินแล้วนายกฯจะมีอำนาจมากขึ้นในการประกาศหรือทำอะไร หรือแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ทหารตำรวจ อำนาจอยู่ที่นายกฯ ไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมครม.เพื่อขอมติ และไม่ใช่เป็นการปิดเมือง ปิดจังหวัด ปิดประเทศ เพราะคนไทยยังต้องเดินทางกลับมา โดยที่ประชุมทุกคนเห็นด้วย
นายกฯสอบถามที่ประชุมว่าใครมีอะไรจะพูดหรือไม่ โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า อยากให้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพียง 1 เดือนก่อน แม้อำนาจการประกาศจะมีถึง 3 เดือนก็ตาม
โดยมาตรการเบื้องต้นในการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะพยายามหยุดการเคลื่อนย้ายของผู้คนให้อยู่กับบ้านให้มากที่สุด ทั้งข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชน ควบคู่มาตรการทำงานเหลื่อมเวลา
ส่วนมาตรการเปิด-ปิดสถานที่เสี่ยงยังคงเป็นไปตามประกาศของผู้ว่าฯกทม.และผู้ว่าฯแต่ละจังหวัด และยังคงผ่อนผันให้เปิดตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และสถาบันการเงิน เป็นต้น ขณะที่การเดินทางของประชาชนนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจโดยเฉพาะรอยต่อของแต่ละจังหวัดอย่างเข้มข้น
https://www.thaipost.net/main/detail/60768
ก้าวไกล'ออกแถลงการณ์ห้ามรัฐบาลใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินลิดรอนเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน
24 มี.ค.63- พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์ระบุว่าตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงว่าจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น พรรคก้าวไกลมีความเห็นดังต่อไปนี้
(1) การใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือหนึ่งของรัฐบาลเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า วิกฤตที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่าก่อนหน้านี้กฎหมายปกติอ่อนแอหรือคณะรัฐมนตรีมีอำนาจน้อยเกินไป แต่หัวใจของปัญหาที่นำมาสู่วิกฤตเกิดจากการที่รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การวางแผนอย่างไม่รอบคอบ ขาดการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ขาดการเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างเพียงพอ รวมถึงความล้มเหลวในการเปิดเผยข้อเท็จจริงและการสื่อสารกับประชาชน ซึ่งปัญหาเหล่านี้แก้ไม่ได้ด้วย พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ
(2) พรรคก้าวไกลเห็นว่า รัฐบาลต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ อย่างจำกัดและระมัดระวัง เพื่อมุ่งลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยจำกัดการพบปะกันของผู้คน ควบคุมการเดินทาง และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ-สังคมต่อประชาชนที่ต้องกักตัวเองหรือได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19
(3) พรรคก้าวไกลเห็นว่า รัฐบาลต้องไม่ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชน เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และละเมิดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เนื่องจากข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านมีความสำคัญในช่วงเวลาวิกฤต เพื่อทำให้ประชาชนเท่าทันกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและสามารถที่จะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้
(4) เนื่องจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ให้อำนาจรัฐบาลและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง เช่น อำนาจจับกุม ควบคุมตัว ตรวจค้น ตรวจสอบการสื่อสาร และกำหนดโทษร้ายแรง โดยข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตาม พ.ร.ก. นี้ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยศาลปกครอง และพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก. นี้ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย ดังนั้น รัฐบาลต้องไม่ฉวยโอกาสใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ตามอำเภอใจ แต่ต้องใช้อำนาจอย่างได้สัดส่วนต่อการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 เท่านั้น และต้องให้อำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และสมควรแก่เหตุหรือไม่
เราจะฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร่ายมาเสียยาว สุดท้ายเอาข้อความนี้มาโหนพ.ร.ก.
https://www.thaipost.net/main/detail/60763
รัฐบาลใช้ยาแรงเพื่อจัดการคนดื้อที่ไม่ยอมฟังคำขอร้องดีๆให้หยุดออกนอกบ้าน กลับออกไปสังสรรค์ รวมกลุ่มกันจนติดเชื้อไม่หยุด เดือดร้อนส่วนรวมไปทั่วประเทศ
ทีมแพทย์และประชาชน เรียกร้องให้ใช้ยาแรง จะมี ศอฉ.โควิด เอาไว้ควบคุมสถานการณ์โรคร้ายให้สงบ โควิด19 จะได้จบเสียที
โคหลังหวะรีบออกมาร้องทันทีเลยค่ะ เพราะจะไม่ได้พูดไล่นายกฯได้อีก ไม่ได้พูดอะไรให้รัฐบาลเสียหายได้ตามใจตัวอีกแล้ว
นายกฯมีอำนาจมากขึ้นสามารถแต่งตั้งเลือกคนมาทำงานได้ตามอำนาจและไม่ต้องเข้ามาขอความเห็นชอบจากครม.
นายกฯท่านไม่เคยรังแกประชาชน แต่ท่านเอาจริงกับนกม.ที่พูดไม่สร้างประโยชน์ ชังชาติเท่านั้น
คนดีไม่ต้องเกรงอะไรเลยค่ะ ท่านจะจัดการคนดื้อ ประชาชนที่ไม่ยอมหยุดอยู่บ้าน
จัดการพวกเฟคนิวส์อย่างหนุ่มสเปนที่จิ้งจกเอามาแชร์โพสต์เฟคนิวส์ จัดการนักการเมือง ที่ชอบโหนเฟคนิวส์ทั้งหลายด้วย
คิดว่าในระยะไม่นาน....คนติดเชื้คงลดลงไปอย่างได้ผลค่ะ
🐥🐥🐥🐥มาลาริน/พอประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินจากรัฐบาล โคหลังหวะ ก็ออกมาร้องทันที ฝากขังหนุ่มสเปนที่จิ้งจกแชร์โพสต์เฟคนิวส์
24 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17:54 น.
24 มี.ค.63- ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในที่ประชุมครม.ซึ่งประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรก เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวช่วงแรกว่า วันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งหมด แต่ใจถึงใจ เพราะครม.ทำงานร่วมกันมานาน
จากนั้นเมื่อถึงช่วงท้ายการประชุม นายกฯได้กล่าวขึ้นว่า “วันนี้ผมก็ขออำนาจ ครม.เพื่อประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพราะขณะนี้สถานการณ์มีความจำเป็น"
ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า เมื่อประกาศใช้ฉุกเฉินแล้วนายกฯจะมีอำนาจมากขึ้นในการประกาศหรือทำอะไร หรือแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ทหารตำรวจ อำนาจอยู่ที่นายกฯ ไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมครม.เพื่อขอมติ และไม่ใช่เป็นการปิดเมือง ปิดจังหวัด ปิดประเทศ เพราะคนไทยยังต้องเดินทางกลับมา โดยที่ประชุมทุกคนเห็นด้วย
นายกฯสอบถามที่ประชุมว่าใครมีอะไรจะพูดหรือไม่ โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า อยากให้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพียง 1 เดือนก่อน แม้อำนาจการประกาศจะมีถึง 3 เดือนก็ตาม
โดยมาตรการเบื้องต้นในการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะพยายามหยุดการเคลื่อนย้ายของผู้คนให้อยู่กับบ้านให้มากที่สุด ทั้งข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชน ควบคู่มาตรการทำงานเหลื่อมเวลา
ส่วนมาตรการเปิด-ปิดสถานที่เสี่ยงยังคงเป็นไปตามประกาศของผู้ว่าฯกทม.และผู้ว่าฯแต่ละจังหวัด และยังคงผ่อนผันให้เปิดตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และสถาบันการเงิน เป็นต้น ขณะที่การเดินทางของประชาชนนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจโดยเฉพาะรอยต่อของแต่ละจังหวัดอย่างเข้มข้น
https://www.thaipost.net/main/detail/60768
ก้าวไกล'ออกแถลงการณ์ห้ามรัฐบาลใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินลิดรอนเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน
24 มี.ค.63- พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์ระบุว่าตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงว่าจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น พรรคก้าวไกลมีความเห็นดังต่อไปนี้
(1) การใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือหนึ่งของรัฐบาลเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า วิกฤตที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่าก่อนหน้านี้กฎหมายปกติอ่อนแอหรือคณะรัฐมนตรีมีอำนาจน้อยเกินไป แต่หัวใจของปัญหาที่นำมาสู่วิกฤตเกิดจากการที่รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การวางแผนอย่างไม่รอบคอบ ขาดการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ขาดการเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างเพียงพอ รวมถึงความล้มเหลวในการเปิดเผยข้อเท็จจริงและการสื่อสารกับประชาชน ซึ่งปัญหาเหล่านี้แก้ไม่ได้ด้วย พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ
(2) พรรคก้าวไกลเห็นว่า รัฐบาลต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ อย่างจำกัดและระมัดระวัง เพื่อมุ่งลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยจำกัดการพบปะกันของผู้คน ควบคุมการเดินทาง และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ-สังคมต่อประชาชนที่ต้องกักตัวเองหรือได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19
(3) พรรคก้าวไกลเห็นว่า รัฐบาลต้องไม่ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชน เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และละเมิดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เนื่องจากข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านมีความสำคัญในช่วงเวลาวิกฤต เพื่อทำให้ประชาชนเท่าทันกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและสามารถที่จะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้
(4) เนื่องจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ให้อำนาจรัฐบาลและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง เช่น อำนาจจับกุม ควบคุมตัว ตรวจค้น ตรวจสอบการสื่อสาร และกำหนดโทษร้ายแรง โดยข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตาม พ.ร.ก. นี้ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยศาลปกครอง และพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก. นี้ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย ดังนั้น รัฐบาลต้องไม่ฉวยโอกาสใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ตามอำเภอใจ แต่ต้องใช้อำนาจอย่างได้สัดส่วนต่อการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 เท่านั้น และต้องให้อำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และสมควรแก่เหตุหรือไม่
เราจะฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.thaipost.net/main/detail/60763
รัฐบาลใช้ยาแรงเพื่อจัดการคนดื้อที่ไม่ยอมฟังคำขอร้องดีๆให้หยุดออกนอกบ้าน กลับออกไปสังสรรค์ รวมกลุ่มกันจนติดเชื้อไม่หยุด เดือดร้อนส่วนรวมไปทั่วประเทศ
ทีมแพทย์และประชาชน เรียกร้องให้ใช้ยาแรง จะมี ศอฉ.โควิด เอาไว้ควบคุมสถานการณ์โรคร้ายให้สงบ โควิด19 จะได้จบเสียที
โคหลังหวะรีบออกมาร้องทันทีเลยค่ะ เพราะจะไม่ได้พูดไล่นายกฯได้อีก ไม่ได้พูดอะไรให้รัฐบาลเสียหายได้ตามใจตัวอีกแล้ว
นายกฯมีอำนาจมากขึ้นสามารถแต่งตั้งเลือกคนมาทำงานได้ตามอำนาจและไม่ต้องเข้ามาขอความเห็นชอบจากครม.
นายกฯท่านไม่เคยรังแกประชาชน แต่ท่านเอาจริงกับนกม.ที่พูดไม่สร้างประโยชน์ ชังชาติเท่านั้น
คนดีไม่ต้องเกรงอะไรเลยค่ะ ท่านจะจัดการคนดื้อ ประชาชนที่ไม่ยอมหยุดอยู่บ้าน
จัดการพวกเฟคนิวส์อย่างหนุ่มสเปนที่จิ้งจกเอามาแชร์โพสต์เฟคนิวส์ จัดการนักการเมือง ที่ชอบโหนเฟคนิวส์ทั้งหลายด้วย
คิดว่าในระยะไม่นาน....คนติดเชื้คงลดลงไปอย่างได้ผลค่ะ