โพสต์นี้ผมตั้งใจจะแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อมีท่านใดหาข้อมูลเกียวกับโรคไวรัสตับอักเสบซี (HCV)
ขอออกตัวว่าเป็นโพสต์แรกในชีวิตและน่าจะเป็นโพสต์สุดท้ายนะครับ
ผมตรวจพบเชื้อ HCV จากการบริจาคเลือดเมื่อประมาณปี 2546 โดยมีหนังสือแจ้งมาที่บ้านว่าท่านติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ตอนนั้นตกใจและงงมาก เพราะผมรับวัคซีนป้องกันตับอักเสบบีมาอย่างน้อย 2 ช่วงเวลาของชีวิตคือตั้งแต่วัยเด็กและวัยรุ่นก่อนทราบผลบริจาคเลือดเพียง 1 ปี
ในจดหมายทิ้งท้ายว่า ให้ท่านไปตรวจยืนยันได้ที่ธนาคารเลือดทุกแห่ง ผมจึงรีบไปตรวจซ้ำทันที ผลว่าปรากฏว่าเป็นไวรัสตับอักเสบซี
ในเมื่อเป็นแล้วก็เป็นครับ สืบหาสาเหตุก่อนเลยว่าติดมาจากไหน เพราะคนในครอบครัวไม่มีใครเป็นมาก่อน ก็ค้นพบว่าผมได้รับการถ่ายเลือดหลังคลอดจากพนักงานโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี เมื่อปี 2529 (ผู้ให้ชีวิตและติดระเบิดเวลามาในตัวผมอย่างไม่มีใครคิดมาก่อน) ซึ่งโรคนี้มีการค้นพบเมื่อปี 2532 เพราะฉะนั้นถ้าท่านไหนมีการรับเลือดหรืออวัยวะ มีพฤติกรรมเสี่ยงก่อนปี 2532 ควรไปตรวจหาโรคนี้นะครับ
ผมเริ่มเข้าขั้นตอนการรักษาที่ ร.พ. ศิริราชเมื่อปี 2557 หลังได้เข้าบรรจุเป็น พนง.รัฐวิสหากิจแห่งหนึ่ง (เพื่อใช้สิทธิ) ขั้นตอกแรกก็ตรวจหาเชื้อ หาสายพันธุ์ ดูจำนวนหรือ viral load ผลออกมาว่าผมเป็นสายพันธุ์ 1a หมอแจ้งว่าเป็นชนิดที่รักษายากที่สุดใน 6 สายพันธุ์ และมีจำนวน 2,XXX,XXX IU/mL และเข้าร่วมเป็นกรณีศึกษาของโรงพยาบาล (case study) โดยมีขั้นตอนวินิจฉัย ด้วยการเจาะชิ้นเนื้อในตับและทำ CT Scan โดยผลที่ได้คือตับยังสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยการทำร้ายของไวรัส อาจจะเป็นเพราะว่าผมออกกำลังกายมาโดยตลอดทำให้ยังคงแข็งแรงดี
การใช้ยาต้านไวรัส Sofosbuvir+Ravidasvir
ในตอนแรกๆ ของการรักษา หมอแจ้งว่าราคายาที่ใช้ตอนนั้นจะอยู่ที่ 2XX,XXX บาท และไม่สามารถเบิกได้ หมอบอกว่าให้รอก่อนครับ ติดตามอาการไปเรื่อยๆ ทุก 6 เดือน ค่ายาที่หมอแจ้งก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนถึงปี 2562 มียาที่มาจากประเทศอินเดียราคาประมาณ 30,000 บาท ถึงเวลาแล้วที่ต้องลอง ผมตัดสินใจรับคำหมอทันที กินยาวันละ 1 เม็ด 12 สัปดาห์ ติดตามผลทุก 1 เดือน ค่าตับของผมดีขึ้นตั้งแต่เดือนแรกที่ได้รับยา(หมอบอกว่าเชื้ออาจจะหมดแล้ว) แต่ต้องกินยาต้านไปให้ครบตามกำหนด ครบ 12 สัปดาห์ ระหว่างรับยาผมแทบไม่รู้สึกถึงอาการข้างเคียงเลยอาจจะมีเหนื่อยๆบ้าง แต่ไม่แน่ใจว่าเกิดจากยาหรือพักผ่อนน้อย หลังหยุดยาแล้ว 3 เดือน ไปตรวจหาจำนวนไวรัสหรือ viral load พบว่าไม่มีเชื้อแล้วครับ และต้องตรวจซ้ำอีก 1 ปี ก็ยืนยันแล้วครับว่าหายขาดจากโรคนี้ตามรูปด้านล่าง ซึ่งตอนนี้ผมหายแล้ว หลังจากที่เป็นโรคนี้มานานถึง 30+ ปี
ยังมีหลายท่านที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะการติดต่อ โรคนี้ติดต่อทางเลือดและเพศสัมพันธ์ ซึ่งทางเพศสัมพันธ์ก็ติดค่อนข้างยากและผมไม่แนะนำให้เสี่ยง ถ้าท่านเคยมีอะไรมากับคนที่เป็นโรคนี้ ควรไปตรวจโดยระบุเชื้อไปเลยครับ ถึงแม้โรคนี้จะไม่ออกอาการใดๆ เลย แต่มันเป็นระเบิดเวลาดีๆนี่เอง
การบริจาคเลือดและอวัยวะ ไม่สามารถทำได้แม้จะรักษาหายแล้วนะครับ เพราะการตรวจเป็นการหา antibody-HCV ซึ่งจะพบในเลือดของผู้ที่เคยเป็นโรคนี้
สุดท้าย หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง
ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจผมมาตลอด
ไวรัสตับอักเสบซี การให้ชีวิตพร้อมระเบิดเวลา
ขอออกตัวว่าเป็นโพสต์แรกในชีวิตและน่าจะเป็นโพสต์สุดท้ายนะครับ
ผมตรวจพบเชื้อ HCV จากการบริจาคเลือดเมื่อประมาณปี 2546 โดยมีหนังสือแจ้งมาที่บ้านว่าท่านติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ตอนนั้นตกใจและงงมาก เพราะผมรับวัคซีนป้องกันตับอักเสบบีมาอย่างน้อย 2 ช่วงเวลาของชีวิตคือตั้งแต่วัยเด็กและวัยรุ่นก่อนทราบผลบริจาคเลือดเพียง 1 ปี
ในจดหมายทิ้งท้ายว่า ให้ท่านไปตรวจยืนยันได้ที่ธนาคารเลือดทุกแห่ง ผมจึงรีบไปตรวจซ้ำทันที ผลว่าปรากฏว่าเป็นไวรัสตับอักเสบซี
ในเมื่อเป็นแล้วก็เป็นครับ สืบหาสาเหตุก่อนเลยว่าติดมาจากไหน เพราะคนในครอบครัวไม่มีใครเป็นมาก่อน ก็ค้นพบว่าผมได้รับการถ่ายเลือดหลังคลอดจากพนักงานโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี เมื่อปี 2529 (ผู้ให้ชีวิตและติดระเบิดเวลามาในตัวผมอย่างไม่มีใครคิดมาก่อน) ซึ่งโรคนี้มีการค้นพบเมื่อปี 2532 เพราะฉะนั้นถ้าท่านไหนมีการรับเลือดหรืออวัยวะ มีพฤติกรรมเสี่ยงก่อนปี 2532 ควรไปตรวจหาโรคนี้นะครับ
ผมเริ่มเข้าขั้นตอนการรักษาที่ ร.พ. ศิริราชเมื่อปี 2557 หลังได้เข้าบรรจุเป็น พนง.รัฐวิสหากิจแห่งหนึ่ง (เพื่อใช้สิทธิ) ขั้นตอกแรกก็ตรวจหาเชื้อ หาสายพันธุ์ ดูจำนวนหรือ viral load ผลออกมาว่าผมเป็นสายพันธุ์ 1a หมอแจ้งว่าเป็นชนิดที่รักษายากที่สุดใน 6 สายพันธุ์ และมีจำนวน 2,XXX,XXX IU/mL และเข้าร่วมเป็นกรณีศึกษาของโรงพยาบาล (case study) โดยมีขั้นตอนวินิจฉัย ด้วยการเจาะชิ้นเนื้อในตับและทำ CT Scan โดยผลที่ได้คือตับยังสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยการทำร้ายของไวรัส อาจจะเป็นเพราะว่าผมออกกำลังกายมาโดยตลอดทำให้ยังคงแข็งแรงดี
การใช้ยาต้านไวรัส Sofosbuvir+Ravidasvir
ในตอนแรกๆ ของการรักษา หมอแจ้งว่าราคายาที่ใช้ตอนนั้นจะอยู่ที่ 2XX,XXX บาท และไม่สามารถเบิกได้ หมอบอกว่าให้รอก่อนครับ ติดตามอาการไปเรื่อยๆ ทุก 6 เดือน ค่ายาที่หมอแจ้งก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนถึงปี 2562 มียาที่มาจากประเทศอินเดียราคาประมาณ 30,000 บาท ถึงเวลาแล้วที่ต้องลอง ผมตัดสินใจรับคำหมอทันที กินยาวันละ 1 เม็ด 12 สัปดาห์ ติดตามผลทุก 1 เดือน ค่าตับของผมดีขึ้นตั้งแต่เดือนแรกที่ได้รับยา(หมอบอกว่าเชื้ออาจจะหมดแล้ว) แต่ต้องกินยาต้านไปให้ครบตามกำหนด ครบ 12 สัปดาห์ ระหว่างรับยาผมแทบไม่รู้สึกถึงอาการข้างเคียงเลยอาจจะมีเหนื่อยๆบ้าง แต่ไม่แน่ใจว่าเกิดจากยาหรือพักผ่อนน้อย หลังหยุดยาแล้ว 3 เดือน ไปตรวจหาจำนวนไวรัสหรือ viral load พบว่าไม่มีเชื้อแล้วครับ และต้องตรวจซ้ำอีก 1 ปี ก็ยืนยันแล้วครับว่าหายขาดจากโรคนี้ตามรูปด้านล่าง ซึ่งตอนนี้ผมหายแล้ว หลังจากที่เป็นโรคนี้มานานถึง 30+ ปี
ยังมีหลายท่านที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะการติดต่อ โรคนี้ติดต่อทางเลือดและเพศสัมพันธ์ ซึ่งทางเพศสัมพันธ์ก็ติดค่อนข้างยากและผมไม่แนะนำให้เสี่ยง ถ้าท่านเคยมีอะไรมากับคนที่เป็นโรคนี้ ควรไปตรวจโดยระบุเชื้อไปเลยครับ ถึงแม้โรคนี้จะไม่ออกอาการใดๆ เลย แต่มันเป็นระเบิดเวลาดีๆนี่เอง
การบริจาคเลือดและอวัยวะ ไม่สามารถทำได้แม้จะรักษาหายแล้วนะครับ เพราะการตรวจเป็นการหา antibody-HCV ซึ่งจะพบในเลือดของผู้ที่เคยเป็นโรคนี้
สุดท้าย หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง
ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจผมมาตลอด