ประสบการณ์การใช้ชีวิตในประเทศรวันดา ภาค 3 - ตอบคำถามเพื่อนๆ



กลับมาแล้วค่ะ ^^
ที่จริงอยากจะกลับมาเล่าต่อนานแล้ว แต่ในเวลานี้ที่แทบทุกแห่งกำลังต่อสู้กับโรคระบาดกันอย่างสุดกำลัง ทำให้เราคิดแล้วคิดอีกว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมไหม หรือควรรอสักพักก่อน คิดแล้วคิดอีกอยู่นานจนในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะเขียนต่อ คราวนี้ขอเป็นการตอบคำถามที่เพื่อนๆ คอมเม้นถามกันมาในโพสต์ก่อนๆ ให้ได้อ่านกันเพลินๆ เป็นการแก้เครียดแล้วกันนะคะ 
(ขออนุญาตใช้สกรีนชอตนะคะ)
คำถาม 1:

คำตอบ:
ตอบได้ค่ะ ^^ เรากับสามีมาเปิดบริษัทเทคเกี่ยวกับโฆษณาเล็กๆ ที่นี่ค่ะ 
เอาไว้มีเวลาจะมารีวิวกระบวนการจดทะเบียนบริษัทอย่างละเอียดให้ฟังนะคะ (ง่ายมากๆ ค่ะ)

คำถาม 2:

คำตอบ:
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ เราเปิดเพจบนเฟสบุ้คตามคำขอแล้วค่ะ 
สามารถติดตามกันได้ที่ลิงก์นี้ → https://web.facebook.com/tiimasnotes/
จะคอยอัปเดตลิงก์ในเพจทุกครั้งที่เปิดกระทู้ใหม่ และจtโพสต์ภาพถ่ายที่น่าสนใจในเพจนะคะ ^^

คำถาม 3:


คำตอบ: 
เท่าที่รู้ข้อมูลคร่าวๆ ในเรื่องของการศึกษาสำหรับเด็กของที่นี่ คือจะเป็นระบบการศึกษาแบบ 6-3-3-4 
คือระดับประถม 6 ปี มัธยมต้น 3 ปี มัธยมปลาย 3 ปี และระดับมหาวิทยาลัยอีก 4 ปี ซึ่งเด็กๆ จะได้เรียนฟรีเป็นเวลา 9 ปี (คือชั้นประถม 6 ปี และชั้นมัธยมต้นอีก 3 ปี) 
ในเรื่องของภาษาที่ใช้ในโรงเรียนของรัฐ จากประถม 1 ถึง 3 โรงเรียนสอนด้วยภาษาท้องถิ่น (Kinyarwanda) และจะสอนด้วยภาษาอังกฤษตั้งแต่ประถม 4 เป็นต้นไป โดยจะมีการสอนภาษาฝรั่งเศสและสวาฮิลีเป็นวิชาเลือกเพิ่มเติมอีกด้วย (ชาวรวันดาส่วนมากพูดภาษาฝรั่งเศสเก่งค่ะ) 
นอกจากนี้ก็จะมีโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนนานาชาติอีกหลายแห่งมากๆ บางแห่งสอนด้วยภาษาอังกฤษ บางแห่งสอนด้วยภาษาฝรั่งเศส ก็เลือกได้ตามสะดวกค่ะ

คำถาม 4:

คำตอบ 5:
หลายๆ คนอาจจะคิดว่าประเทศในทวีปแอฟริกามีอากาศร้อน แต่ที่จริงแล้วไทยเราร้อนกว่าเยอะมากค่ะ อุณหภูมิที่นี่จะอยู่ที่ประมาณ 14 องศา ถึงประมาณไม่เกิน 26 องศา (ห้องแอร์เราดีๆ นี่เอง) ตอนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ เรายังไม่ชินกับอากาศ จะรู้สึกหนาวตลอด ตื่นเช้ามามองออกไปนอกหน้าต่างคือเห็นหมอกหนามากสุดลูกหูลูกตา แถมฝนตกบ่อยมากๆ แทบทุกวัน ทำให้ยิ่งหนาวไปกันใหญ่ ^^" โรงแรมและบ้านเรือนที่นี่ส่วนมากไม่มีแอร์และพัดลม คือเราสามารถเปิดหน้าต่างให้ลมเย็นๆ พัดเข้ามาได้ สดชื่นดีค่ะ 
ถ้าจะให้ลงรายละเอียดในเรื่องของฤดูกาล ประเทศรวันดามีอยู่ 2 ฤดูหลักๆ สลับกัน คือ Dry season กับ Wet season (ซึ่งจะแบ่งเป็นหน้าฝนระยะสั้นกับหน้าฝนระยะยาว) ช่วงเวลาดีที่สุดสำหรับการมาเที่ยวที่นี่คือประมาณกลางเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วง Dry season ค่ะ

คำถาม 6:

คำตอบ: ชาวรวันดาส่วนมากสามารถพูดได้ 4 ภาษาค่ะ คือ Kinyarwanda, ภาษาอังกฤษ, สวาฮิลี, และฝรั่งเศส (เก่งเนอะคะ ^^)
แต่ก็จะมีชาวรวันดาบางกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มคนงาน แรงงานที่ส่วนมากอาจไม่ได้สำเร็จการศึกษาตามสมควร ก็จะพูดได้แต่ภาษาท้องถิ่นเท่านั้น คือ Kinyarwanda ค่ะ

คำถาม 7:

คำตอบ: ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ ^^ 
ในเรื่องของวัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวรวันดาที่ใช้ชีวิตในเมืองหลวง (กิกาลี) โดยภาพรวมแล้ว ชาวรวันดาส่วนมากเป็นชาวคริส วันจันทร์ถึงศุกร์ไปทำงาน วันอาทิตย์แต่งตัวสวยๆ ไปโบสถ์
มีการกล่าวทักทายกัน (Good morning, Good afternoon) เมื่อพบกัน ไม่ว่าจะรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นมารยาทที่ทุกคนที่นี่ถือปฏิบัติค่ะ อย่างเวลาใช้บริการแท็กซี่ หรือออกไปซื้อของ ต้องทักทายกันก่อนเป็นอย่างแรก (ซึ่งเราก็ชอบนะคะ รู้สึกว่าเป็นเรื่องดี) 
**แหล่งซื้อของประกอบอาหาร** ส่วนมากไปตลาดค่ะ เพราะมีราคาถูกกว่าซูเปอร์มาร์เก็ต อาหารพื้นเมืองก็เป็นพวกมันฝรั่ง ถั่ว สตูว์เนื้อทั่วๆ ไป คือจะไม่เหมือนกับบ้านเราที่มีเมนูหลักๆ ชัดเจนอย่าง กระเพรา ต้มยำกุ้ง อาหารที่นี่รสไม่จัด ไม่เผ็ดค่ะ
**เสื้อผ้า หน้า ผม** ผู้หญิงในเมืองก็แต่งกายตามแฟชั่นธรรมดาทั่วไปค่ะ ด้วยความที่มีผมหยิก บ้างก็ตัดสั้นติดหนังศีรษะ บ้างก็ต่อผมแบบเป็นผมถัก สวยแปลกตาไปอีกแบบค่ะ
**วัฒนธรรมครอบครัว** เท่าที่เห็นจะเป็นครอบครัวเดี่ยวเป็นส่วนมากค่ะ

ส่วนในพื้นที่ห่างไกล การแต่งตัวจะไม่ทันสมัยเท่าคนในเมือง จะยังคงความเป็นพื้นเมืองเอาไว้ ส่วนอาหารการกินก็จะขึ้นอยู่กับว่าเก็บเกี่ยวอะไรมาได้จากพื้นที่ใกล้เคียงค่ะ

**ขอพักก่อน เดี๋ยวมาต่อนะคะ
***กระทู้ใหม่ --> https://pantip.com/topic/39883075
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่