เชื่อว่าใครหลายคนเคยเป็นเหมือนเรา เวลาที่ดูภาพยนตร์หรือละครทีวีที่ชอบ เราจะไม่สามารถมูฟออนไปจากเรื่องนั้นได้ง่ายๆ
แม้ว่าเรื่องจะดำเนินไปถึงตอนจบแล้ว แต่อารมณ์คนดูอย่างเรายังคงไม่ยอมจบ จะต้องดูฉากนั้นวนซ้ำไปซ้ำมา
หรือถ้าเรื่องไหนมีสถานที่ถ่ายทำสวยและน่าประทับใจ เราก็คงอยากจะพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่นั้น
ลองคิดดูสิถ้าเราได้อยู่ในสถานที่ที่คู่พระนางที่เราชอบเคยอยู่ คงจะฟินน่าดู
เมื่อไม่นานมานี้ เราได้มีโอกาสได้ดูตัวอย่างละครเรื่อง “ดั่งดวงหฤทัย” ที่นำกลับมารีเมคใหม่และได้ออนแอร์ทางช่อง 3
ในวันที่ 5 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา
ซึ่งเราบอกเลยว่าชอบเวอร์ชั่นนี้มาก เนื้อเรื่องและบทบาทของแต่ตัวละครมีความน่าสนใจชวนให้น่าติดตาม
สิ่งที่ทำให้เราประทับใจในเวอร์ชั่นนี้ที่สุด คือสถานที่ถ่ายทำที่สวยมาก จนเราอดสงสัยไม่ได้เลยว่าเขาไปถ่ายทำที่ไหนกันนะ
เราก็เลยไปค้นหามาจนได้รู้ว่าสถานที่ถ่ายทำในเรื่องดั่งดวงหฤทัยคือที่ “ยามากาตะ” (Yamagata) จังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ
ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
นอกจากนี้เรายังได้ลิสต์สถานที่ถ่ายทำในเรื่องดั่งดวงหฤทัยมาให้แฟนละครได้ไปตามรอยกันอีกด้วย
แนะนำจังหวัดยามากาตะ
ยามากาตะ เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติในทุกฤดูกาล
เต็มไปด้วยภูเขา แม่น้ำ และอยู่ติดกับทะเล ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นหรือที่เรียกกันว่า โทโฮคุ (Tohoku)
ความน่าดึงดูดของยามากาตะนั้น คงไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำเพียงไม่กี่คำ
ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือสิ่งที่เรียกว่า สโนว์มอนสเตอร์ (Snow Monster) หรือ ปีศาจหิมะแห่งเทือกเขาซาโอะ (Mt. Zao)
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หิมะและน้ำแข็งได้ปกคลุมต้นไม้ไปทั่วบริเวณ
จนมีลักษณะคล้ายกับฝูงอสูรกายที่ยืนนิ่ง นับเป็นความสวยงามที่รังสรรโดยธรรมชาติที่หาดูได้ยาก
นอกจากนี้ยังมีภูเขาที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่ง เช่น เทือกเขาโชไค (Mt. Chokai), เทือกเขานิชิอาซามะ (Mt. Nishiazama)
และสามภูเขาของเดวะ ซังซัน (Dewa Sanzan) พาวเวอร์สปอตที่ประกอบไปด้วยภูเขาศักดิ์สิทธิ์ 3 ลูกในยามากาตะ
นอกจากนี้จังหวัดยามากาตะยังเต็มไปด้วยหมู่บ้านออนเซ็นที่มีจุดเด่นแตกต่างกระจายอยู่ทั่วจังหวัด
ถือเป็นอีกแง่มุมหนึ่งของวิถีชีวิตของชาวยามากาตะ เช่น กินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen)
ซาโอะออนเซ็น (Zao Onsen) , อาคายุออนเซ็น (Akayu Onsen) เป็นต้น
อีกทั้งดูภาพแผนที่ของจังหวัดยามากาตะ จะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายกับใบหน้ายิ้มด้านข้าง
ราวกับว่าพร้อมที่จะทักทายและต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น
สถานที่ถ่ายทำละครในยามากาตะ
หอวัฒนธรรมบุนโชคัง (Bunshokan)
อาคารอิฐสถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนซองส์ของอังกฤษก่อสร้างขึ้นในปีไทโชที่ 5 (ค.ศ. 1916) ซึ่งในอดีตถูกใช้เป็นศาลาว่าการจังหวัด
และหอประชุมสภาในปีโชวะที่ 59 (ค.ศ. 1984) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น
ตลอดระยะเวลานับ 10 ปี ตั้งแต่ปีโชวะที่ 61 ได้มีการอนุรักษ์และบูรณะอาคารให้คงสภาพเหมือนของเดิมมากที่สุด
ปัจจุบันหอวัฒนธรรมบุนโชคังได้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์มากมาย และกลับมาเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจังหวัดยามากาตะ
ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมฟรี สามารถสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นและยุโรปของยุคไทโชโรมันได้ที่นี่ในคราวเดียว
แม่น้ำโมกามิ (Mogami River)
แม่น้ำโมกามิที่ไหลผ่านจังหวัดยามากาตะนั้น มีประวัติอันยาวนานและเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ
เอื้อต่อการพัฒนาของวัฒนธรรมในพื้นที่รอบแม่น้ำ
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือล่องแม่น้ำโมกามิได้โดยเริ่มจากหมู่บ้านทาซาวะ (Tazawa)
เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของริมแม่น้ำได้ทุกฤดูกาล
ปล. เห็นวิจารณ์ว่า แม่น้ำนี้ เหมือนคลองระบายน้ำบ้านเรา
บ่อน้ำพุร้อนซาโอะ (Zao Onsen)
บ่อน้ำพุร้อนซาโอะถูกค้นพบในช่วงปี ค.ศ. 110 มีชื่อเสียงในความเก่าแก่ที่สุด
และยังเป็นหนึ่งในสามของน้ำพุร้อนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น
น้ำพุร้อนแห่งนี้ เป็นที่รู้จักดีจากความเป็นกรดสูง
ได้รับการขนานนามว่าเป็น “The Princess Hot Spring” และ “The Fountain of Beauty”
จากชื่อเสียงในการรักษาทั้งสภาพผิวและความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
น้ำพุร้อนกลางแจ้งซาโอะ (Zao Rotenburo) ที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่ตั้งของรีสอร์ท
สามารถเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกอิสระของการอาบน้ำกลางแจ้งที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ
จึงเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นเอง
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดยามากาตะแล้ว ยังมีมนตร์เสน่ห์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัวโยเนซาวะ (Yonezawa Beef)
ที่เป็นวัวญี่ปุ่นพันธุ์ขนดำ มีลักษณะการเลี้ยงที่พิเศษบนที่ราบสูง ทำให้เนื้อวัวมีลายหินอ่อนที่พอดี กินแล้วราวกับละลายในปาก
เพื่อให้สามารถลิ้มรสชาติของเนื้อวัวชนิดนี้ได้อย่างเต็มที่ จึงนิยมนำมาทำเป็นเนื้อย่าง สุกียากี้ สเต็ก และชาบู
ยามากาตะยังมีผลไม้ขึ้นชื่ออย่างเชอร์รี่อีกด้วย หากใครได้มาเที่ยวในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน
ก็อย่าลืมหาเวลาแวะไปชิมเชอร์รี่สดๆ กันนะ
นอกจากนี้ยังมีงานหัตถกรรมที่ใช้เทคนิคแบบโบราณ รวมไปถึงเทคนิคที่ผสมผสานความเป็นโมเดิร์นเข้าไปด้วย
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านยามากาตะ (Yamagata City Local History Museum)
การเดินทางไปยามากาตะ
โดยรถไฟ จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) โดยสารรถไฟ JR Tohoku Shinkansen Tsubasa ลงสถานียามากาตะ (Yamagata Station)
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที
หรือ จากสถานีโตเกียว โดยสารรถไฟ JR Tohoku Shinkansen Hayabusa หรือ Komachi ลงสถานีเซนได (Sendai Station)
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นสายเซนซัน (Senzan Line) ลงสถานียามากาตะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที
โดยเครื่องบิน จากสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินยามากาตะ (Yamagata Airport) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
หรือจากสนามบินโอซาก้าหรืออิตามิ (Osaka Airport / Itami Airport) นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินยามากาตะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที
หรือจากสนามบินสุวรรณภูมิ บินตรงลงสนามบินเซนได (Sendai Airport) ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง โดยสายการบินไทย
แผนที่การเดินทางไปยามากาตะ
แผนที่การเดินทางไปยังสถานที่ถ่ายทำละคร
ข้อมูล รูปภาพ เพิ่มเติม
🧐🧐💖💝 ตามรอยละคร “ดั่งดวงหฤทัย” ซึมซับวัฒนธรรมและดื่มด่ำธรรมชาติใน ''ยามากาตะ'' 🎉🎉❄️❄️🎊🎊