คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
มีมูนรูฟทั้ง 2 คัน คันแรกใช้มา 7 ปี คันที่ 2 ภรรยาใช้มา 3 ปี ทั้ง 2 คันเปิดแค่ตอนซื้อมาใหม่ ๆ เพื่อเช็คว่าทำงานปกติไหม หลังจากนั้นก็ไม่ได้เปิดอีกเลย ตอนซื้อไม่ได้สนใจออปชั่นพวกนี้เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น แต่มันใส่มาให้แล้วไม่มีให้เลือกว่าไม่เอาก็เลยต้องซื้อ นอกจากจะร้อนตอนกลางวัน จะเปิดเวลาอื่นก็ทำให้เสียงดัง ฝุ่นเข้าในรถ ข้าวของที่เป็นกระดาษหรืออะไรเบา ๆ ปลิวกระจาย
เรื่องมองวิว มองท้องฟ้า ไม่เห็นคนที่บ้านอยากมองเลย พอขึ้นรถก็มักก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือ Tablet กันละ อย่างมากก็มองกระจกข้างดูวิวแป๊บ ๆ
ถ้ามีรถที่ตัดออปชั่นนี้แล้วราคาถูกลงผมเอาแบบไม่มีมูนรูฟดีกว่า
เรื่องมองวิว มองท้องฟ้า ไม่เห็นคนที่บ้านอยากมองเลย พอขึ้นรถก็มักก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือ Tablet กันละ อย่างมากก็มองกระจกข้างดูวิวแป๊บ ๆ
ถ้ามีรถที่ตัดออปชั่นนี้แล้วราคาถูกลงผมเอาแบบไม่มีมูนรูฟดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
คนที่อยากได้ Panoramic roof พอได้ใช้จริง ได้มองผ่านกระจกบ่อยไหมครับ?
แน่นอนว่ามันมีก็คงดีกว่าไม่มี
เรื่องความร้อน มันก็คงมีทั้งที่ร้อนและไม่ร้อน ไม่ได้อยากถามประเด็นนี้
เรื่องได้เปิดกระจกหรือไม่เปิด ก็ไม่ได้สนใจประเด็นนี้
เรื่องความคงทน น้ำรั่วซึม มันคงมีทั้งรั่วและไม่รั่วอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ
มีแล้วดูห้องโดยสารโปร่งขึ้น อันนี้ชัวร์แน่นอนอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ผมสงสัยมานานแล้วก็คือ
พอเวลาเพดานมันมีกระจกขนาดใหญ่ให้มองทะลุนี่
ได้จ้องมองไปเรื่อยๆ ไหมครับ หรือนานๆ จะเงยขึ้นไปที
พอจ้องจริงๆ แล้วมันจะปวดหัวไหม มองนานๆ มันน่าจะเมื่อยคอไหม
แล้วมันรู้สึกสบายอารมณ์ขึ้นสักกี่ % เวลาได้แหงนหน้ามอง เมื่อเทียบกับรถรถที่ไม่มีให้มอง
มันมีอะไรให้มองนอกจากเมฆ ท้องฟ้า สะพานลอย เครื่องบิน ครับ
กระจกมันสะท้อนมองแล้วปวดตาไหมครับ
คนขับจะมีเวลาไหนที่ได้แหงนหน้าขึ้นไปมองครับ มันน่าจะเงยเยอะจนเจ็บคอรึเปล่าครับ
เทียบกับรถที่มีแค่กระจกหน้าตาใหญ่ๆ มันก็โปร่งโล่งเหมือนกันรึเปล่าครับ
ธรรมชาติของมนุษย์ส่วนใหญ่จะต้องแหงนหน้าดูวิวรึเปล่าครับ
ผมยังไม่เคยเห็นคำตอบในเรื่องเหล่านี้
แต่เคยเห็นประมาณว่า ถ้าเลือกรถรุ่นถัดไปต้องมีเหมือนเดิม อะไรประมาณนี้
แปลว่าเจ้าของใช้แล้วต้องติดใจมาก ถึงเจาะจงเลยว่ารุ่นถัดไปต้องมี
คำถามทุกข้อไม่ใช่แนวกวนครับ อยากรู้จริงๆ
ขอบคุณกับทุกคำตอบมากๆ ครับ