*อัพเดท ล่าสุด 23 มีนาคม ตะกี้นายกประกาศแล้วว่า อังกฤษจะ Lock Down สั่งให้ทุกคนอยู่บ้าน และประชาชนไม่อนุญาตให้ออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น สามารถออกได้เฉพาะซื้อของใช้จำเป็น ไปร้านยา ซื้ออาหาร เท่านั้น ตำรวจมีสิทธิ์เข้าไปตักเตือนและจับได้กรณีที่ไม่ทำตามคำสั่งนี้ค่ะ
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ
สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลที่อังกฤษ สั่งให้ปิดร้านอาหาร ผับ ห้างสรรพสินค้าหมดแล้ว คนที่นี่เริ่มตระเตรียมตัวซื้อของเพื่อจะได้ไม่ต้องออกนอกบ้าน
ต้องบอกก่อนว่า ปกติเราก็สามารถสั่ง Delivery จาก ซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ๆได้ตามปกติ ไม่ว่าจะSainsbury's, Tesco, Waitrose ต่างๆ
เรากับสามี aware เรื่องการแพร่ระบาดของไวรัส และตระหนักถึงการเตรียมเสบียงตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์แล้ว พวกเราตัดสินใจออกนอกบ้านครั้งสุดท้ายเพื่อไปเลือกซื้อของสดด้วยกัน เมื่อวันที่ 9มีนาคม และตั้งแต่นั้น เราตัดสินใจทำ Social Distancing หลีกเลี่ยงการออกไปในที่ชุมชนและพบปะผู้คน เรียกได้ว่าแทบจะอยู่แต่ในบ้าน24 ชม มาครบ 14 วันแล้ว(มีออกไปสวนสาธารณะข้างๆบ้านบ้างเพราะอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวไม่ไหวจริงๆค่ะ)
ต้องบอกก่อนว่า สิ่งที่พวกเราซื้อ ไม่ได้ซื้อเยอะเว่อวังเผื่อเป็นปีๆ และพวกเราเน้น 'ซื้ออาหารที่หลากหลาย source มากกว่าปริมาณของแต่ละ source ค่ะ' เราซื้อในแบบที่เราคิดว่าจะอยู่ได้สัก2-3เดือน (Hopefully สถานการณ์จะดีขึ้นใน 3 เดือนนี้) เพื่อหลีกเลี่ยงการออกไปในที่ชุมชน เราคิดว่านี่ก็เป็นอีกสิ่งที่เป็นความรับผิดชอบที่พวกเราสามารถทำได้ เพื่อไม่ออกไปเจอความเสี่ยงในการรับ หรือ แพร่เชื้อนี้อย่างไม่ตั้งใจให้คนอื่นๆในสังคมค่ะ ถ้า 3 เดือนอาหารหมดและสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ก็คงจะสั่ง Delivery รัวๆค่ะ
วันนี้เราเลยอยากมารีวิว(เล็กๆ) ว่าพวกเราเตรียมเสบียงอะไรไว้บ้าง เผื่อลิสที่ซื้อจะเป็นประโยชน์ให้คนไทยที่อยู่ตปท หรือคนไทยคนไหนอยากลองเอาไปapplyใช้กันได้ค่ะ
สิ่งที่เราสองคนเตรียมไว้คือ
1.มีfreezer (ที่แช่อาหารแช่แข็ง) ค่ะ โชคดีที่ที่บ้านปกติตุนของในfreezerกันอยู่แล้วถ้าเป็นไปได้ อยากแนะนำให้ซื้อ freezer มาไว้อีกซักเครื่องนึงนะคะเป็นทางเลือกนะคะ เผื่อไว้เก็บ/ถนอมอาหารไว้ได้มากขึ้นค่ะ
2.หาของกินที่เป็น Calorie dense foods คือ ให้พลังงานเยอะแต่ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อยค่ะ
3.ซื้อถุงล็อคอาหารค่ะ อาหารที่เราทานไม่ทัน หรือ อาหารที่เราตั้งใจจะถนอมไว้โดยการฟรีซ เราทำการเก็บใส่ถุงล็อคอาหารแล้วฟรีซค่ะ จะกินเมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาdefrost ก่อนทำอาหารค่ะ
4.ซื้อของที่เป็นอาหารที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน พวกfrozen foods canned fruits, dried fruits, long-life milk เก็บไว้สำรอง พวกเราจะบริโภคอาหารสดให้หมดก่อนแล้วค่อยมาใช้ของพวกนี้ทีหลังนะคะ
.
.
.
อาหาร
1.ของแห้งต่างๆนะคะ ข้าว 10 โล 1 กระสอบ + พาสต้า สปาเกตตี้ ต่างๆ อย่างละ 3
+ หมี่ก๋วยเตี๋ยว+วุ้นเส้น อย่างละ ห่อ+ มาม่า 12 ห่อ ทูน่า3 ซาดีน 3 กระป๋องของแห้งที่เราชอบต่างๆมีเก็บไว้อุ่นใจค่ะ
2.ซอสต่างๆค่ะ แกงเขียวหวาน แกงแดง คาโบนาร่า ซอสไทยฝรั่งที่ทำสำเร็จแล้ว จัดมาค่ะ! เราเน้นอย่างละ 2 กระป่องค่ะ(รวมทั้งซื้อกะทิเผื่อไว้ด้วยค่ะ 2 กระป๋อง เพิ่งใช้หมดไปวันนี้เลยค่ะ TT)
-ซอสนี่หลายๆที่ยังหาได้ค่ะ
-คนไทยก็มีพวกน้ำพริกแห้งเนาะ ซื้อเก็บไว้โลดค่ะ
3.ชีส อันนี้คือ Calories Dense สามีอิชั้นซื้อมาตุนค่ะ โดยเฉพาะ Halloumi cheese 20 ก้อนไปเลยจ้าาาา( it can be any type of cheese naka)อันนี้เป็นสิ่งเดียวที่รู้สึกใช้คำว่า ตุน อย่างแท้จริง ไม่ใช่อะไรเลย เพราะชอบกินค่ะ ฮ่าๆ ปกติซื้อที 10 ก้อน มันเป็นก้อนเล็กๆเท่ากำปั้นนึงนะคะให้พลังงานเยอะใช้พื้นที่เก็บน้อยค่ะ
4.ถั่วค่ะ Calories dense ให้พลังงานสูง ใช้พื้นที่เก็บน้อยเช่นกัน จะถั่วลิสง ถั่วอะไรก็ได้ ซื้อมาค่ะ ที่บ้านชอบกินเม็ดมะม่วงหินมพาน เลยซื้อมาจากLidl ค่ะ ห่อละ £0.35 ใครกำลังหาอยู่ก็ไปดูที่ Lidlได้
5.Lentils อันนี้ที่บ้านชอบกินค่ะ คล้ายๆถั่วเหลืองของไทย ให้พลังงานเยอะ โปรตีนสูง เอามาต้ม เติมเกลือ ปรุงด้วยรสดีสักหน่อย กินเป็นซุปถั่วแล้วอิ่มมากค่ะ 4 ห่อ
6.ไข่ไก่ ซื้อมา 75 ฟอง 555 ตอนนี้ทยอยกินค่ะ และสามีจะจัดการปรุงสุกแล้วเอาใส่ฟรีซจ้า
7.ซื้ออาหารสดไม่ว่าจะเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้สด หลายๆอย่างอยู่ได้แค่2-3อาทิตย์ อันไหนที่กินทันก็จะกินค่ะ อันไหนกินไม่ทัน พวกเราจะทำการเก็บใส่ฟรีซ เรียบร้อยค่ะ
8.อาหารแช่แข็งต่างๆ ซื้อไว้ตามใจชอบเลยค่ะ ข้าวโพด beans chips ice อะไรก็ว่าไปค่ะ
9.อย่าลืมพวกซอสผัดต่างๆ เนย น้ำมัน ketchup เมโย seasoning ต่างๆด้วยเนาะ เผื่อหมด! เราซื้อมาอย่างละ 1 เผื่อค่ะ
10.น้ำเปล่า ตอนนี้เค้าลิมิต ในการซื้อ โชคดีได้ซื้อไว้2รอบ น่าจะพอ สามเดือนนี้ค่ะ (ส่วนใหญ่ก็ยังคงกินจากก๊อก)
11.ยาสามัญต่างๆค่ะ อันนี้ลิมิตเช่นกันค่ะ ซื้อไว้แค่2กล่อง เผื่อไว้และมีวิตามินรวม วิตามินดี อย่างละขวด แต่ยังไงเราเชื่อว่า คนไทยที่อยู่ที่นี่น่าจะมียาสามัญจากไทยตุนไว้อยู่แล้วค่ะ
12.Peanut butter / Jams ต่างๆค่ะ ซื้อกระปุกใหญ่แบบกระปุกละ 1 กิโลมาเลยค่ะ เอาไว้กินกับแครกเกอร์และtoast เรามี 3 กระปุก ซื้อมาตั้งแต่ปลายปีทีแล้วค่ะ (ลดราคา)
13.ขนม ช็อคโกแลต snacks ต่างๆกรุบกริบ ให้พอหายอยากค่ะ
14.Soda ต่างๆ เผื่อไว้กินเวลากระหายน้ำตาลค่า5555
.
.
.
Personal hygiene
อันนี้ก็อย่างที่ทุกคนรู้ สบู่ ทั้งทาตัวหรือจะ hand soap แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟันต่างๆ ของใช้ส่วนตัวมีตุนไว้สักหน่อยนะคะ (จริงๆเราว่าของไม่น่าจะขาดตลาดแหละ แต่เพราะเราไม่อยากออกไปsuper market หรือออกไปข้างนอกอีกแล้ว เราเลยซื้อเตรียมไว้ก่อนค่ะ) โชคดี ยาสีฟันแปรงสีฟันเอามาจากไทยเยอะอยู่ เราเลยตัดสินใจแบ่งไปให้พี่ที่สนิทที่อยู่ที่นี่ค่ะ
*toilet papers ตอนนี้ของขาดตลาดไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนนะคะ ด้วยความกลัวไม่มี เราสองคนไปซื้อไว้2ห่อใหญ่ที่ Saver ช่วงกุมภา โชคดีมาก เพราะตอนนี้หมด ไม่มีเหลือเลยค่ะ
ตอนพวกเราไปซื้อ พวกเราคิดไว้ตอนนั้นแล้วว่า Toilet paper จะขาดตลาดแน่ๆ แต่ก็ตัดสินใจซื้อมา แค่ 2 แพค เพราะคิดว่าซื้อเท่าที่จำเป็นสำหรับพวกเราก็พอค่ะ
Cleaning stuff
*wipes ได้มาแค่1ห่อ(100wipes) เพราะของหมดค่ะ ตอนไปซื้อเหลือ3 ห่อใหญ่ คนก่อนหน้าเอาไป2 เค้ายังหันมามองและเผื่อไว้ให้ 1 แพค (น้ำตาจะไหล😂 ขอบคุณมากๆค่ะ) อันนี้เราสองคนเลยคิดว่าจะใช้เสปร์เดทตอล กับkitchen rolls เช็ดสิ่งของต่างๆในบ้านเป็นหลัก
*hand gel ไม่มี หาไม่ได้ หมดจ้า!!! ที่ไทยmask หายาก ที่อังกฤษตอนนี้ toilet paper กับ hand gel หายากพอๆกับหน้ากากอนามัยเลยจ้า
(เน้นล้างมือบ่อยๆเน้นถูสบู่ครั้งละ 20 วิ แทนละกันนะคะ)
*น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ สเปร์แอลกอฮอล์ ของใช้ต่างๆ cleaning products ซื้อมาเก็บไว้หน่อยก็ดีค่ะ
*kitchen rolls ซื้อเก็บไว้เลยค่ะได้ใช้ยาวๆแน่นอน เราได้มา 4 แพค (8 rolls) ค่ะ
*นอกนั้นก็เป็นพวกแคปซูลซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม อันนี้ก็มีไว้หน่อยค่ะ แต่ก็คงไม่ขาดตลาดอยู่ดี
______________________________
ก็จะประมาณนี้ค่ะ ต้องบอกก่อนว่า อันนี้เป็นแค่ลิสของพวกเรานะคะ ใครคิดว่าเป็นประโยชน์ก็ลองเอาไว้เป็นแนวทางหรือเอาไปapplyใช้กันเองดูค่ะ คนอื่นอาจจะมีการกักตุน/เตรียมตัวที่ต่างกันออกไปนะคะ ตอนนี้อยากลองดูการถนอมอาหารแบบอื่นๆบ้าง เผื่อไว้ค่ะ
ก็ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ หมั่นล้างมือ และขอให้มีสติในการใช้ชีวิตกันนะคะ!
ทิ้งทายสักนิด
-คนอังกฤษ ฝรั่งชิวกว่า จริงค่ะ
ไม่ใส่หน้ากากอนามัย เพราะคิดว่าคนใส่maskคือคนป่วย ไปที่ไหนถึงจะมีคนจาม เป็นหวัด หนักขนาดไหนก็ไม่เคยเห็นใส่mask ใส่mask คือคนป่วย ซึ่งถ้าคุณป่วย ก็ควรนอนอยู่บ้านค่ะ
ช่วงแรกจำได้ว่ามีคนติด 70-80 คนแล้ว แต่ทุกคนชิวมากกกก ไม่สบายยังมากินข้าวนอกบ้าน ไปโรงละคร ไปห้างตามปกติ อันนี้เพราะเราทำงานร้านอาหารที่อยู่ติดโรงละคร คือ เจอหลายเคส ไม่สบายแบบไอ จาม เป็นหวัด แต่มากินข้าวแล้วจะไปดูละครต่อ เค้าชิวกันมากจ้า
* อัพเดท เราเห็นที่ไทยมีมาตรการ หากไม่ใส่mask ห้ามขึ้นรถไฟฟ้า เราว่าดีมากๆเลยนะค่ะ วันนี้เราเห็นวิดีโอที่คนในลอนดอนยังใช้tubeกันแล้วตกใจ เค้าไม่มีmask และเบียดกันยังกะปลากระป๋องเลยค่ะ
.
.
.
-คนเอเชียช่วงนี้จะโดนคนอังกฤษ Bully มาก- อันนี้แล้วแต่คนค่ะ เราเห็นมีสื่อลงว่าคนเอเชียช่วงนี้โดนBully เยอะโดยเฉพาะที่ใส่ mask โดยส่วนตัวเรา อยู่อังกฤษมาจะ 5 ปี ยังไม่เคยเจอคนBully ใดๆเลย จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาไปเดินสวนสาธารณะ ช่วงนั้นเริ่มมีคนอังกฤษติดเชื้อแล้ว มีคนอังกฤษ 2 คน ที่ต้องเดินสวนเรา พยายามหลบเราอย่างชัดเจน (กับคนอังฤษคนอื่นที่เดินสวนเค้าก่อนหน้าเรา เค้าไม่หลบ แต่กับเราหลบค่ะ ตั้งใจสุดๆ) ซึ่งเราดีใจมากค่ะ เพราะไม่ใช่แค่เค้าที่กลัวเรา เราก็กลัวติดโรคจากเค้าเช่นกันค่ะ ^^ win win กันไป
-ทำไมทิชชู่หมด ทำไมตุนทิชชู่กัน - เอาจริงมั้ยว่า ทิชชู่คือสิ่งแรกทีเราสองคนคิดว่าจะต้องมีให้พอ 3 เดือนนี้ เพราะ คนที่นี่ใช้ทิชชู่เช็ดก้นค่ะ ล้างกับน้ำไม่เป็น ใช้ทุกวันใช้แล้วทิ้งเนอะ มันเลยเป็นสิ่งจำเป็น ที่ทุกคนรู้กันว่าจะหมดไม่ได้ค่ะ
- Herd Immunity ตอนแรกนายกสนับสนุนวิธีการนี้ค่ะ แต่ตอนนี้นโยบายค่อยๆเปลี่ยนไปตามสถาณการณ์และเริ่มLockdown ประเทศแล้วค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่ถึงกับปิดประเทศ สนามบินยังมีการเปิดทำการค่ะ
____________
สามีขอพื้นที่อยาก explain ค่ะ
Hi Everyone, it's Milan. Thanks for viewing our post and for all your comments! For anyone who does not agree in preparing food like we did, please see my response below

I'm not saying that we are correct, but we are doing what we believe in, based on our logic and morals. Everyone has their own situation and opinions and we respect everyone's opinion. The important thing is to have LOGIC and MORALS to guide your decisions!
1) We need to
balance the negative impact of visiting the supermarket several times a month (possibility of being infected or spreading the virus to others) versus preparing extra food so that we don't need to go so often. We spent around 200 GBP, which is what 2 people would normally spend in 2 weeks, but we will have food to eat for 2 months because of the
variety and quality. Also, we had some of the food since 2019 like the rice, some of the oats, peanut butter, sauces, some meat. My family experienced a war and they had very little food to eat, so I learned from this and always kept extra dry and frozen food.
I am shocked to find out that some people have extra shampoo and extra phone chargers, but no storage of food that is essential for life...
2) I have friends that complained that they can't find the food they want because others bought all of it. Why do you need this food (nutrition or just because you like it and want it)? If nutrition, there are A LOT of foods still available in supermarkets that share a similar micronutrient profile (like Vitamin C can be found in many different fruits and vegetables). If they say 'I like that food so I want to buy it', my response is that
we are going through a global crisis with many people ill and dying, so we should be mentally strong enough to not eat the foods we love and focus on getting the necessary nutrition and helping others instead.
3) If we know someone that truly needs food, we will definitely help them! The problem is that some people are selfish and will allow their neighbours to be hungry. Many crimes have been committed this week, like cutting the tyres of ambulances and setting supermarket trucks on fire. This is the real problem!
Social Distancing ในอังกฤษ มาดูกันบ้านเราเตรียมเสบียงอะไรบ้าง!
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ
สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลที่อังกฤษ สั่งให้ปิดร้านอาหาร ผับ ห้างสรรพสินค้าหมดแล้ว คนที่นี่เริ่มตระเตรียมตัวซื้อของเพื่อจะได้ไม่ต้องออกนอกบ้าน
ต้องบอกก่อนว่า ปกติเราก็สามารถสั่ง Delivery จาก ซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ๆได้ตามปกติ ไม่ว่าจะSainsbury's, Tesco, Waitrose ต่างๆ
เรากับสามี aware เรื่องการแพร่ระบาดของไวรัส และตระหนักถึงการเตรียมเสบียงตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์แล้ว พวกเราตัดสินใจออกนอกบ้านครั้งสุดท้ายเพื่อไปเลือกซื้อของสดด้วยกัน เมื่อวันที่ 9มีนาคม และตั้งแต่นั้น เราตัดสินใจทำ Social Distancing หลีกเลี่ยงการออกไปในที่ชุมชนและพบปะผู้คน เรียกได้ว่าแทบจะอยู่แต่ในบ้าน24 ชม มาครบ 14 วันแล้ว(มีออกไปสวนสาธารณะข้างๆบ้านบ้างเพราะอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวไม่ไหวจริงๆค่ะ)
ต้องบอกก่อนว่า สิ่งที่พวกเราซื้อ ไม่ได้ซื้อเยอะเว่อวังเผื่อเป็นปีๆ และพวกเราเน้น 'ซื้ออาหารที่หลากหลาย source มากกว่าปริมาณของแต่ละ source ค่ะ' เราซื้อในแบบที่เราคิดว่าจะอยู่ได้สัก2-3เดือน (Hopefully สถานการณ์จะดีขึ้นใน 3 เดือนนี้) เพื่อหลีกเลี่ยงการออกไปในที่ชุมชน เราคิดว่านี่ก็เป็นอีกสิ่งที่เป็นความรับผิดชอบที่พวกเราสามารถทำได้ เพื่อไม่ออกไปเจอความเสี่ยงในการรับ หรือ แพร่เชื้อนี้อย่างไม่ตั้งใจให้คนอื่นๆในสังคมค่ะ ถ้า 3 เดือนอาหารหมดและสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ก็คงจะสั่ง Delivery รัวๆค่ะ
วันนี้เราเลยอยากมารีวิว(เล็กๆ) ว่าพวกเราเตรียมเสบียงอะไรไว้บ้าง เผื่อลิสที่ซื้อจะเป็นประโยชน์ให้คนไทยที่อยู่ตปท หรือคนไทยคนไหนอยากลองเอาไปapplyใช้กันได้ค่ะ
สิ่งที่เราสองคนเตรียมไว้คือ
1.มีfreezer (ที่แช่อาหารแช่แข็ง) ค่ะ โชคดีที่ที่บ้านปกติตุนของในfreezerกันอยู่แล้วถ้าเป็นไปได้ อยากแนะนำให้ซื้อ freezer มาไว้อีกซักเครื่องนึงนะคะเป็นทางเลือกนะคะ เผื่อไว้เก็บ/ถนอมอาหารไว้ได้มากขึ้นค่ะ
2.หาของกินที่เป็น Calorie dense foods คือ ให้พลังงานเยอะแต่ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อยค่ะ
3.ซื้อถุงล็อคอาหารค่ะ อาหารที่เราทานไม่ทัน หรือ อาหารที่เราตั้งใจจะถนอมไว้โดยการฟรีซ เราทำการเก็บใส่ถุงล็อคอาหารแล้วฟรีซค่ะ จะกินเมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาdefrost ก่อนทำอาหารค่ะ
4.ซื้อของที่เป็นอาหารที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน พวกfrozen foods canned fruits, dried fruits, long-life milk เก็บไว้สำรอง พวกเราจะบริโภคอาหารสดให้หมดก่อนแล้วค่อยมาใช้ของพวกนี้ทีหลังนะคะ
.
.
.
อาหาร
1.ของแห้งต่างๆนะคะ ข้าว 10 โล 1 กระสอบ + พาสต้า สปาเกตตี้ ต่างๆ อย่างละ 3
+ หมี่ก๋วยเตี๋ยว+วุ้นเส้น อย่างละ ห่อ+ มาม่า 12 ห่อ ทูน่า3 ซาดีน 3 กระป๋องของแห้งที่เราชอบต่างๆมีเก็บไว้อุ่นใจค่ะ
2.ซอสต่างๆค่ะ แกงเขียวหวาน แกงแดง คาโบนาร่า ซอสไทยฝรั่งที่ทำสำเร็จแล้ว จัดมาค่ะ! เราเน้นอย่างละ 2 กระป่องค่ะ(รวมทั้งซื้อกะทิเผื่อไว้ด้วยค่ะ 2 กระป๋อง เพิ่งใช้หมดไปวันนี้เลยค่ะ TT)
-ซอสนี่หลายๆที่ยังหาได้ค่ะ
-คนไทยก็มีพวกน้ำพริกแห้งเนาะ ซื้อเก็บไว้โลดค่ะ
3.ชีส อันนี้คือ Calories Dense สามีอิชั้นซื้อมาตุนค่ะ โดยเฉพาะ Halloumi cheese 20 ก้อนไปเลยจ้าาาา( it can be any type of cheese naka)อันนี้เป็นสิ่งเดียวที่รู้สึกใช้คำว่า ตุน อย่างแท้จริง ไม่ใช่อะไรเลย เพราะชอบกินค่ะ ฮ่าๆ ปกติซื้อที 10 ก้อน มันเป็นก้อนเล็กๆเท่ากำปั้นนึงนะคะให้พลังงานเยอะใช้พื้นที่เก็บน้อยค่ะ
4.ถั่วค่ะ Calories dense ให้พลังงานสูง ใช้พื้นที่เก็บน้อยเช่นกัน จะถั่วลิสง ถั่วอะไรก็ได้ ซื้อมาค่ะ ที่บ้านชอบกินเม็ดมะม่วงหินมพาน เลยซื้อมาจากLidl ค่ะ ห่อละ £0.35 ใครกำลังหาอยู่ก็ไปดูที่ Lidlได้
5.Lentils อันนี้ที่บ้านชอบกินค่ะ คล้ายๆถั่วเหลืองของไทย ให้พลังงานเยอะ โปรตีนสูง เอามาต้ม เติมเกลือ ปรุงด้วยรสดีสักหน่อย กินเป็นซุปถั่วแล้วอิ่มมากค่ะ 4 ห่อ
6.ไข่ไก่ ซื้อมา 75 ฟอง 555 ตอนนี้ทยอยกินค่ะ และสามีจะจัดการปรุงสุกแล้วเอาใส่ฟรีซจ้า
7.ซื้ออาหารสดไม่ว่าจะเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้สด หลายๆอย่างอยู่ได้แค่2-3อาทิตย์ อันไหนที่กินทันก็จะกินค่ะ อันไหนกินไม่ทัน พวกเราจะทำการเก็บใส่ฟรีซ เรียบร้อยค่ะ
8.อาหารแช่แข็งต่างๆ ซื้อไว้ตามใจชอบเลยค่ะ ข้าวโพด beans chips ice อะไรก็ว่าไปค่ะ
9.อย่าลืมพวกซอสผัดต่างๆ เนย น้ำมัน ketchup เมโย seasoning ต่างๆด้วยเนาะ เผื่อหมด! เราซื้อมาอย่างละ 1 เผื่อค่ะ
10.น้ำเปล่า ตอนนี้เค้าลิมิต ในการซื้อ โชคดีได้ซื้อไว้2รอบ น่าจะพอ สามเดือนนี้ค่ะ (ส่วนใหญ่ก็ยังคงกินจากก๊อก)
11.ยาสามัญต่างๆค่ะ อันนี้ลิมิตเช่นกันค่ะ ซื้อไว้แค่2กล่อง เผื่อไว้และมีวิตามินรวม วิตามินดี อย่างละขวด แต่ยังไงเราเชื่อว่า คนไทยที่อยู่ที่นี่น่าจะมียาสามัญจากไทยตุนไว้อยู่แล้วค่ะ
12.Peanut butter / Jams ต่างๆค่ะ ซื้อกระปุกใหญ่แบบกระปุกละ 1 กิโลมาเลยค่ะ เอาไว้กินกับแครกเกอร์และtoast เรามี 3 กระปุก ซื้อมาตั้งแต่ปลายปีทีแล้วค่ะ (ลดราคา)
13.ขนม ช็อคโกแลต snacks ต่างๆกรุบกริบ ให้พอหายอยากค่ะ
14.Soda ต่างๆ เผื่อไว้กินเวลากระหายน้ำตาลค่า5555
.
.
.
Personal hygiene
อันนี้ก็อย่างที่ทุกคนรู้ สบู่ ทั้งทาตัวหรือจะ hand soap แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟันต่างๆ ของใช้ส่วนตัวมีตุนไว้สักหน่อยนะคะ (จริงๆเราว่าของไม่น่าจะขาดตลาดแหละ แต่เพราะเราไม่อยากออกไปsuper market หรือออกไปข้างนอกอีกแล้ว เราเลยซื้อเตรียมไว้ก่อนค่ะ) โชคดี ยาสีฟันแปรงสีฟันเอามาจากไทยเยอะอยู่ เราเลยตัดสินใจแบ่งไปให้พี่ที่สนิทที่อยู่ที่นี่ค่ะ
*toilet papers ตอนนี้ของขาดตลาดไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนนะคะ ด้วยความกลัวไม่มี เราสองคนไปซื้อไว้2ห่อใหญ่ที่ Saver ช่วงกุมภา โชคดีมาก เพราะตอนนี้หมด ไม่มีเหลือเลยค่ะ
ตอนพวกเราไปซื้อ พวกเราคิดไว้ตอนนั้นแล้วว่า Toilet paper จะขาดตลาดแน่ๆ แต่ก็ตัดสินใจซื้อมา แค่ 2 แพค เพราะคิดว่าซื้อเท่าที่จำเป็นสำหรับพวกเราก็พอค่ะ
Cleaning stuff
*wipes ได้มาแค่1ห่อ(100wipes) เพราะของหมดค่ะ ตอนไปซื้อเหลือ3 ห่อใหญ่ คนก่อนหน้าเอาไป2 เค้ายังหันมามองและเผื่อไว้ให้ 1 แพค (น้ำตาจะไหล😂 ขอบคุณมากๆค่ะ) อันนี้เราสองคนเลยคิดว่าจะใช้เสปร์เดทตอล กับkitchen rolls เช็ดสิ่งของต่างๆในบ้านเป็นหลัก
*hand gel ไม่มี หาไม่ได้ หมดจ้า!!! ที่ไทยmask หายาก ที่อังกฤษตอนนี้ toilet paper กับ hand gel หายากพอๆกับหน้ากากอนามัยเลยจ้า
(เน้นล้างมือบ่อยๆเน้นถูสบู่ครั้งละ 20 วิ แทนละกันนะคะ)
*น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ สเปร์แอลกอฮอล์ ของใช้ต่างๆ cleaning products ซื้อมาเก็บไว้หน่อยก็ดีค่ะ
*kitchen rolls ซื้อเก็บไว้เลยค่ะได้ใช้ยาวๆแน่นอน เราได้มา 4 แพค (8 rolls) ค่ะ
*นอกนั้นก็เป็นพวกแคปซูลซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม อันนี้ก็มีไว้หน่อยค่ะ แต่ก็คงไม่ขาดตลาดอยู่ดี
______________________________
ก็จะประมาณนี้ค่ะ ต้องบอกก่อนว่า อันนี้เป็นแค่ลิสของพวกเรานะคะ ใครคิดว่าเป็นประโยชน์ก็ลองเอาไว้เป็นแนวทางหรือเอาไปapplyใช้กันเองดูค่ะ คนอื่นอาจจะมีการกักตุน/เตรียมตัวที่ต่างกันออกไปนะคะ ตอนนี้อยากลองดูการถนอมอาหารแบบอื่นๆบ้าง เผื่อไว้ค่ะ
ก็ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ หมั่นล้างมือ และขอให้มีสติในการใช้ชีวิตกันนะคะ!
ทิ้งทายสักนิด
-คนอังกฤษ ฝรั่งชิวกว่า จริงค่ะ
ไม่ใส่หน้ากากอนามัย เพราะคิดว่าคนใส่maskคือคนป่วย ไปที่ไหนถึงจะมีคนจาม เป็นหวัด หนักขนาดไหนก็ไม่เคยเห็นใส่mask ใส่mask คือคนป่วย ซึ่งถ้าคุณป่วย ก็ควรนอนอยู่บ้านค่ะ
ช่วงแรกจำได้ว่ามีคนติด 70-80 คนแล้ว แต่ทุกคนชิวมากกกก ไม่สบายยังมากินข้าวนอกบ้าน ไปโรงละคร ไปห้างตามปกติ อันนี้เพราะเราทำงานร้านอาหารที่อยู่ติดโรงละคร คือ เจอหลายเคส ไม่สบายแบบไอ จาม เป็นหวัด แต่มากินข้าวแล้วจะไปดูละครต่อ เค้าชิวกันมากจ้า
* อัพเดท เราเห็นที่ไทยมีมาตรการ หากไม่ใส่mask ห้ามขึ้นรถไฟฟ้า เราว่าดีมากๆเลยนะค่ะ วันนี้เราเห็นวิดีโอที่คนในลอนดอนยังใช้tubeกันแล้วตกใจ เค้าไม่มีmask และเบียดกันยังกะปลากระป๋องเลยค่ะ
.
.
.
-คนเอเชียช่วงนี้จะโดนคนอังกฤษ Bully มาก- อันนี้แล้วแต่คนค่ะ เราเห็นมีสื่อลงว่าคนเอเชียช่วงนี้โดนBully เยอะโดยเฉพาะที่ใส่ mask โดยส่วนตัวเรา อยู่อังกฤษมาจะ 5 ปี ยังไม่เคยเจอคนBully ใดๆเลย จนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาไปเดินสวนสาธารณะ ช่วงนั้นเริ่มมีคนอังกฤษติดเชื้อแล้ว มีคนอังกฤษ 2 คน ที่ต้องเดินสวนเรา พยายามหลบเราอย่างชัดเจน (กับคนอังฤษคนอื่นที่เดินสวนเค้าก่อนหน้าเรา เค้าไม่หลบ แต่กับเราหลบค่ะ ตั้งใจสุดๆ) ซึ่งเราดีใจมากค่ะ เพราะไม่ใช่แค่เค้าที่กลัวเรา เราก็กลัวติดโรคจากเค้าเช่นกันค่ะ ^^ win win กันไป
-ทำไมทิชชู่หมด ทำไมตุนทิชชู่กัน - เอาจริงมั้ยว่า ทิชชู่คือสิ่งแรกทีเราสองคนคิดว่าจะต้องมีให้พอ 3 เดือนนี้ เพราะ คนที่นี่ใช้ทิชชู่เช็ดก้นค่ะ ล้างกับน้ำไม่เป็น ใช้ทุกวันใช้แล้วทิ้งเนอะ มันเลยเป็นสิ่งจำเป็น ที่ทุกคนรู้กันว่าจะหมดไม่ได้ค่ะ
- Herd Immunity ตอนแรกนายกสนับสนุนวิธีการนี้ค่ะ แต่ตอนนี้นโยบายค่อยๆเปลี่ยนไปตามสถาณการณ์และเริ่มLockdown ประเทศแล้วค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่ถึงกับปิดประเทศ สนามบินยังมีการเปิดทำการค่ะ
____________
สามีขอพื้นที่อยาก explain ค่ะ
Hi Everyone, it's Milan. Thanks for viewing our post and for all your comments! For anyone who does not agree in preparing food like we did, please see my response below
1) We need to balance the negative impact of visiting the supermarket several times a month (possibility of being infected or spreading the virus to others) versus preparing extra food so that we don't need to go so often. We spent around 200 GBP, which is what 2 people would normally spend in 2 weeks, but we will have food to eat for 2 months because of the variety and quality. Also, we had some of the food since 2019 like the rice, some of the oats, peanut butter, sauces, some meat. My family experienced a war and they had very little food to eat, so I learned from this and always kept extra dry and frozen food. I am shocked to find out that some people have extra shampoo and extra phone chargers, but no storage of food that is essential for life...
2) I have friends that complained that they can't find the food they want because others bought all of it. Why do you need this food (nutrition or just because you like it and want it)? If nutrition, there are A LOT of foods still available in supermarkets that share a similar micronutrient profile (like Vitamin C can be found in many different fruits and vegetables). If they say 'I like that food so I want to buy it', my response is that we are going through a global crisis with many people ill and dying, so we should be mentally strong enough to not eat the foods we love and focus on getting the necessary nutrition and helping others instead.
3) If we know someone that truly needs food, we will definitely help them! The problem is that some people are selfish and will allow their neighbours to be hungry. Many crimes have been committed this week, like cutting the tyres of ambulances and setting supermarket trucks on fire. This is the real problem!