ไวรัสทำไมต้องทำลาย host ครับ มันทำไปเพื่ออะไร แล้วการที่ทำแบบนั้น ก็เท่ากับว่าทำลายตัวมันเองไม่ใช่หรือครับ

มันมีพฤติกรรมที่ตายตัวไหม
แล้วมันยังพอเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้ไหม อยู่ในคลาสไหน

มันทำแบบนั้นเพื่ออะไรครับ
กรณีนี้ถามถึงการดำรงอยู่ของสิ่งสิ่งนี้ด้วยครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
ว่ากันว่าธรรมชาติสร้างสิ่งเล็กๆ ทรงพลังอย่างไวรัสขึ้นมาเพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ค่ะ

เผ่าพันธุ์ไหนเลเวลสูงจัด ไม่มีเผ่าอื่นหรือปรากฎการณ์ธรรมชาติมาลดประชากรได้ ก็มองเห็นหายนะในอนาคตได้เนอะ เผ่าอื่นอาจสูญพันธุ์ อาหารขาดแคลน ที่สุดแล้วดาวเคราะห์นี้ก็อาจจบสิ้น ไวรัสจึงเป็นแผนที่ธรรมชาติใช้รับมือกับพวกนี้ในเวลาที่ประชากรเยอะ เรียกว่าเป็นมาตรการสุดท้ายสำหรับป้องกันหายนะก็ว่าได้ เขามาเพื่อล้างผลาญเป้าหมายตรงๆ โต้งๆ จะเห็นว่าไวรัสชนิดหนึ่งจะโจมตีสัตว์แค่หนึ่งหรือไม่กี่ชนิดเท่านั้น ถ้าไปอาศัยในสัตว์ที่ไม่ใช่เป้าหมายก็แค่อยู่ไปเฉยๆ รอคอยโชคชะตากับการันตีว่าตัวเองจะไม่มีวันหายไป แถมยังไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ มักอาศัยการสัมผัสใกล้ชิด จะใกล้ชิดได้ก็ต้องประชากรหนาแน่น และพอล้มตายไปจนถึงจุดไม่หนาแน่น ไวรัสก็จะหายไปเอง เข้ากันกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่สามารถเรียนรู้และต่อต้านไวรัสได้ หลังผ่านโรคระบาดไปจะเหลือเพียงผู้อยู่รอดที่แข็งแรงเท่านั้น ส่งต่อเชื้อพันธุ์แข็งแรงกันต่อไปจนประชากรหนาแน่นอีกครั้ง
ธรรมชาติชอบความสมดุล มีเสียก็ต้องมีได้ ดังนั้นประโยชน์หนึ่งที่เราได้จากไวรัสก็คือการคัดเลือกพันธุ์ค่ะ ลูกหลานมีความสามารถในการปรับตัวได้ดีขึ้น ทนต่อโรคมากขึ้น ฯลฯ การคุมกำเนิดแผนปัจจุบันไม่ได้อยู่ในแผนของธรรมชาติ ก็ต้องมีวิธีลดประชากรซะบ้าง เผื่อว่าภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง กับสงครามยังเอามันไม่ลง ไวรัสนี่แหละที่รับประกันความสำเร็จได้ และเพราะชอบสมดุลนี้เอง ในเมื่อไวรัสทำให้สายพันธุ์เราดีขึ้น มันก็ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นเหมือนกัน

ไวรัสเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตรึเปล่า เพราะมันไม่มีพฤติกรรมแบบสิ่งมีชีวิต ไม่กิน ไม่ถ่าย ไม่หายใจ มีแค่เรื่องเดียวที่เหมือนสิ่งมีชีวิตคือการพยายามเพิ่มจำนวน ซึ่งพอจะถูไถพูดได้ว่ามีการแพร่พันธุ์ แล้วก็เป็นการแพร่พันธุ์ที่โคตรเฉพาะตัว ไม่ได้แบ่งตัว แตกหน่อ แลกสารพันธุกรรม (มีเพศสัมพันธ์) เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่น ถึงจะมีบ้างที่ไวรัสรับสารพันธุกรรมของใครไป แต่มันไม่เหมือนการผสมพันธุ์ตามปกติ เอาไปบ้างไม่เอาไปบ้าง เอาไปจากโฮสต์ผู้ติดเชื้อบ้าง เอาไปจากโฮสต์พาหะบ้าง ไม่มีใครรู้ว่าไวรัสมีเกณฑ์ยังไง

ไวรัสใช้วิธีเกาะเซลล์เป้าหมายแล้วบังคับให้ก็อปปี้ตัวเองขึ้นมาภายในนั้น ให้เซลล์ของเราผลิตไวรัสใหม่ว่างั้นเถอะ ขั้นตอนนี้เองที่ทำให้เราป่วย มันมาใช้ทรัพยากรของเราในการสร้างตัวเองจนเซลล์เราตาย ไอ้ที่เกิดใหม่ก็ไปบังคับเซลล์อื่นจนตายอีก ในกรณีของโควิด-19 พี่แกใช้เซลล์เยื่อหุ้มปอด ไต หัวใจ เป็นโรงงาน ไวรัสอื่นอาจเลือกอวัยวะอื่น มันจะเลือกอย่างเจาะจง ร่างกายมีการเรียนรู้และขัดขืนต่อต้านนะ ถ้าต่อต้านทันก็หาย ไม่ทันก็ตาย ถ้าแข็งแรงก็อาการเบา ตายช้าหน่อย ร่างกายของเราสามารถหายจากโควิด-19 เองได้ ตั้งแต่ติดจนหายก็มีที่ไม่รู้ตัว แต่ใครจะอยากเสี่ยงล่ะ คนแก่กับเด็กหรือผู้ป่วยที่อ่อนแอจึงไม่ไหวจะทนเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งในขั้นตอนการก็อปปี้มันก็มีพลาดกันได้ เขาจะถือโอกาสนี้พัฒนาประสิทธิภาพตัวเอง เรียกว่าการกลายพันธุ์ มีกลายพันธุ์แล้วด้อยลงอยู่เหมือนกัน แต่พวกนี้ไม่รอดชีวิตมาให้เห็น เราจึงเห็นแต่การกลายพันธุ์แบบดีขึ้น เรื่องก็อปปี้พลาดมีในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ร่างกายเราก็มีการก็อปพลาดเองทุกวัน เรียกว่าเซลล์มะเร็ง ต่อให้เป็นคนสุขภาพดีก็มีเซลล์มะเร็ง แต่ซีเคียวริตี้ของเรากำจัดออกได้เลยไม่ป่วย ซึ่งถ้าวันไหนกำจัดไม่ทันก็เป็นโรคมะเร็งนั่นแหละ

มนุษย์พัฒนายาเพื่อเอาชนะธรรมชาติอยู่ทุกวัน ธรรมชาติเองก็ไม่ยอมง่ายๆ
ไวรัสเป็นเครื่องมือที่ธรรมชาติรักมาก ถึงได้ออกแบบให้เขามีดีขนาดนี้ แม้แต่มนุษย์ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่ครองโลกสำเร็จยังต่อกรได้ยากเลย
มันจะเป็นสงครามที่มีอยู่ตลอดไป
.............................

มันมีพฤติกรรมที่ตายตัวไหม
มีค่ะ ไวรัสมีรูปแบบเฉพาะตัวอยู่ แค่ลักษณะของเขาก็โคตรเฉพาะตัวไม่เหมือนใครแล้ว เขาเลือกทำลายแต่เป้าหมายและพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เคียงข้างกันไป แต่เดิมไวรัสโคโรนาเล่นงานสัตว์เล็ก วันดีคืนดีกลายพันธุ์เป็นซาส์ ใช้ทริกหลอกว่า "ฉันเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดานะจ๊ะ อย่าสนใจฉันเลย" แต่เพราะแสดงอาการ โฮสต์จึงถูกแยกจากคนอื่น ยิ่งเป็นนาน อาการแรง ก็รู้แล้วว่าไม่ปกติ ถูกจับได้ เกิดการคิดค้นรักษา ไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้ ซาส์ก็จบภารกิจไปแบบเฟลๆ ขอเวลาไปวางแผนใหม่ในค้างคาวและกลับมาเปิดตัวอย่างเฉิดฉายในชื่อ ซาส์-โคโรนาไวรัส-2019 เชื่อเล่น โควิด-19 (เคยชื่อ ซาส์รุ่นสอง ด้วยนะ แต่ดูท่าทีน้องจะได้ไปต่อ เลยตั้งชื่อตามปีที่โด่งดัง พูดถึงอีกครั้งนักวิทย์จะได้ได้จำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง) น้องมาด้วยทริก "เธอไม่ได้ป่วยหรอกนะ ทำตัวปกติเถอะ" โคตรจีเนียส แก้จุดอ่อนของพี่ได้อย่างงดงาม ซึ่งก็เห็นกันอยู่ว่าประสบความสำเร็จ น้องไม่ได้มาทำภารกิจจบด่วนเพื่อลดประชากรเป็นหลักเหมือนแบคทีเรีย อัตราตายสูงแค่พอขำๆ เน้นติดกันเยอะๆ เป็นกันนานๆ คัดเลือกสายพันธุ์ให้อย่างประณีต แต่ก็ไม่ถึงกับนานเหมือน HIV ไอ้นี่ก็ต่อนยอนเกินไป เขาโด่งดังเพราะใช้ทริกอันสุดยอด "ฉันจะทำลายระบบป้องกันของแก เท่านี้แกก็ปกป้องตัวเองจากฉันไม่ได้แล้ว" อาจเพราะเป็นทริกที่ดูทรงพลานุภาพ วิธีติดต่อของเขาจึงจำกัดแค่การแลกเลือดกับปั่มปะป๊าม ไม่ใช่จะติดกันง่ายๆ จากที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนน้องโควิด-19 แถมยังไม่ทำให้เกิดอาการป่วยโดยตรงอีก เทียบกันแล้วเราสามารถอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV ได้อย่างปกติ แตกต่างจากน้องโควิด-19 โดยสิ้นเชิงด้วยซ้ำ ประหนึ่งว่า HIV เป็นกองกำลังเสริมของไวรัสอื่นซึ่งโดนมนุษย์ปราบแทบจะเกลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น ถ้าพัฒนาไวรัสอย่างเดียวมันไม่ได้ผล ก็ต้องลองตัวเสริมประสิทธิภาพไวรัสเดิมใช่ไหมล่ะ ที่สุดของโลกใบนี้ไม่มีใครจีเนียสเท่าธรรมชาติจริงๆ
นี่คือรูปแบบของไวรัสค่ะ ลดประชากรแต่อย่าให้ถึงขั้นสูญพันธุ์ ถ้าเราสู้ได้ เขาก็จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาเรื่อยๆ ด้วยทริกที่แยบยลกว่าเดิม แถมหัวใส ไปแอบพัฒนาในสัตว์อื่นด้วยนะ โควิด-19 พัฒนาในค้างคาว HIV ในซิมแปนซี ไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ในสัตว์ปีก จะเห็นว่าไวรัสพัฒนาตัวเองได้เยอะสำหรับการเล็งเป้ามาที่เผ่าพันธุ์ซึ่งมีประชากรมาก นอกจากมนุษย์ก็คือปศุสัตว์ ส่วนไวรัสที่เล่นงานพวกวิ่งร่าเริงในป่าใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ อย่างไรเสีย แนวคิดที่ว่าไวรัสมีตัวตนอยู่เพื่อจำกัดประชากรสิ่งมีชีวิต หรือเพื่อรักษาสมดุลของโลก หรือเพื่อคัดเลือกพันธุ์ หรือเพื่อการันตีว่าไม่มีวันที่สิ่งมีชีวิตชนิดไหนมาทำให้โลกล่มสลายได้ ก็เป็นแค่ทฤษฎีกลุ่มหนึ่ง ฉันพูดรวบตึงเพราะมันไปทางเดียวกัน ส่วนทฤษฎีอื่นก็เช่น ไวรัสคือระบบต่อต้านไวรัสของโลก (มีพื้นฐานจากทฤษฎีไกอาซึ่งเชื่อว่าโลกเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง มนุษย์คือตัวทำให้โลกป่วย หรือก็คือมนุษย์นี่แหละที่เป็นไวรัส) ที่บอกว่าไวรัสเป็นเรื่องบังเอิญก็มี (ทฤษฎีนี้ต่อต้านทฤษฎีที่ว่า 'ทุกสิ่งมีตัวตนอยู่เพราะมีเหตุผลให้ควรอยู่ ถ้าไม่มีเหตุผลก็จะถูกกำจัดทิ้งไป' แต่เชื่อว่าทุกสิ่งมาจากอะไรบางอย่าง มันก็แค่มีอยู่เท่านั้น) ยังไม่นับความเชื่อทางศาสนาอีกนะ ทุกวันนี้เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไวรัสมาจากไหน กรณีมนุษย์ยังรู้ได้ว่ามีบรรพบุรุษเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว แต่ไวรัสมันแหกคอกจนหาบรรพบุรุษไม่เจอจริงๆ สัตว์ก็ไม่ใช่ พืชก็ไม่ถูก เชื้อรงเชื้อราก็ไม่ใกล้เคียง มีทฤษฎีหนึ่งบอกว่าไวรัสพัฒนามาจากเซลล์พิกลพิการ คือถ้ามีเต็มเซลล์ก็กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ถ้าไม่เต็มเซลล์ก็ไปเป็นไวรัส

แล้วมันยังพอเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้ไหม อยู่ในคลาสไหน
ไวรัสขาดลักษณะเด่นของสิ่งมีชีวิต ไม่กิน ไม่ถ่าย ไม่หายใจ เหมือนเพียงอย่างเดียวคือการพยายามสืบพันธุ์ด้วยวิธีที่ไม่มีใครเหมือน แถมโครงสร้างร่างกายก็ไม่ครบแม้แต่จะเป็นเซลล์เซลล์หนึ่งด้วยซ้ำ
ส่วนตัวฉันมองมันเป็นเครื่องจักรปัญญาประดิษฐ์ แบบว่าเป็นจักรกลเลียนแบบสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างโดยธรรมชาติน่ะ

มันทำแบบนั้นเพื่ออะไรครับ
มีหลายทฤษฎี ฉันเห็นด้วยกับแก๊งรักษาสมดุลโลก

กรณีนี้ถามถึงการดำรงอยู่ของสิ่งสิ่งนี้ด้วยครับ
ไวรัสจะอยู่กับเราไปจนถึงกาลที่โลกล่มสลายค่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
โฮโมเซเปี้ยนก็กำลังทำลายโฮสต์ของเขาไปเรื่อยๆเหมือนกัน
ความคิดเห็นที่ 3
ทำไมต้องทำลาย host ทำไปเพื่ออะไร ?
- ไม่ได้ ตั้งใจทำลาย
  แค่ต้องการสารอาหารมาเลี้ยงตัวเอง ให้อยู่ได้ ขยายพันธุ์ต่อไปได้
  เพื่อความอยู่รอด เหมือนสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์

การทำแบบนั้น ทำลายตัวมันเองด้วยไม่ใช่หรือ ?
- ตัวที่หนีไม่รอด ตอน host ตาย ก็ตายไป
  ตัวที่หา host ใหม่ได้ทัน ก็รอด ขยายพันธุ์ต่อไป
ความคิดเห็นที่ 25
ไวรัสอาศัยองค์ประกอบในเซลส์สิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อ Replicate หรือ ทำสำเนาตัวเองออกมา

ไวรัสไม่ผสมพันธ์ ไวรัสให้กำเนิดไวรัสกันเองไม่ได้ และนักวิทยาศาสตร์ก็ยังถกเถียงกันว่ามันไม่น่าจะใช่ Life form ด้วยซ้ำครับ ทางเดียวในการขยายจำนวนคือ Replicate ผ่านเซลส์สิ่งมีชีวิต เมื่อ Replicate มาก ๆ เซลส์นั้นก็ทนไม่ไหว และระเบิดแตกตายไป พอเซลส์ตายเยอะ ๆ โฮสต์ก็ทนอยู่ไม่ไหวล้มตาย มันเป็นผลลัพธ์ แต่ไม่ใช่ความตั้งใจที่จะฆ่าโฮสต์

และจากข่าวว่าช่วงปิดเมืองจากไวรัสระบาด ชาวเมืองที่เวนิซต่างตะลึงกับสภาพเมืองที่เริ่มฟื้นฟู คลองที่กลับมาใสสะอาดอีกครั้ง อากาศบริสุทธิ์ มลพิษลดลง ฯลฯ จากการที่คนไม่ไปเที่ยว และไม่ออกนอกบ้าน

โควิด-19 อาจเป็นไวรัสอันตรายสำหรับพวกเรา แต่เราอาจกำลังเป็นไวรัสที่อันตรายสำหรับโลก
ความคิดเห็นที่ 7
เหมือนมนุษย์ทุกวันนี้ทำลายธรรมชาตินั่นแหละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่