สวัสดีเพื่อนๆในพันทิปค่ะ เรามีเรื่องข้องใจและร้อนใจอยากสอบถามเพื่อนๆในพันทิป เกี่ยวกับการย้ายสถานพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมโดยนายจ้างเก่า (เขาแจ้งย้ายสิทธิการรักษาพยาบาลให้เราทั้งๆที่เราลาออกจากเขาไปนานเกือบ 3 เดือนแล้ว) ซึ่งสถานพยาบาลที่ย้ายให้หาความสัมพันธ์ไม่ได้เลย เราอยู่กทม. เหมือนแกล้งย้ายเราไปภูเก็ต เชียงใหม่ และบึงกาฬ
เรื่องมีอยู่ว่า เราเริ่มทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (สมมติชื่อ บริษัท ก.) ตั้งแต่ พ.ค.2559 และยังคงทำมาตลอดจนปัจจุบันไม่เคยลาออก หรือโดนให้ออกแต่อย่างใด แต่เราได้เข้าทำงานกับบริษัทเอกชนอีกแห่งหนึ่ง (สมมติชื่อ บริษัท ข.) ตั้งแต่ มีนาคม 2562 (ทางบริษัท ข. โทรมาหาเราเอง เราไม่ได้สมัครไป และวันที่เข้าไปคุยก็ไม่ได้สัมภาษณ์อะไร คุยเรื่องรายได้ให้ฟังอย่างเดียว) และได้ลาออกช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2562 (ซึ่งถือได้ว่าในช่วงเดือนมีนาคม 2562 เราทำงาน2ที่พร้อมกัน โดยบริษัท ก. ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้ เนื่องจากในช่วงนั้นทางบริษัทไม่มีงานและไม่รู้ว่าจะมีงานเมื่อไหร่ เราจึงมีเวลามาทำกับบริษัท ข. ได้แบบเต็มเวลาค่ะ) โดยการที่เราลาออกจากบริษัท ข. นั้น เหตุเพราะทางบริษัทมองว่าประสิทธิภาพในการทำงานของเราไม่เหมาะสม จึงให้รุ่นพี่ในที่ทำงานมาบอกเราว่า ไม่ต้องมาทำงานแล้ว (ซึ่งนายจ้างบริษัท ข.ให้พี่เขามาบอกเราตั้งแต่ตอนเที่ยงเลย ไม่ใช่ตอนเย็นช่วงเลิกงาน เราเลยต้องออกมาตั้งแต่ช่วงพักกลางวันเลย) เรางงแล้วก็ตกใจและเสียใจ เนื่องจากบริษัท ข. ไม่ได้แจ้งเราล่วงหน้าเกี่ยวกับการทำงานของเราอย่างชัดเจนมาก่อนเลย เราจึงปรึกษากับทางสวัสดิภาพแรงงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่สวัสดิภาพบอกเราว่า ถ้าจะให้ลูกจ้างออก นายจ้างจะต้องเป็นคนแจ้งกับลูกจ้างเอง หรือผู้ที่มีอำนาจสั่งการแทนซึ่งถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเป็นคนแจ้ง แล้วเจ้าหน้าที่สวัสดิภาพแรงงานจึงโทรหานายจ้างบริษัท ข. เพื่อสอบถามรายละเอียด แต่ทางนายจ้างบริษัท ข.กลับตอบว่าเป็นความเข้าใจผิดของเราเอง เจ้าหน้าที่จึงไกล่เกลี่ยให้เรากลับเข้าไปคุยใหม่ เราจึงตั้งใจเข้าไปเซ็นลาออกให้เป็นกิจลักษณะ พอถึงวันที่เราจะเข้าไปคุย นายจ้าง บริษัท ข.กลับไม่ยอมรับสายโทรศัพท์เราเลย แต่เราก็ยังเข้าไปที่บริษัท ข. เพราะยังไงก็ตั้งใจมาเซ็นลาออกให้จบเรื่องไปอยู่แล้ว แต่บริษัท ข. กลับไม่ต้องการให้เราออก แต่กลับต้องการให้เราเซ็นใบยอมรับการเปลี่ยนตำแหน่ง ให้เราเปลี่ยนเป็นตำแหน่งที่ต่ำลง และเงินเดือนก็ลดลงมาก ไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เราตกลงเข้าไปทำงาน (ซึ่งในใบสัญญาการเปลี่ยนตำแหน่งและเงินเดือนนั้น ทางบริษัท ข.กำหนดวันเปลี่ยนตำแหน่งย้อนหลังเองไปเป็นสัปดาห์ เหมือนต้องการลดเงินเดือนเราย้อนหลัง) ส่วนตัวเจ้าของบริษัทเองก็ไม่ยอมออกมาคุยหรือปรากฏตัวแต่อย่างใด ให้ลูกน้องมือขวาออกมาคุย เราเจรจาอยู่พักใหญ่ว่าเราต้องการลาออก ไม่ต้องการทำงานที่นี่อีกต่อไป กว่าจะได้เซ็นลาออกก็เสียน้ำตาไปเยอะ สุดท้ายเราก็ได้เซ็นลาออกจากบริษัท ข. เพราะพี่ที่สอนงานเราเข้าไปช่วยคุย (คนเดียวกันกับที่มาแจ้งเราเรื่องไม่ต้องมาทำงาน) ทุกอย่างน่าจะจบลงตรงนั้น เราเองก็คิดแบบนั้น ส่วนตัวเราเองก็ยังคงทำงานต่อไปเป็นพนักงานในบริษัท ก. เรื่อยมา จนปัจจุบัน
จนเมื่อไม่นานมานี้เราโทรไปเช็คสิทธิประกันสังคมของเรา (เพราะช่วงนี้มีข่าว โควิด-19) ซึ่งปกติสิทธิในการรักษาพยาบาลของเรา คือ โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่ปี 2560 และตัวเราเองก็ไม่เคยต้องการเปลี่ยนสิทธิในการรักษาพยาบาลไปโรงพยาบาลอื่นเลย แต่ผลปรากฏว่า สิทธิการรักษาพยาบาลของเราถูกย้ายไป โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ช่วงเดือนมิถุนายน 2562 มี่ผลบังคับใช้ 1 กรกฎาคม 2562 ซึ่งถูกแจ้งย้ายโดยบริษัท ข. ซึ่งเราได้ลาออกไปแล้วตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม 2562 โดยที่เราไม่ได้รับทราบหรือยินยอมแต่อย่างใด
ณ ตอนนี้ คือ เราไม่สามารถย้ายกลับไปโรงพยาบาลตำรวจได้ เนื่องจากสิทธิ์เต็ม เราต้องเขียนคำร้องแจ้งเรื่องขอย้ายโรงพยาบาลกลับมาที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ เนื่องจากเราเสียสิทธิ์จากโรงพยาบาลตำรวจไปแล้ว และสิทธิ์โรงพยาบาลตำรวจเองก็เต็มแทบไม่เคยว่างเลย
เราอยากทราบความคิดเห็นจากเพื่อนๆในพันทิปหรือผู้ที่เคยมีประสการณ์คล้ายๆกันค่ะว่า เราจะมีหนทางในการแก้ปัญหานี้อย่างไร และมีลำดับขั้นตอนในการทำอย่างไร เราต้องการสิทธิในการรักษาโรงพยาบาลเดิมกลับมา และไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก อยากให้ทางบริษัท ข. ได้รับโทษจากการกระทำที่เขาสร้างความเดือดร้อนอันใหญ่หลวงในครั้งนี้กับเรา ที่เขาทำให้เราซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างของเขาอีกต่อไป เสียสิทธิในการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลตามสิทธิอันชอบธรรม คือถ้าเราป่วยหนักขึ้นมา สิทธิ์เราอยู่ภูเก็ต แต่ตัวเราอยู่กรุงเทพฯ ถ้าเราเกิดติดเชื้อโควิด-19ขึ้นมานี่หนักเลย จะไปรักษาที่ไหนล่ะทีนี้ เป็นภาระคนอื่นไปอีก ตอนนี้ก็ได้แต่คอยระมัดรังดูแลสุขภาพและสุขอนามัยของตนเอง
**นอกจากนี้เราเองยังกังวลว่าถ้าเราแจ้งเรื่องไปที่สวัสดิภาพแรงงาน แล้วทางบริษัท ข.รู้ เขาก็อาจจะทำอะไรเราอีก อาจจะคุกคามเรามากกว่านี้ เราไม่ต้องการให้เขามาคุกคามชีวิตเราอีก เราควรแจ้งความลงบ้ันทึกประจำวันไว้หรือไม่
ปล. ทั้งบริษัท ก. และบริษัท ข. ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯทั้งคู่ และตัวเราเอง ก็อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก เนื่องจากงานเราอยู่ที่นี่
ปล.2 ขณะที่เราทำงานที่บริษัท ข. พบว่าที่นี่มีคนเข้า-ออกงานที่นี่เยอะมาก บางคนอยู่ดีๆก็หายไปเฉยๆไม่มาทำงานอีกเลย บางคนก็ถูกให้ออกระหว่างทดลองงาน (เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ)
ปล3. เราไปติดต่อประกันสังคม พบข้อมูลว่า โรงพยาบาลที่บริษัท ข. เลือกให้เรา (โดยที่เราไม่รับทราบและไม่ยินยอม และย้ายให้เราทั้งที่ลาออกจากบริษัท ข. ไปนานแล้ว) นั้น คือ 1. โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 2.โรงพยาบาลสันป่าตอง 3.โรงพยาบาลบึงกาฬ ซึ่งโรงพยาบาลทั้ง 3 ที่ ไม่มีที่ใดอยู่ในกรุงเทพฯเลย ไม่ใกล้ที่ๆเราทำงาน หรืออาศัยอยู่เลย และไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนาเราเลยด้วย
ถูกย้ายสิทธิการรักษาพยาบาลของประกันสังคม โดยนายจ้างเก่า
เรื่องมีอยู่ว่า เราเริ่มทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (สมมติชื่อ บริษัท ก.) ตั้งแต่ พ.ค.2559 และยังคงทำมาตลอดจนปัจจุบันไม่เคยลาออก หรือโดนให้ออกแต่อย่างใด แต่เราได้เข้าทำงานกับบริษัทเอกชนอีกแห่งหนึ่ง (สมมติชื่อ บริษัท ข.) ตั้งแต่ มีนาคม 2562 (ทางบริษัท ข. โทรมาหาเราเอง เราไม่ได้สมัครไป และวันที่เข้าไปคุยก็ไม่ได้สัมภาษณ์อะไร คุยเรื่องรายได้ให้ฟังอย่างเดียว) และได้ลาออกช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2562 (ซึ่งถือได้ว่าในช่วงเดือนมีนาคม 2562 เราทำงาน2ที่พร้อมกัน โดยบริษัท ก. ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้ เนื่องจากในช่วงนั้นทางบริษัทไม่มีงานและไม่รู้ว่าจะมีงานเมื่อไหร่ เราจึงมีเวลามาทำกับบริษัท ข. ได้แบบเต็มเวลาค่ะ) โดยการที่เราลาออกจากบริษัท ข. นั้น เหตุเพราะทางบริษัทมองว่าประสิทธิภาพในการทำงานของเราไม่เหมาะสม จึงให้รุ่นพี่ในที่ทำงานมาบอกเราว่า ไม่ต้องมาทำงานแล้ว (ซึ่งนายจ้างบริษัท ข.ให้พี่เขามาบอกเราตั้งแต่ตอนเที่ยงเลย ไม่ใช่ตอนเย็นช่วงเลิกงาน เราเลยต้องออกมาตั้งแต่ช่วงพักกลางวันเลย) เรางงแล้วก็ตกใจและเสียใจ เนื่องจากบริษัท ข. ไม่ได้แจ้งเราล่วงหน้าเกี่ยวกับการทำงานของเราอย่างชัดเจนมาก่อนเลย เราจึงปรึกษากับทางสวัสดิภาพแรงงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่สวัสดิภาพบอกเราว่า ถ้าจะให้ลูกจ้างออก นายจ้างจะต้องเป็นคนแจ้งกับลูกจ้างเอง หรือผู้ที่มีอำนาจสั่งการแทนซึ่งถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเป็นคนแจ้ง แล้วเจ้าหน้าที่สวัสดิภาพแรงงานจึงโทรหานายจ้างบริษัท ข. เพื่อสอบถามรายละเอียด แต่ทางนายจ้างบริษัท ข.กลับตอบว่าเป็นความเข้าใจผิดของเราเอง เจ้าหน้าที่จึงไกล่เกลี่ยให้เรากลับเข้าไปคุยใหม่ เราจึงตั้งใจเข้าไปเซ็นลาออกให้เป็นกิจลักษณะ พอถึงวันที่เราจะเข้าไปคุย นายจ้าง บริษัท ข.กลับไม่ยอมรับสายโทรศัพท์เราเลย แต่เราก็ยังเข้าไปที่บริษัท ข. เพราะยังไงก็ตั้งใจมาเซ็นลาออกให้จบเรื่องไปอยู่แล้ว แต่บริษัท ข. กลับไม่ต้องการให้เราออก แต่กลับต้องการให้เราเซ็นใบยอมรับการเปลี่ยนตำแหน่ง ให้เราเปลี่ยนเป็นตำแหน่งที่ต่ำลง และเงินเดือนก็ลดลงมาก ไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เราตกลงเข้าไปทำงาน (ซึ่งในใบสัญญาการเปลี่ยนตำแหน่งและเงินเดือนนั้น ทางบริษัท ข.กำหนดวันเปลี่ยนตำแหน่งย้อนหลังเองไปเป็นสัปดาห์ เหมือนต้องการลดเงินเดือนเราย้อนหลัง) ส่วนตัวเจ้าของบริษัทเองก็ไม่ยอมออกมาคุยหรือปรากฏตัวแต่อย่างใด ให้ลูกน้องมือขวาออกมาคุย เราเจรจาอยู่พักใหญ่ว่าเราต้องการลาออก ไม่ต้องการทำงานที่นี่อีกต่อไป กว่าจะได้เซ็นลาออกก็เสียน้ำตาไปเยอะ สุดท้ายเราก็ได้เซ็นลาออกจากบริษัท ข. เพราะพี่ที่สอนงานเราเข้าไปช่วยคุย (คนเดียวกันกับที่มาแจ้งเราเรื่องไม่ต้องมาทำงาน) ทุกอย่างน่าจะจบลงตรงนั้น เราเองก็คิดแบบนั้น ส่วนตัวเราเองก็ยังคงทำงานต่อไปเป็นพนักงานในบริษัท ก. เรื่อยมา จนปัจจุบัน
จนเมื่อไม่นานมานี้เราโทรไปเช็คสิทธิประกันสังคมของเรา (เพราะช่วงนี้มีข่าว โควิด-19) ซึ่งปกติสิทธิในการรักษาพยาบาลของเรา คือ โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่ปี 2560 และตัวเราเองก็ไม่เคยต้องการเปลี่ยนสิทธิในการรักษาพยาบาลไปโรงพยาบาลอื่นเลย แต่ผลปรากฏว่า สิทธิการรักษาพยาบาลของเราถูกย้ายไป โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ช่วงเดือนมิถุนายน 2562 มี่ผลบังคับใช้ 1 กรกฎาคม 2562 ซึ่งถูกแจ้งย้ายโดยบริษัท ข. ซึ่งเราได้ลาออกไปแล้วตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม 2562 โดยที่เราไม่ได้รับทราบหรือยินยอมแต่อย่างใด
ณ ตอนนี้ คือ เราไม่สามารถย้ายกลับไปโรงพยาบาลตำรวจได้ เนื่องจากสิทธิ์เต็ม เราต้องเขียนคำร้องแจ้งเรื่องขอย้ายโรงพยาบาลกลับมาที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ เนื่องจากเราเสียสิทธิ์จากโรงพยาบาลตำรวจไปแล้ว และสิทธิ์โรงพยาบาลตำรวจเองก็เต็มแทบไม่เคยว่างเลย
เราอยากทราบความคิดเห็นจากเพื่อนๆในพันทิปหรือผู้ที่เคยมีประสการณ์คล้ายๆกันค่ะว่า เราจะมีหนทางในการแก้ปัญหานี้อย่างไร และมีลำดับขั้นตอนในการทำอย่างไร เราต้องการสิทธิในการรักษาโรงพยาบาลเดิมกลับมา และไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก อยากให้ทางบริษัท ข. ได้รับโทษจากการกระทำที่เขาสร้างความเดือดร้อนอันใหญ่หลวงในครั้งนี้กับเรา ที่เขาทำให้เราซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างของเขาอีกต่อไป เสียสิทธิในการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลตามสิทธิอันชอบธรรม คือถ้าเราป่วยหนักขึ้นมา สิทธิ์เราอยู่ภูเก็ต แต่ตัวเราอยู่กรุงเทพฯ ถ้าเราเกิดติดเชื้อโควิด-19ขึ้นมานี่หนักเลย จะไปรักษาที่ไหนล่ะทีนี้ เป็นภาระคนอื่นไปอีก ตอนนี้ก็ได้แต่คอยระมัดรังดูแลสุขภาพและสุขอนามัยของตนเอง
**นอกจากนี้เราเองยังกังวลว่าถ้าเราแจ้งเรื่องไปที่สวัสดิภาพแรงงาน แล้วทางบริษัท ข.รู้ เขาก็อาจจะทำอะไรเราอีก อาจจะคุกคามเรามากกว่านี้ เราไม่ต้องการให้เขามาคุกคามชีวิตเราอีก เราควรแจ้งความลงบ้ันทึกประจำวันไว้หรือไม่
ปล. ทั้งบริษัท ก. และบริษัท ข. ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯทั้งคู่ และตัวเราเอง ก็อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก เนื่องจากงานเราอยู่ที่นี่
ปล.2 ขณะที่เราทำงานที่บริษัท ข. พบว่าที่นี่มีคนเข้า-ออกงานที่นี่เยอะมาก บางคนอยู่ดีๆก็หายไปเฉยๆไม่มาทำงานอีกเลย บางคนก็ถูกให้ออกระหว่างทดลองงาน (เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ)
ปล3. เราไปติดต่อประกันสังคม พบข้อมูลว่า โรงพยาบาลที่บริษัท ข. เลือกให้เรา (โดยที่เราไม่รับทราบและไม่ยินยอม และย้ายให้เราทั้งที่ลาออกจากบริษัท ข. ไปนานแล้ว) นั้น คือ 1. โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 2.โรงพยาบาลสันป่าตอง 3.โรงพยาบาลบึงกาฬ ซึ่งโรงพยาบาลทั้ง 3 ที่ ไม่มีที่ใดอยู่ในกรุงเทพฯเลย ไม่ใกล้ที่ๆเราทำงาน หรืออาศัยอยู่เลย และไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนาเราเลยด้วย