ปลาไวเปอร์ เขี้ยวดาบ
เป็นปลาทะเลที่มีความแปลก มีความน่ากลัว และเป็นปลาทะเลที่ทุกๆคนนั้นอาจจะไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อของมัน เนื่องจากว่าปลาทะเลที่มีความแปลกประหลาดและน่ากลัวนั้น จะไม่ค่อยได้พบเจอกับประเทศไทยของเราเท่าไหร่ เพราะว่าในส่วนใหญ่แล้วนั้นปลาทะเลแหล่านี้จะอยู่ที่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
ปลาทะเลที่น่ากลัวนี้มีชื่อว่า ปลาไวเปอร์เขี้ยวดาบ ด้วยลำตัวที่เล็กและมีลักษณะเหมือนงู มันจึงได้ชื่อ Viper ไวเปอร์ เพราะความคล้ายคลึงรูปร่าง หากมองแบบไม่สังเกตุเราก็นึกว่าเจ้าปลาตัวนี้คืองู ส่วน เขี้ยวดาบ มาจากฟันของมันนั่นเอง ด้วยขากรรไกลที่กว้างและมีฟันที่ยาวและแหลมคม มันคล้ายกับเคี้ยวและคมเหมือนดาบ เมื่อมันออกล่าเหยื่อ มันโจมตีด้วยเคี้ยวที่แหลมคม ด้วยความรุนแรง น้อยนักที่เหยื่อจะรอดจากการกัดของเจ้าปลาตัวนี้
ปลาไวเปอร์จะเป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับเข็มยาวๆ ในส่วนของขากรรไกรในส่วนล่างนั้นก็จะมีการเปิด และปิดเหมือนกับบานพับ ปลาไวเปอร์เขี้ยวดาบ เป็นสัตว์ทะเลน้ำลึกอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกมากกว่า 1,000 เมตร มักอยู่ในน่านน้ำที่อุ่นๆ ในเขตร้อน และถือได้ว่าที่เหล่านั้นจะเป็นที่ล่าเหยื่อของมัน ซึ่งมันก็จะทำการฝังเขี้ยวลงไปในร่างกายของเหยื่อ เพื่อที่จะทำให้เหยื่อนั้นหยุดการเคลื่อนไหว และทำให้มันจับกินได้ง่ายขึ้น
อ้างอิง :
ปลาอีรี
ปลาอีรี สัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึก เป็นปลาที่อยู่ในยุคดึกดําบรรพ์ที่ยังไม่สูญพันธุ์ พวกมันอาศัยอยู่ในใต้ทะเลลึกมานานกว่าหลายล้านปี ปลาชนิดนี้เราจะไม่ได้พบเห็นมันตอนมีชีวิต แต่เราจะเห็นมันตอนตาย เพราะต้องดำลึกลงไปมากกว่า 1,000 เมตร ในมหาสมุทร ปลาอีรี มีลักษณะที่น่ากลัว ปากของมันมีฟันที่แหลมคมเหมือนกับมีเข็มจำนวนมากอยู่ในปากของมัน
เจ้าปลาที่มีฟันแหลมคมเต็มปากนี้ได้กลายมาเป็นปีศาจแห่งฝันร้ายตัวใหม่สำหรับเด็กๆหลังจากที่ภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง”Finding Nemo” เข้าฉาย (ตอนที่พ่อนีโมกับดอรี่ร่วงไปในทะเลลึกพร้อมกับหน้ากาดำน้ำและก็เจอแสงไฟจากเจ้านี้หลอกเอา) เจ้าปลาหน้ากลัวนี้ล่อเหยื่อให้เข้ามาใกล้โดยใช้แสงจาก “คันเบ็ด” ที่งอกออกมาจากหัว เหยื่อล่อของปลาที่จริงแล้วก็คือส่วนหนึ่งของกระดูกสันหลังที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียเรืองแสง
Sarcastic Fringeheads
ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Neoclinus blanchardi เป็นปลาที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งแปซิฟิกของอเมริกาเหนือ ปลานี้รักสงบมาก แต่เมื่อมันถูกรบกวนหรือกำลังจะถูกตามล่า มันจะเปิดปากของมันที่ใหญ่ให้กว้างออก โดยใช้ฟันโจมตี ซึ่งเป็นวิธีเตือนผู้บุกรุกจากการถูกคุกคาม Sarcastic Fringeheads ไม่เป็นภัยต่อมนุษย์ยกเว้นถูกคุกคามก่อน
Sarcastic fringe มีหัวขนาดใหญ่พร้อมกลมมนและริมฝีปากที่โดดเด่น ขากรรไกรขนาดใหญ่ยื่นออกมาไกลเกินกว่าดวงตาและตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ ปลาเหล่านี้มีฟันหยักรูปเข็มและมีขนรอบดวงตา สีของพวกมันมักจะเป็นสีน้ำตาลหรือสีเทามีจุดสีแดงและสีเขียว ตัวมีความยาวประมาณ 10 นิ้วและมีความก้าวร้าวอย่างมากกับทุกสิ่งที่เข้ามาใกล้โพรงที่อยู่
ปลาเหล่านี้พบได้ในมหาสมุทรแปซิฟิกนอกชายฝั่งอเมริกาเหนือซานฟรานซิสโกแคลิฟอร์เนียกับบาจาแคลิฟอร์เนียตอนกลาง ที่ระดับความลึก 3 - 73 เมตร (10 - 240 ฟุต) พวกมันอาศัยอยู่ในที่กำบังต่างๆเช่น เปลือกหอยที่ว่างเปล่าหรือในดินหรือหินที่เป็นเนิน
ปลาแองเกลอร์ (Angler fish)
ปลาแองเกลอร์ เป็นปลาที่มีมากกว่า 200 ชนิด อาศัยอยู่ในน้ำลึกมากกว่า 200 เมตร ส่วนใหญ่พบในบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก และแอนตาร์กติก ปลาชนิดนี้มีลักษณะหัวใหญ่ ฟันคม ลำตัวมีสีเทาเข้มจนถึงน้ำตาลเข้ม มีเพียงปลาเพศเมียเท่านั้น ที่มีลักษณะหน้าตาน่ากลัวเช่นนี้ จุดเด่นของปลาเพศเมียอีกส่วนหนึ่งคือบริเวณส่วนหัวเหนือปากจะมีชิ้นส่วนของกระดูกสันหลังยื่นออกมาเหมือนเบ็ดตกปลา เรียกส่วนนี้ว่าเอสคา (esca)
นอกจากนี้ปลายเบ็ดสามารถเรืองแสงได้ด้วยแบคทีเรียที่ชื่อว่า วิบริโอฟิสเชอรี (Vibrio fischeri) ใช้ในการล่อเหยื่อให้มาติดกับดัก เมื่อเหยื่อว่ายน้ำมาใกล้ ๆ ก็จะกินเหยื่อเป็นอาหารทันทีซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Angler ซึ่งหมายถึงคนตกปลา กระดูกของปลาแองเกลอร์มีความยืดหยุ่นสูง จึงสามารถขยายขนาดของกรามและกระเพาะอาหารได้ ปลาแองเกลอร์จึงสามารถกินอาหารที่ใหญ่กว่าตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีฟันหน้าที่แทงกลับหลังเข้าไปภายในปาก และยังมีฟันอีกชุดหนึ่งอยู่ในลำคอ เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อ (ที่หายาก) หลบหนีไปได้ ปลาแองเกลอร์เพศผู้ จะมีขนาดเล็กมาก มีดวงตาที่โต และโพรงจมูกที่ไวต่อกลิ่นมาก ทำให้ได้กลิ่นของเพศเมียได้ง่าย
เมื่อปลาแองเกลอร์เพศผู้พร้อมผสมพันธุ์จะใช้ฟันเกาะติดเพศเมีย แล้วผสานเข้ากับร่างกายของเพศเมีย โดยจะสลายดวงตาและอวัยวะภายในจนเหลือแต่อวัยวะสืบพันธุ์ และหลอดเลือดทุกอย่างในตัวจะผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเพศเมีย และเมื่อเพศเมียวางไข่ เพศผู้ก็จะฉีดน้ำเชื้อเข้าไปผสมทันที
สำหรับปลาแองเกลอร์ บางชนิดหากเพศผู้หาเพศเมียไม่พบ ปลาจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเพศเมียแทน และเริ่มขยายขนาดร่างกายให้ใหญ่ขึ้นจะเห็นได้ว่า ปลาแอลงเกลอร์นี้มีทั้งหน้าตาและลักษณะที่แปลกประหลาด แต่ในขณะเดียวกันก็มีความมหัศจรรย์ที่น่าสนใจซ่อนอยู่
ที่มา
http://oknation.nationtv.tv/blog/olympus27/2014/05/21/entry-1
http://chppfy.blogspot.com/2016/05/anglerfish.html#!/2016/05/anglerfish.html
http://animals.nationalgeographic.com/animals/fish/anglerfish/Cr.http://www.nsm.or.th/other-service/1757-online-science/knowledge-inventory/sci-article/science-article-nsm/2740-angler-fish-fire-death.html / โดย นางสาวยุวดี ปานคง
ปลาปิรันยา (Piranha)
ปิรันย่า นั้นเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก แต่ในประเทศ Venezuela เรียกชื่อพวกมันว่า ‘Caribe’ (คาริบบ์) ปลานี้ไม่ได้กินแค่เนื้อเป็นอาหารเท่านั้น เพราะมันก็สามารถกินพืชเช่นสาหร่ายเป็นอาหารได้ด้วย
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับปลาปิรันย่าที่มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ และก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ลำตัวของเหล่าปิรันย่าทั้งหลายไม่ได้มีแค่ตัวที่เป็นสีน้ำตาลด้านๆ เท่านั้น แต่มันยังมีอีกหลายสีด้วยกัน เช่นสีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีเทา หรือบางครั้งก็มีสีแดงด้วย
ปิรันย่าเป็นปลาที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยจะมีความยาวอยู่ที่ 15-25 เซนติเมตร แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดีเพราะฟันที่แหลมคมและนิสัยที่ดุร้ายของพวกมัน ปิรันย่าเป็นปลาที่มีฟันยาวและแหลมคม แต่คุณควรจะรู้ไว้ว่าฟันของพวกมันนั้นจะงอกขั้นมาใหม่ได้ทุกครั้งที่หักออกไปไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่ามันจะตาย
ลักษณะทั่วไปของปลาปิรันย่า ลำตัวจะแบนข้าง ท้องกว้าง คล้ายปลาโคกของไทย แต่ละชนิดจะมีจุดสีตามลำตัวแตกต่างกันออกไป เกล็ดบริเวณสันท้องจะเป็นหนามคล้ายฟันเลื่อยจำนวน 24-31 อัน มีอาวุธสำคัญ คือ "ฟัน" ที่มีแถวเดียวเป็นรูปสามเหลี่ยมและแหลมคมมาก สามารถกัดเนื้อให้ขาดได้อย่างง่ายดาย ริมฝีปากล่างยื่นออกมายาวมากกว่าริมฝีปากบน แต่เมื่อหุบปากจะปิดสนิทระหว่างกันพอดี
ขนาดใหญ่ผิดปกติของกล้ามเนื้อขากรรไกรปลาปิรันย่า (Serrasalmus rhombeus) ทำให้พวกมันมีแรงกัด 30 ครั้งที่ใหญ่กว่าน้ำหนักตัว สัตว์อื่น ๆ เช่นฉลามขาวจระเข้หรือไฮยีน่ามีฟันใช้กัดที่แข็งแรง แต่ไม่สาหัสเท่ากับการกัดของปิรันย่า นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอำนาจของวัดปิรันย่ากัดคนที่มีน้ำหนักตัวได้ถึง 320 นิวตัน (N) ซึ่งมากกว่าแรงกัดของจระเข้อเมริกัน เพราะปลาปีรันย่ามีขากรรไกรขนาดใหญ่มาก
ที่มา : lolwot
ปลาเสือโกไลแอต (Goliath Tigerfish)
ปลาไทเกอร์โกไลแอต (Hydrocynus goliath) ถูกพบในแม่น้ำคองโก ไทเกอร์โกไลแอตขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยถูกบันทึกไว้ มีขนาดยางถึง 5ฟุต หนักกว่า 154 ปอนด์
ปลาเสือโกไลแอตมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hydrocynus goliath มันยังถูกเรียกอีกชื่อว่า “ปลาเสือยักษ์” หรือ “เบงกา” อีกด้วย ปลาเสือโกไลแอตเป็นปลาทวีปเเอฟริกันขนาดใหญ่เเละเป็นญาติกับปลาปิรันย่า มันอาศัยอยู่ในเเม่น้ำคองโก, เเม่น้ำลัวลาบา, ทะเลสาบยูเพ็มบาเเละทะเลสาบเเทงกานิกา ปลาเสือโกไลแอตเป็นปลานักล่าที่มีฟันขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถยาวได้ถึง 1.5เมตรเเละหนัก 50กก.
ปลาเสือโกไลแอตนั้นชอบอยู่ในน่านน้ำที่ไหลเชี่ยวซึ่งปลาทุกตัวในนั้นต้องเเข็งเเรงพอที่จะต่อต้านกระเเสน้ำทรงพลังได้ มันมีสายตาที่ดีเเละความสามารถตรวจจับการสั่นสะเทือนเล็กๆที่เหยื่อปล่อยออกมา
นอกจากนี้ มันยังมีฟันเเหลมคมทรง 3เหลี่ยมที่ปิดทับกันได้ลงล๊อกอีกด้วย ปลาเสือโกไลแอตเป็นปลาสันโดษซึ่งมันจะว่ายน้ำวนรอบเหยื่อก่อนที่จะเข้าจู่โจมด้วยความดุร้ายเหมือนปลาปิรันย่า ซึ่งได้มีคนเคยพบเห็นว่ามันเคยทำร้ายปลาดุกที่หนักถึง 27กก. เเละตัดมันออกเป็น 2ส่วนมาเเล้ว ปลาเสือโกไลแอตนั้นมีอายุขัยที่ไม่เเน่นอนในธรรมชาติ เเต่ในที่กักขัง มันสามารถอยู่ได้นานถึง 10-15ปี
โกไลแอตมีลักษณะเด่นคือ มีส่วนหัวที่ขนาดใหญ่ และมีขากรรไกรที่ยาวมากกว่าไทเกอร์ฟิชชนิดอื่นๆอย่างชัดเจน จะออกล่าและอยู่รวมกันเป็นฝูง โดยจะล่าโจมตีเหยื่อด้วยความเร็วสูงมากๆ เมื่องับเหยื่อได้แล้วส่วนใหญ่จะไม่รอด เพราะบาดแผลฉกรรจ์ซึ่งได้รับจากคมเขี้ยวขนาดใหญ่ และแรงงับที่ทรงพลัง บางครั้งถ้ารวมฝูงใหญ่อาจโจมตีปลาขนาดใหญ่พอๆกับตัวมันเองได้
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
ปลาที่มีฟันสยองเหมือนปีศาจ
นอกจากนี้ปลายเบ็ดสามารถเรืองแสงได้ด้วยแบคทีเรียที่ชื่อว่า วิบริโอฟิสเชอรี (Vibrio fischeri) ใช้ในการล่อเหยื่อให้มาติดกับดัก เมื่อเหยื่อว่ายน้ำมาใกล้ ๆ ก็จะกินเหยื่อเป็นอาหารทันทีซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Angler ซึ่งหมายถึงคนตกปลา กระดูกของปลาแองเกลอร์มีความยืดหยุ่นสูง จึงสามารถขยายขนาดของกรามและกระเพาะอาหารได้ ปลาแองเกลอร์จึงสามารถกินอาหารที่ใหญ่กว่าตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีฟันหน้าที่แทงกลับหลังเข้าไปภายในปาก และยังมีฟันอีกชุดหนึ่งอยู่ในลำคอ เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อ (ที่หายาก) หลบหนีไปได้ ปลาแองเกลอร์เพศผู้ จะมีขนาดเล็กมาก มีดวงตาที่โต และโพรงจมูกที่ไวต่อกลิ่นมาก ทำให้ได้กลิ่นของเพศเมียได้ง่าย
เมื่อปลาแองเกลอร์เพศผู้พร้อมผสมพันธุ์จะใช้ฟันเกาะติดเพศเมีย แล้วผสานเข้ากับร่างกายของเพศเมีย โดยจะสลายดวงตาและอวัยวะภายในจนเหลือแต่อวัยวะสืบพันธุ์ และหลอดเลือดทุกอย่างในตัวจะผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเพศเมีย และเมื่อเพศเมียวางไข่ เพศผู้ก็จะฉีดน้ำเชื้อเข้าไปผสมทันที
สำหรับปลาแองเกลอร์ บางชนิดหากเพศผู้หาเพศเมียไม่พบ ปลาจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเพศเมียแทน และเริ่มขยายขนาดร่างกายให้ใหญ่ขึ้นจะเห็นได้ว่า ปลาแอลงเกลอร์นี้มีทั้งหน้าตาและลักษณะที่แปลกประหลาด แต่ในขณะเดียวกันก็มีความมหัศจรรย์ที่น่าสนใจซ่อนอยู่
ที่มา
http://oknation.nationtv.tv/blog/olympus27/2014/05/21/entry-1
http://chppfy.blogspot.com/2016/05/anglerfish.html#!/2016/05/anglerfish.html
http://animals.nationalgeographic.com/animals/fish/anglerfish/Cr.http://www.nsm.or.th/other-service/1757-online-science/knowledge-inventory/sci-article/science-article-nsm/2740-angler-fish-fire-death.html / โดย นางสาวยุวดี ปานคง
ลักษณะทั่วไปของปลาปิรันย่า ลำตัวจะแบนข้าง ท้องกว้าง คล้ายปลาโคกของไทย แต่ละชนิดจะมีจุดสีตามลำตัวแตกต่างกันออกไป เกล็ดบริเวณสันท้องจะเป็นหนามคล้ายฟันเลื่อยจำนวน 24-31 อัน มีอาวุธสำคัญ คือ "ฟัน" ที่มีแถวเดียวเป็นรูปสามเหลี่ยมและแหลมคมมาก สามารถกัดเนื้อให้ขาดได้อย่างง่ายดาย ริมฝีปากล่างยื่นออกมายาวมากกว่าริมฝีปากบน แต่เมื่อหุบปากจะปิดสนิทระหว่างกันพอดี
ขนาดใหญ่ผิดปกติของกล้ามเนื้อขากรรไกรปลาปิรันย่า (Serrasalmus rhombeus) ทำให้พวกมันมีแรงกัด 30 ครั้งที่ใหญ่กว่าน้ำหนักตัว สัตว์อื่น ๆ เช่นฉลามขาวจระเข้หรือไฮยีน่ามีฟันใช้กัดที่แข็งแรง แต่ไม่สาหัสเท่ากับการกัดของปิรันย่า นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอำนาจของวัดปิรันย่ากัดคนที่มีน้ำหนักตัวได้ถึง 320 นิวตัน (N) ซึ่งมากกว่าแรงกัดของจระเข้อเมริกัน เพราะปลาปีรันย่ามีขากรรไกรขนาดใหญ่มาก
ที่มา : lolwot