#Saveตัวเอง จาก COVID-19 เมื่อคนรอบตัว(เรา)เสี่ยง แต่เราอยากรอด

ช่วงนี้บรรยากาศตึงเครียดมากครับ ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในเน็ต ทุกๆคนก็ดูจะจิตตกกับ COVID-19 ไปกันหมด จะไปไหนมาไหนก็ไม่รู้ว่าใครติดเชื้อบ้าง หรือเราไปรับเชื้อมาจากใครบ้างแต่ยังไม่แสดงอาการ โอโห สารพัดจะมีเรื่องให้จิตตกจริงๆ

เมื่อก่อนช่วงที่ไวรัสนี้ยังชื่อว่า Corona และพึ่งจะระบาดใหม่ๆ ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แปบๆเดี๋ยวก็จัดการได้ แต่ไปๆมาๆสถานการณ์ก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ คนติดเชื้อก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วที่ทำให้ผมจิตตกสุดๆก็คือการที่เพื่อนร่วมงานผมไปต่างประเทศ แล้วกลับมาก็ทำงานเลย ไม่ได้กักตัว บอกเลยว่าช่วงนั้นผมหลอนมากๆ เพราะตัวเองต้องออกไปทำงานทุกวัน บริษัทก็ไม่ให้ work from home แถมคนในบริษัทก็สุ่มเสี่ยงว่าจะเป็น COVID-19 อีก เหมือนหันไปทางไหนก็เสี่ยงว่าจะติดเชื้อไปหมด

โชคดีตรงที่ว่าเพื่อนร่วมงานคนนั้นยอมไปตรวจโรคที่โรงพยาบาล แล้วผลออกมาเป็นลบ(ไม่ติดเชื้อ) แล้วก็ไม่มีอาการไข้ด้วย ผมเลยพอโล่งใจขึ้นมานิดนึง แต่ก็โล่งได้แค่นิดเดียวแหละครับ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้น บริษัทผมไม่ให้หยุด work from home เพราะเจ้านายคิดว่ายังไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร(ไม่ใหญ่ตรงไหนเนี่ย!) ผมก็ยังต้องแบกสังขารขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า แล้วก็ต้องมานั่งวินต่อให้ถึงออฟฟิศอีก เรียกว่าเปิดรับเชื้อโรคทุกทาง และเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ไม่ต่างกันครับ เพราะเดินทางมาทำงานเหมือนๆกัน เดินสวนกันทีก็อดระแวงไม่ได้ว่า เอ๊ะ เมิงติดป่ะวะ หรือไม่ก็ เอ๊ะ ตูติดยังวะ 


นั่นแหละ จากหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น และจากการได้อ่านข่าวสารที่อัพเดตอยู่เรื่อยๆ ผมเลยได้ตาสว่างว่า COVID-19 ยิ้มใกล้ตัวกว่าที่คิดมากๆ และโอกาสที่เราจะได้รับเชื้อก็มีสูงมากด้วย ไหนจะการที่เราหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกไม่ได้ โอกาสก็ยิ่งมีเพิ่มเข้าไปอีก จะให้รอเจ้านายเห็นใจ หรือรอรัฐบาลมาช่วย ก็ดูจะไม่น่ารอด ตอนนี้คงต้องขอช่วยตัวเองไปก่อนครับ #Saveตัวเอง ต้องมาแล้วล่ะจุดนี้

สำหรับวิธีของผมในการดูแลตัวเองช่วงนี้ ก็จะเป็นเรื่องสุขภาพเป็นหลักนี่แหละ เพราะเท่าที่ผมได้ศึกษาข้อมูลจากหลายๆที่ (โดยเฉพาะทวิตเตอร์) ถ้าคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้วดันไปติดเชื้อเนี่ย มีโอกาสที่จะหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา หรือกับบางคนนี่แทบจะไม่มีอาการป่วยเลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นจนกระทั่งหายแล้ว ผมเลยคิดว่าถ้าเกิดว่าเราติดโรคขึ้นมาจริงๆ ก็อยากให้ร่างกายตัวเองแข็งแรงจนโรคมันหายเองไวๆ จะได้ไม่เดือดร้อนใคร ซึ่งทางเดียวที่ผมคิดว่าเวิร์คสุดก็คือการรักษาสุขภาพตัวเองนี่แหละ เริ่มจากภายในก่อนเลย

     •    ออกกำลังกาย
ถ้าอยากร่างกายแข็งแรงก็ต้องออกกำลังกายไว้ก่อน จริงๆเมื่อก่อนผมก็มีออกกำลังกายบ้างนะ แต่ไม่ได้บ่อย พอมีเรื่องโรคระบาดขึ้นมาก็คิดว่าควรถึงเวลาเอาจริงกับการออกกำลังกายแล้ว แต่ประเด็นก็คือช่วงนี้ไปฟิตเนสไม่ได้เลยครับ เพราะเป็นสถานที่เสี่ยงเลยเนื่องจากคนเยอะ ไหนจะเครื่องออกกำลังกายที่มีคนหลายคนมาใช้งานอีก แทนที่จะได้แข็งแรงคงได้ติดโรคแทน ก็ต้องย้ายทำเลไปออกกำลังกายที่บ้านแทน ส่วนใหญ่ก็จะออกกำลังกายแบบง่ายๆครับ พอให้เรียกเหงื่อได้ ก็มียกเวท แล้วก็วิ่งบนลู่วิ่งครับ อันนี้อยากแนะนำสำหรับคนที่ออกกำลังกายที่บ้านนะครับ ลองซื้อพวกลู่วิ่งแบบที่พับได้มาไว้ในบ้านดูครับ แบบในรูปนี้เลย ราคาไม่แพง แล้วไม่กินพื้นที่ด้วย แบบวิ่งเสร็จก็พับเก็บได้เลย ซื้อเอาไว้วิ่งที่บ้าน สะดวก+สบายใจครับ

     •    อาหาร
สำหรับผมคืองดกินข้าวจากร้านอาหารตามสั่งไปยาวๆเลยครับ หลักๆก็จะทำกินเองเลย ซึ่งก็ไม่อร่อยหรอก แต่ก็ต้องกินเพราะมันปลอดภัยกว่าไปกินข้างนอก555 ส่วนใหญ่ก็เน้นทำอาหารปรุงสุก และเอาให้ครบห้าหมู่ครับ ขาดเหลืออะไรก็กินวิตามินอาหารเสริมเพิ่มเอา อะไรที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง เสริมภูมิคุมกัน พวกวิตามินซี ดี อี จัดมาหมด พยายามบำรุงตัวเองไว้เยอะๆ ครับ

พูดถึงสุขภาพร่างกายไปแล้ว สุขภาพจิตก็ต้องดูแลด้วยครับ เพราะช่วงนี้ถ้าให้พูดกันตรงๆก็มีแต่ข่าวที่ชวนให้จิตตกประสาท***ทั้งนั้น ส่วนตัวผมเน้นเสพข่าวพอสมควร อ่านเฉพาะข้อมูลที่มีแหล่งยืนยันแน่นอนเชื่อถือได้ เวลารับข่าวทีก็ต้องกรองตัวเองก่อนระดับหนึ่งว่านั่นข่าวจริงหรือ Fake-News ปั่นกระแส เพระช่วงนี้พวกเกรียนๆมันก็เยอะแหละ ยังไงก็อ่านข่าวแต่พอดีครับ แต่ก็อย่าไปปิดกั้นจนไม่รู้อะไรเลยนะ เอาเท่าที่เราควรรู้ เพราะอ่านอะไรเยอะๆมากแล้วมันจะเครียดไปกันใหญ่ เหมือนกับผมที่ช่วงแรกๆนี่เครียดไปหมด ขนาดเจอหน้าเพื่อนในออฟฟิศยังหลอนเลย555 ระวังตัวได้แต่อย่ากดดันตัวเองเกินไปครับ

ส่วนการดูแลตัวเองภายนอก ผมก็เน้นเป็นการป้องกันซะส่วนใหญ่ แบบถ้าเป็นไปได้ก็จะพยายามไม่อยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง(แต่บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ เช่นต้องขึ้นรถเมล์กับรถไฟฟ้าไปทำงาน ตรงนี้จะแอบลำบากอยู่นิดนึง ก็ต้องมาป้องกันตรงอื่นแทน) ไม่เอามือไปจับอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าถ้าไม่จำเป็น และ*ห้าม*เอามือแตะหน้าเด็ดขาด! อันนี้ยากนิดหน่อย เพราะผมเป็นพวกขี้ตาเยอะ ตื่นมาตอนเช้าก็เลยชอบขยี้ตาแคะตาตัวเอง  พอช่วงนี้มี COVID-19 ก็อยากจะมัดมือตัวเองไว้เลย555

อย่างที่บอกไปตะกี้ว่าบางทีผมก็เลี่ยงเจอคนเยอะๆไม่ได้เวลาที่ต้องเดินทางไปทำงาน ผมก็เลยต้องมาป้องกันตรงอื่นอีกที ก็จะมีของที่ผมต้องพกตลอดเวลาออกจากบ้าน เอาไว้ป้องกันโดยเฉพาะ ก็เอาติดกระเป๋าเป้ไว้เลย หลักๆก็มีด้วยกันตามนี้เลยครับ

•    หน้ากากอนามัย : อันนี้แน่นอนอยู่แล้วว่าของมันต้องมี ออกไปข้างนอกยังไงก็ต้องใส่ไว้ กันทั้งฝุ่นและเชื้อโรค ดีหน่อยที่ผมซื้อหน้ากาก
     ไว้เยอะช่วงที่มี PM 2.5 ปีที่แล้ว ปีนี้เลยได้ใช้ยาวๆไม่ต้องไปหาซื้อใหม่ เพราะตอนนี้ราคาแพงและหายากมากๆ
•    เจลล้างมือ : อันนี้จะพกก็ได้ไม่พกก็ได้ เพราะเจลล้างมือสาธารณะมีให้ใช้เยอะมาก ที่ทำงานผมก็ยังมีตั้งไว้หน้าทางเข้าเลย
     แต่ผมก็ยังพกไว้นะ เป็นเจลล้างมือหลอดเล็กๆ ใช้กับตัวเองแล้วรู้สึกสบายใจกว่าใช่ร่วมกับคนอื่นด้วย
•    สบู่เหลว : มีเจลไม่พอยังจะมีสบู่เหลวอีก555 อันนี้ผมไปอ่านเจอมาว่าเชื้อไวรัส COVID-19 แพ้สบู่ แค่ล้างมือด้วยสบู่ประมาณ20วินาที
     เชื้อก็ตายแล้ว ผมก็เลยพกขวดสบู่เหลวเล็กๆไว้ด้วย เผื่อมีที่ไหนที่สามารถล้างมือได้ก็จะได้ล้างไปเลย
•    แอลกอฮอล์70%และทิชชู่ : อันนี้ไม่ได้เอามาล้างมือนะ ผมเอามาเช็ดครับ แอลกอฮอล์70%แบบที่เป็นขวดสีฟ้าๆนะครับ
     เอามาแบ่งใส่ขวดสเปร์ยเล็กๆเอาไว้ เวลากดปุ่มลิฟต์ ก่อนจะกดก็ต้องฉีดแล้วเช็ด หรือตอนจับราวบันได จับนั่นจับนี่ยังไง
     ก็ควักมาฉีดแล้วเช็ดเลย ปลอดภัยไว้ก่อน

    
•    ถุงมือยาง : อันนี้ในกรณีที่ตอนนั้นหาเจลหรือแอลกอฮอล์ไม่ได้นะครับ ผมก็ใช้เป็นถุงมือยางเลย ซื้อมาจากร้านยี่สิบบาท 3ชิ้น20แบบ
     ใช้แล้วทิ้งเลย ผมเอาไว้ใส่ก่อนออกไปข้างนอก จะหยิบจับอะไรก็สบายมาก ไม่ต้องระแวงว่าจะไปจับโดนเชื้อโรค 


เรียกว่ากันอะไรได้ก็กันไว้ก่อนแหละ แต่เอาเข้าจริงไม่ว่าจะป้องกันดีแค่ไหนยังไงก็ไม่สามารถกันได้100%หรอก นอกจากจะกักตัวเองอยู่แต่บ้านอย่างเดียว แต่คนที่ต้องมาทำงานอย่างผมมันกักตัวเองอยู่บ้านไม่ได้ไง ยังไงก็ยังเจอความเสี่ยงอยู่เรื่อยๆแหละ ผมก็เลยทำประกัน COVID-19 ไปเลย เผื่อว่าเกิดเป็นขึ้นมาจริงๆจะได้ไม่เดือดร้อน
 
จริงๆตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะทำประกันหรอกครับ เพราะอ่านข่าวมาว่าถ้าเป็น COVID-19 แล้วยังไงรัฐก็จะให้รักษาฟรีอยู่แล้ว แต่พอดีไปอ่านข่าวนี้เข้า https://covid-19.kapook.com/view222318.html สรุปก็คือกว่าจะได้รักษาฟรีกับโรงบาลรัฐ ก็ต้องรอเตียงอีก แล้วตอนนี้เตียงเต็มหมด ไม่มีที่ให้คนรักษา ค่ารอส่งตัว+ค่าตรวจเสียไปเป็นแสน ไม่รู้จะตายเพราะโรคหรือค่ารักษาก่อนดี ผมก็เลยเลือกทำประกันของทิพยประกันภัยไป เพราะเจ้านี้จ่ายเป็นเงินสองก้อน คือค่ารักษาสูงสุด1แสน แล้วก็ค่าโคม่าสูงสุด1ล้าน แล้วเขาก็คุ้มครองทันทีเลยไม่รอเวลาเหมือนเจ้าอื่น คือถ้าป่วยจนเข้าโรงบาลขึ้นมาจริงๆยังไงก็ยังมีเงินจ่ายได้อยู่ล่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่าผมเป็นพวกเรื่องเยอะไปหรือเปล่า ทำไมถึงระวังตัวซะเวอร์ขนาดนี้ ก็ยอมรับครับว่าเวอร์จริงๆแหละ แต่ผมคิดว่าSaveตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่ามาคิดได้ตอนที่ตัวเองป่วยไปแล้ว แบบนั้นจะแย่เอา กันไว้ดีกว่าแก้ แม่สอนไว้ครับ เพี้ยนกินมาม่า ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีบริษัทไหนที่ยังไม่ให้ work from home เหมือนผมบ้างหรือเปล่า(คิดแล้วโคตรเซ็งเลย เมื่อไรจะให้หยุดสักทีก็ไม่รู้เพี้ยนเซ็งเป็ด) แล้วแต่ละคนที่จำเป็นต้องออกจากบ้านเนี่ยมีวิธีดูแลตัวเองกันยังไงบ้างครับ มาแชร์กันในกระทู้นี้ได้เลยนะ ถือว่ามาแลกเปลี่ยนความรู้กัน จะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่นที่หลงมาอ่านด้วย ยังไงก็อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับชาวพันทิป อย่าป่วยอย่าไข้กันนะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนและตัวเองด้วย เพี้ยนเพลีย


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่