โดนโขมยข้อมูลบัตรเครดิตซิตี้แบงค์ไปใช้ซื้อของออนไลน์ ทำอย่างไรดีครับ???

ย้อนกลับไปวันที่27กพ.2563 ผมได้รับสลิปเรียกเก็บเงินของบัตรซิตี้แบงค์ทางอีเมล เมื่อตรวจสอบพบว่ามียอดเรียกเก็บในสิ่งที่ผมไม่ได้ใช้อยู่ทั้งหมด 17 รายการ ตามข้อมูลระบุว่าเป็นรายการของ”Amazon web services aws.amazon.coUS”โดยมีการใช้ในวันที่ 20 ถึงวันที่ 22 ทั้งหมดจำนวน 17 ครั้ง เป็นยอด12.00$15ครั้ง และ18.00$2ครั้ง



ผมเลยลองเช็คในsms.ของโทรศัพท์ว่ามีการแจ้งเตือนการใช้จ่ายหรือไม่ซึ่งก็ไม่มีการแจ้งเตือนของยอดดังกล่าว แต่เจอว่ามีการใช้จ่ายที่ผมไม่ได้ใช้แจ้งมาในsms 5รายการ โดยเป็นtransactionที่ทำวันที่26 1รายการ และวันที่27 4รายการ


ผมโทรหาคอลเซ็นเตอร์ของซิตี้แบงค์เพื่อถามถึงวิธีการว่าผมจะต้องทำอย่างไรซึ่งทางพนักงานของคอลเซ็นเตอร์ได้บอกกับผมว่าให้ผมอายัดบัตรเป็นอย่างแรกและเขาจะทำเรื่องยกเลิกยอดค่าใช้จ่าย หลังจากนั้นทางคอลเซ็นเตอร์ได้แจ้งกับผมว่าเค้ายกเลิกได้แค่ยอดห้ารายการหลังเพราะยอดดังกล่าวยังไม่ได้ตัดกับบัตรเครดิต ส่วนยอด 17 รายการที่อยู่ในใบเรียกเก็บเขาไม่สามารถยกเลิกให้ได้เพราะได้ทำการตัดยอดบัตรไปแล้ว ผมถามว่าแล้วผมควรจะต้องทำอย่างไรทางคอลเซ็นเตอร์แจ้งผมว่าให้ผมประสานไปทางAmazonโดยผมจะต้องจ่ายยอดทั้ง 17 ยอดนี้กับทางบัตรเครดิตก่อนแล้วทาง Amazon จะคืนเข้าบัตรมาภายใน 90 วัน
การที่จะต้องยกเลิกบัตรเครดิตใบนี้ถือเป็นหายนะสำหรับชีวิตผมเลยทีเดียว บัตรเครดิตใบนี้เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของผมเพราะผมใช้บัตรใบนี้ผูกบัญชีกับแทบจะทุกอย่างที่ผมใช้ทำธุรกรรม การอายัดหรือยกเลิกบัตรใบนี้เท่ากับว่าผมต้องทำการผูกบัญชีใหม่ทั้งหมดทำให้ผมเดือดร้อนมาก ล่าสุดวันนี้ภรรยาผมพาลูกไปหาหมอผมไม่สามารถใช้ประกันสุขภาพของลูกได้เพราะผมยังไม่ได้เอาข้อมูลบัตรเครดิตใบใหม่มอบให้กับทางบริษัทประกัน  

การประสานงานกับทางอเมซอนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผมเริ่มจากการส่งอีเมลและพยายามหาcontact personที่ผมจะสามารถประสานงานได้ อุปสรรคใหญ่สำหรับเรื่องนี้คือภาษาส่วนตัวผมเป็นคนที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับปานกลางแต่แบบพอมาเจอเรื่องนี้ผมรู้สึกได้ว่าการไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษนานๆทำให้พูดและเขียนไม่คล่องอย่างแรงโชคยังดีที่มีรุ่นน้องที่น่ารักเป็นนักเรียนนอกจบจากอังกฤษมาช่วย ถ้าไม่มีน้องคนนี้ผมแย่แน่ๆ

เว็บไซต์amazon.comผมเคยมี Account อยู่แต่ไม่ได้ใช้มานานมากๆแล้วและที่น่าสงสัยก็คือเมื่อผมเช็คในข้อมูลของ Account นี้ปรากฏว่าบัตรเครดิตที่ผูกกับ Account นี้ก็ไม่ใช่บัตรใบนี้แต่เป็นบัตรใบเก่าที่หมดอายุไปแล้วผมก็เลยไม่แน่ใจว่าคนที่มาแฮ็คข้อมูลของผมได้ข้อมูลมาจากที่ไหน

ในที่สุดผมก็สามารถติดต่อกับทางทีมงานของamazonได้ ตอนแรกใช้วิธีคุยทางโทรศัพท์ซึ่งสื่อสารค่อนข้างยาก เพราะคนประสานงานจะใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงแขกซึ่งฟังยากมากๆ เลยต้องใช้วิธีโต้ตอบผ่านเมล์โดยต้องส่งข้อมูลที่ทาง aws( Amazon Web Service)ขอมา















ระหว่างที่โต้ตอบกันผ่านเมล์ก็จะมีการคุยกันผ่านโทรศัพท์บ้าง ทางawsได้บอกให้ผมไปเช็คว่าในอีเมลอื่นๆของผมมีเมลตอบกลับของawsมั้ย ถ้ามีแสดงว่าผมสั่งซื้อจริง ซึ่งผมก้ได้ตอบกลับไปว่าผมแน่ใจว่าผมมีอีเมลของตัวเองอยู่แค่3แอคเค้าท์และผมก้ได้เช็คอย่างดีแล้วทั้งหมด ซึ่งทางawsบอกว่าอีเมลที่ใช้สั่งซื้อเป็นชื่อผม ซึ่งผมคาดว่าคนที่แฮคข้อมูลไปน่าจะใช้ชื่อผมไปสมัคร

ล่าสุดทางawsได้แจ้งว่าธุรกรรมดังกล่าวทางเค้าไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้(unable to assist with the charge generated) อย่างไรก้ตามให้ผมไปทวงถามจากทางธนาคารและธนาคาร”อาจจะ”คืนให้ผม


WTF! ผมเคยแจ้งawsตั้งแต่แรกไปแล้วว่าธนาคารบอกให้ผมมาคุยกับทางawsแล้วawsก็จะไล่ผมให้กลับไปคุยกับธนาคารอีก

ตามที่เล่ามาทั้งหมดผมเลยอยากจะขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์หรือผู้รู้ว่า ผมควรทำยังไงต่อครับ ผมต้องจ่ายในสิ่งที่ผมไม่ได้ก่อจริงๆหรอครับ เงินจำนวนนี้อาจจะเหมือนไม่มากสำหรับหลายๆคน แต่สำหรับผมมันก็มากอยู่นะครับ โดยเฉพาะในสภาพเศรษฐกิจเยี่ยงนี้ ยังไงผมรบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่