พอดีไปเจอกระทู้นึงในเฟส เขียนว่าน่าสนใจ เพื่อนๆมีความเห็นยังไงกันมั้งครับ
การที่เอาเงินประกันการใช้ไฟคืน มีผลกระทบยังไง ?
ต้องเข้าใจก่อนว่า เงินประกันที่กำลังถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางว่าจะได้คืนกันนั้น มันคือเงินที่ไฟฟ้าเรียกเก็บเอาไว้เผื่อหัก หากลูกค้าไม่ชำระค่าไฟ เราก็จะเอาเงินตรงนี้มาหัก เพื่อไม่ให้รัฐขาดทุน
เอาจริงๆถามว่า มันพอไหม ? รู้หรือไม่ มิเตอร์ขนาด 5 แอมป์ ไฟฟ้าเรียกเก็บเงินประกันแค่ 300 บาท (นั่นคือเงินที่คุณจะได้คืน) ไปคิดดูเอาแล้วกันว่า 300 บาท มันพอหักหนี้ที่ลูกค้าไม่จ่ายไหม 😂😂
คือแค่นี้ ก็เข้าเนื้อไปหลายแล้วจ้า บางคนจะเลิกใช้ไฟ ก็เลยไม่จ่ายค่าไฟแม้งซะเลย แล้วเงินตรงนั้นใครรับผิดชอบ ? ก็เงินประกันไงล่ะ จะรองรับได้หมดหรือไม่หมด ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ทีนี้มาว่ากันที่ประเด็นหลัก แล้วเมื่อไม่มีเงินค้ำประกันที่ว่านี้แล้ว ไฟฟ้าจะทำไง แล้วจะมีผลกระทบยังไงกับบ้านคุณ ??
พอไม่มีเงินไว้เผื่อหัก สิ่งที่ผมคิดว่าไฟฟ้าจะ(ต้อง)ทำ คือ การเข้มงวดในกระบวนการงดจ่ายไฟมากขึ้น เพื่ออะไร ? ก็เพื่อให้รัฐขาดทุนน้อยที่สุดยังไงล่ะ เช่น ทุกวันนี้คุณไม่จ่ายค่าไฟ เลยกำหนด 2-3 อาทิตย์ บางทียังไม่โดนตัดเลย เพราะอะไร เพราะคุณมีเงินค้ำประกันมาช่วยไว้ ไฟฟ้าจะประเมินแล้วว่า เงินประกันคุณมันยังพอจ่ายหนี้แทนคุณได้ ก็จะปล่อยให้ใช้ไปก่อนไม่เป็นไร
แต่ต่อไป คุณไม่มีเงินประกันแล้ว ไฟฟ้าไม่สามารถแบกความเสี่ยงได้ ถ้าคุณเลยกำหนดจ่าย สมมติว่ากำหนดคือสิ้นเดือน แต่ไฟฟ้ายังปล่อยให้คุณได้ใช้ไฟต่อไปอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ แล้วคุณชิ่งไปเลยไม่ยอมจ่าย แทนที่ไฟฟ้าจะเสียหายแค่ถึงสิ้นเดือนนั้น กลายเป็นเสียหายต่อมาอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ ซึ่งยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งเสียหายหนักขึ้น คนที่จะโดนตำหนิ คือคนที่ตัดสินใจไม่ตัดไฟคุณ เค้าจะต้องโดนว่า ทำไมไม่ตัดตั้งแต่ตอนนั้น อย่างน้อยไม่เสียหายมากถึงขนาดนี้
ทีนี้ คนที่ดูแลตรงนี้จะทำไง เขาก็จะไม่มีการใจดีอีกต่อไป ใจดีแล้วคนทำเขาจะซวย ถึงเวลาครบกำหนด คุณไม่จ่าย เขาก็ตัดเลย ไม่รอ ไม่มีว่า 2 เดือนจ่ายที เรารับความเสี่ยงแบบนั้นไม่ได้หรอก
ทีนี้ต่อไป ก็เตรียมใช้มาตรฐานเดียวกับบัตรเครดิต หรือสินเชื่อต่างๆ ได้เลย ทีพวกนี้คุณจ่ายกันตรงเวลาได้ เพราะรู้ว่าเลทแม้แต่วันเดียว เขาเอาจริง ต่อไปค่าไฟก็จะเป็นเช่นนั้น แล้วถามว่าไฟฟ้าผิดไหม ไปอ่านสัญญาการใช้ไฟที่คุณเซ็นไว้ตอนขอใช้ไฟครั้งแรกดูครับ แล้วคุณจะรู้ว่า ทุกวันนี้เขาอะลุ่มอล่วยเรื่องการจ่ายเลทมาตั้งนานแล้ว
ปล. ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เกิดจากการคาดเดาของผมเท่านั้นนะครับ กฟภ. ยังมิได้ออกมาตรการใดๆมารองรับกับผลกระทบดังกล่าวนี้ครับ (ช่วงนี้น่าจะยังวุ่นๆเรื่องมาตรการวิธีการคืนอยู่น่ะครับ 😅) และก็คงไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการใดๆเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับมือผลกระทบนี้ด้วย เพราะคงปล่อยการไฟฟ้าแต่ละพื้นที่ไป “บริหารหนี้” ของแต่ละไฟฟ้าให้ออกมาดีที่สุดแค่นั้น (ให้รัฐขาดทุนให้น้อยที่สุดนั่นแหละครับ) ส่วนวิธีการปฏิบัติ คนที่ทำหน้าที่ตรงนี้จะบริหารความเสี่ยงของตัวเองยังไง ไม่ให้โดนเจ้านายดุ ก็คงไม่พ้นสิ่งที่กล่าวไปด้านบนนั่นแหละครับ.... 😬😬
เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไรกับการคืนประกันมิเตอร์ สมควร หรือไม่สมควรยังไงครับ
การที่เอาเงินประกันการใช้ไฟคืน มีผลกระทบยังไง ?
ต้องเข้าใจก่อนว่า เงินประกันที่กำลังถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางว่าจะได้คืนกันนั้น มันคือเงินที่ไฟฟ้าเรียกเก็บเอาไว้เผื่อหัก หากลูกค้าไม่ชำระค่าไฟ เราก็จะเอาเงินตรงนี้มาหัก เพื่อไม่ให้รัฐขาดทุน
เอาจริงๆถามว่า มันพอไหม ? รู้หรือไม่ มิเตอร์ขนาด 5 แอมป์ ไฟฟ้าเรียกเก็บเงินประกันแค่ 300 บาท (นั่นคือเงินที่คุณจะได้คืน) ไปคิดดูเอาแล้วกันว่า 300 บาท มันพอหักหนี้ที่ลูกค้าไม่จ่ายไหม 😂😂
คือแค่นี้ ก็เข้าเนื้อไปหลายแล้วจ้า บางคนจะเลิกใช้ไฟ ก็เลยไม่จ่ายค่าไฟแม้งซะเลย แล้วเงินตรงนั้นใครรับผิดชอบ ? ก็เงินประกันไงล่ะ จะรองรับได้หมดหรือไม่หมด ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ทีนี้มาว่ากันที่ประเด็นหลัก แล้วเมื่อไม่มีเงินค้ำประกันที่ว่านี้แล้ว ไฟฟ้าจะทำไง แล้วจะมีผลกระทบยังไงกับบ้านคุณ ??
พอไม่มีเงินไว้เผื่อหัก สิ่งที่ผมคิดว่าไฟฟ้าจะ(ต้อง)ทำ คือ การเข้มงวดในกระบวนการงดจ่ายไฟมากขึ้น เพื่ออะไร ? ก็เพื่อให้รัฐขาดทุนน้อยที่สุดยังไงล่ะ เช่น ทุกวันนี้คุณไม่จ่ายค่าไฟ เลยกำหนด 2-3 อาทิตย์ บางทียังไม่โดนตัดเลย เพราะอะไร เพราะคุณมีเงินค้ำประกันมาช่วยไว้ ไฟฟ้าจะประเมินแล้วว่า เงินประกันคุณมันยังพอจ่ายหนี้แทนคุณได้ ก็จะปล่อยให้ใช้ไปก่อนไม่เป็นไร
แต่ต่อไป คุณไม่มีเงินประกันแล้ว ไฟฟ้าไม่สามารถแบกความเสี่ยงได้ ถ้าคุณเลยกำหนดจ่าย สมมติว่ากำหนดคือสิ้นเดือน แต่ไฟฟ้ายังปล่อยให้คุณได้ใช้ไฟต่อไปอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ แล้วคุณชิ่งไปเลยไม่ยอมจ่าย แทนที่ไฟฟ้าจะเสียหายแค่ถึงสิ้นเดือนนั้น กลายเป็นเสียหายต่อมาอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ ซึ่งยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งเสียหายหนักขึ้น คนที่จะโดนตำหนิ คือคนที่ตัดสินใจไม่ตัดไฟคุณ เค้าจะต้องโดนว่า ทำไมไม่ตัดตั้งแต่ตอนนั้น อย่างน้อยไม่เสียหายมากถึงขนาดนี้
ทีนี้ คนที่ดูแลตรงนี้จะทำไง เขาก็จะไม่มีการใจดีอีกต่อไป ใจดีแล้วคนทำเขาจะซวย ถึงเวลาครบกำหนด คุณไม่จ่าย เขาก็ตัดเลย ไม่รอ ไม่มีว่า 2 เดือนจ่ายที เรารับความเสี่ยงแบบนั้นไม่ได้หรอก
ทีนี้ต่อไป ก็เตรียมใช้มาตรฐานเดียวกับบัตรเครดิต หรือสินเชื่อต่างๆ ได้เลย ทีพวกนี้คุณจ่ายกันตรงเวลาได้ เพราะรู้ว่าเลทแม้แต่วันเดียว เขาเอาจริง ต่อไปค่าไฟก็จะเป็นเช่นนั้น แล้วถามว่าไฟฟ้าผิดไหม ไปอ่านสัญญาการใช้ไฟที่คุณเซ็นไว้ตอนขอใช้ไฟครั้งแรกดูครับ แล้วคุณจะรู้ว่า ทุกวันนี้เขาอะลุ่มอล่วยเรื่องการจ่ายเลทมาตั้งนานแล้ว
ปล. ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เกิดจากการคาดเดาของผมเท่านั้นนะครับ กฟภ. ยังมิได้ออกมาตรการใดๆมารองรับกับผลกระทบดังกล่าวนี้ครับ (ช่วงนี้น่าจะยังวุ่นๆเรื่องมาตรการวิธีการคืนอยู่น่ะครับ 😅) และก็คงไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการใดๆเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับมือผลกระทบนี้ด้วย เพราะคงปล่อยการไฟฟ้าแต่ละพื้นที่ไป “บริหารหนี้” ของแต่ละไฟฟ้าให้ออกมาดีที่สุดแค่นั้น (ให้รัฐขาดทุนให้น้อยที่สุดนั่นแหละครับ) ส่วนวิธีการปฏิบัติ คนที่ทำหน้าที่ตรงนี้จะบริหารความเสี่ยงของตัวเองยังไง ไม่ให้โดนเจ้านายดุ ก็คงไม่พ้นสิ่งที่กล่าวไปด้านบนนั่นแหละครับ.... 😬😬