
กราฟดาวโจนส์แทงเดือน ย้อนกลับไป 30 กว่าปี ไม่มีช่วงไหนที่ตลาดหุ้นดาวโจนส์ใช้เวลาตก 2 เดือนเยอะขนาดนี้ เหมือนลงลิฟต์ด่วนเลย
หลุดแนวรับเทรนไลน์ขาขึ้นในรอบ 12 ปี ตั้งแต่หลังวิกฤตซับไพม์ปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กราฟดาวโจนส์แท่งวัน หลุดแนวรับเทรนไลน์ขาขึ้นในรอบ 12 ปี ตั้งแต่หลังวิกฤตซับไพม์ปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่มาตรการที่ธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้ออกมากลับไม่สามารถทำให้คลายกังวลได้
ธนาคารกลางสหรัฐหั่นดอกเบี้ยเหลือ 0% ต่อปี โดยเป็นการลดรวดเดียวถึง 1% (ปกติกจะลดครั้งละ 0.25%) ซึ่งถือเป็นการ action ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พร้อมกันนี้ได้อัดฉีดเงินเข้าระบบกว่า 22.4 ล้านล้านบาท
หลังการประกาศ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส กลับปรับตัวลดลงทันที 900 จุด
-ติดตามข่าวเศรษฐกิจ แบบ deep content ได้ในแอป Blockdit โหลด blockdit.com/download
Cr. ลงทุนแมน
ต้องรอดูว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมีมาตรการอะไรออกมามากกว่านี้อีกหรือไม่นอกจากการอัด QE เข้าไปในระบบ เพราะดอกเบี้ยลดลงไปเหลือ 0%
ไม่สามารถลดไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ระเบิดปรมาณู กองทุนดัชนี /โดย ลงทุนแมน
หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ตลาดทุนหลายแห่งทั่วโลก
ก็ฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่สิ่งที่ได้รับความนิยมควบคู่กับการฟื้นตัวของตลาดทุนก็คือ กองทุนดัชนี..
กองทุนดัชนี (Index Funds) เป็นกองทุนในลักษณะเชิงรับ (Passive Fund) ที่เมื่อผู้ซื้อกองทุน ผู้จัดการกองทุนก็จะเข้าไปซื้อหุ้นที่อยู่ในดัชนีนั้น
โดยปกติแล้ว กองทุนดัชนี จะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ากองทุนประเภทอื่น เพราะผู้จัดการกองทุนไม่ต้องใช้เวลาในการคิดวิเคราะห์ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหาร
กองทุนดัชนีจึงกลายมาเป็นเครื่องมือการลงทุนยอดนิยม สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับผลตอบแทนระดับเดียวกันกับตลาด
ปี 2009 ดัชนีดาวโจนส์ 7,955 จุด
ปี 2020 ดัชนีดาวโจนส์ 28,508 จุด
จะเห็นได้ว่าตลอด 11 ปี ไม่ว่าเราจะลงทุนกองทุนดัชนีประเทศสหรัฐอเมริกาตอนไหน
เราก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม กองทุนอิงดัชนีก็ได้สร้างความเสี่ยง
ประเภทหนึ่งที่เราอาจคาดไม่ถึงขึ้นมา
แล้วความเสี่ยงนั้นคืออะไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
----------------------
<ad> “1-2-3 คำถาม Facebook” หนังสือที่รวบรวมคำถามและข้อสงสัยที่ถูกถามบ่อยๆ จากเหล่าเจ้าของธุรกิจ โดย Digital Tips Academy
----------------------
ความเสี่ยงของกองทุนดัชนีนั่นก็คือ “สภาพคล่อง”
กองทุนดัชนี คือ กองทุนที่มัดรวมหลายๆธุรกิจรวมกันไว้
ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กองทุนดัชนีประเทศไทยส่วนใหญ่
ก็จะประกอบไปด้วยเงินลงทุนในหุ้น เช่น PTT, AOT และ CPALL
ในสภาวะปกติ เราจะไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากเท่าไหร่
แต่เรื่องนี้กลับแสดงออกมาชัดเจนที่สุด
ตอนตลาดหุ้นมีความเคลื่อนไหวรุนแรง
ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนสุดนั่นก็คือ ตอนนี้..
สถานการณ์โรคระบาด
สงครามราคาน้ำมัน
สหรัฐฯ แบนไม่ให้เดินทางไปยุโรป
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้น ถูกแรงเทขายกระหน่ำทั่วโลก
นั่นก็รวมไปถึงผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนดัชนีที่ต่างพร้อมใจกันเทหน่วยลงทุนทิ้งพร้อมกัน
และเมื่อคนที่ถือกองทุนดัชนี ส่วนใหญ่จะถือหุ้นคล้ายๆกัน
นั่นก็เหมือนว่ามีแต่คนอยากออก ทั้งที่ทางออกมีประตูเล็กๆอยู่บานเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การแย่งขายทุกราคา..
ทีนี้ เราลองมาดูตัวอย่างเหตุการณ์ที่กองทุนดัชนีถูกเทขายที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ปี 2018 ดอนัลด์ ทรัมป์ประกาศสงครามการค้ากับประเทศจีน
มูลค่าเทขายกองทุนดัชนี SPDR S&P 500 ETF คือ 7.6 แสนล้านบาทใน 1 สัปดาห์
ปี 2020 โรคระบาด COVID-19 เริ่มระบาดหนักในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
มูลค่าเทขายกองทุนดัชนี SPDR S&P 500 ETF คือ 6.3 แสนล้านบาทใน 1 สัปดาห์
ในขณะที่ หุ้นในดัชนี S&P กว่า 266 บริษัทมีมูลค่าซื้อขายต่ำกว่า 4.6 พันล้านบาท ต่อหุ้นในแต่ละวัน
หมายความว่า หากกองทุนเกิด Panic ขายสินทรัพย์พร้อมๆกัน
สภาพคล่องของหุ้นในแต่ละบริษัทจะไม่พอต่อการซื้อขาย..
เรื่องนี้ Michael Burry ผู้ทำนายวิกฤตซับไพรม์ปี 2008
ก็ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับกองทุนดัชนีปลายปีที่ผ่านมา
เขาให้ความเห็นว่ากองทุนดัชนีมีลักษณะคล้ายหลักทรัพย์ CDOs (Collateralized Debt Obligations) ที่นำสินเชื่อที่อยู่อาศัยคุณภาพดีมามัดรวมกับสินเชื่อด้อยคุณภาพ
ซึ่งหลักทรัพย์ CDOs ก็เป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วทุกมุมโลก
Michael Burry เปรียบเทียบสภาพคล่องกับโรงหนังที่มีแต่คนแห่เข้าไปดูมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน
แต่ทางออกก็ยังมีทางเดียวเหมือนเดิม..
จริงอยู่ว่ากองทุนดัชนีประกอบด้วยหุ้นหลายบริษัทที่มั่นคง
ต่างจากสินเชื่อด้อยคุณภาพเมื่อ 12 ปีก่อน
ซึ่งยากที่จะกลายไปเป็นฟองสบู่
อย่างไรก็ตาม การถูกถล่มเทขายพร้อมๆกัน
มันก็เหมือนระเบิดปรมาณูถล่มเข้าใส่ตลาดหุ้นรุนแรง
รุนแรงในระดับที่ดัชนี ลบระดับ 10% วันเว้นวัน..
ปิดท้ายด้วยคำตอบของ Michael Burry
กับคำถามที่ว่ากองทุนดัชนีจะกลายไปเป็นฟองสบู่เมื่อไหร่?
“มันก็เหมือนวิกฤตฟองสบู่ทุกครั้ง
ผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหน
แต่ที่แน่ๆ ยิ่งปล่อยไปนานเท่าไร
หายนะของมันก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น..”
Cr. ลงทุนแมน
สรุปเหตุการณ์ วันที่ตลาดหุ้นสหรัฐตกมากสุดในประวัติศาสตร์ /โดย ลงทุนแมน
-เราเคยเจอสิ่งที่แย่ จนต้องหยิกตัวเองว่ามันไม่ใช่ฝันร้ายไหม?
-สิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นกับทั่วโลกในตอนนี้ และไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
-และนี่คือการสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดแบบสั้นๆ ที่เราสามารถจดบันทึกไว้เพื่อเล่าให้ลูกหลานฟังในอนาคต ว่าวันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร วันที่ตลาดหุ้นสหรัฐตกมากสุดในประวัติศาสตร์
1-เหตุเริ่มต้นขึ้นจากคืนวันที่ 15 มีนาคม ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ลดดอกเบี้ยครั้งประวัติศาสตร์โดยลดรวดเดียวจาก 1% เหลือ 0% ซึ่งปกติแล้ว FED จะลดทีละ 0.25% แต่คราวนี้ลดรวดเดียว 1%
2-การที่ดอกเบี้ยลดรวดเร็วแบบนี้ ปกติแล้วตลาดจะมีผลตอบรับไปในทิศทางบวก แต่คราวนี้เรื่องกลับตรงกันข้าม ทันทีประกาศ ตลาดซื้อขายล่วงหน้าดัชนีดาวโจนส์กลับปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว จนมาแตะ Circuit Breaker ที่ -5% ทำให้หยุดการพักการซื้อขายดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้า ชั่วคราว
3-ทีนี้ตลาดเอเชียที่ยังเปิดอยู่ก็วุ่น เพราะดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลงไปรอแล้ว โดนหยุดพักการซื้อขายด้วย ตลาดเอเชียที่เริ่มซื้อขายก่อนสหรัฐในวันที่ 16 มีนาคม จึงพากันลงระเนระนาด ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นไทย
4-พอตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการวันที่ 16 มีนาคม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตลาดหุ้นสหรัฐโดน Circuit Breaker ทันที ที่ -7% แทบเสี้ยววินาทีที่เปิดตลาดก็หยุดการซื้อขายไป 15 นาที จนบางหุ้นยังไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเลย
5-พอตลาดกลับมาเปิดอีกครั้งก็ลงต่อ จนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ -12.93% ถ้าให้นับในประวัติศาสตร์ดัชนีดาวโจนส์วันนี้ลดลงเป็นจำนวนจุดมากสุด ที่ 2,997.10 จุด แต่ถ้าให้นับเป็นเปอร์เซ็นต์ จะถือว่าเป็นอันดับ 2 ที่ดัชนีดาวโจนส์ลดลงมากสุดในประวัติศาสตร์ เป็นรองเพียงเหตุการณ์ในปี 1987
6-ยกตัวอย่างหุ้นที่ปรับตัวแรงในวันนี้ เช่น หุ้นกาสิโน MGM ลดลง -33.6% ภายในวันเดียว หุ้นเรือสำราญ Carnival ลดลง -17.1% ภายในวันเดียว หรือแม้แต่หุ้นโรงแรมอย่าง InterCon ก็ลดลง -20.3% ภายในวันเดียว
7-สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ตอนนี้ธนาคารกลางสหรัฐได้ใช้กระสุนสำหรับดอกเบี้ยนโยบาย หมดลงแล้ว เพราะต่ำจนติด 0 แล้ว ที่เหลือก็จะมีแต่การเพิ่มสภาพคล่องแบบ QE ที่เคยทำมา หรือ การใช้นโยบายการคลังของภาครัฐในการใช้จ่ายเงิน
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพ ตอนนี้กำลังมีซอมบี้วิ่งไล่เรามา แต่ตอนนี้เราได้ยิงปืนจนกระสุนหมดแล้ว เหลือแต่มีด หรือดาบข้างกายเราเท่านั้น
ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร เราอาจจะเก่ง ใช้มีดแทงซอมบี้ได้ หรือซ่อนตัวไม่ให้ซอมบี้หาเราเจอ
แต่บอกได้เลยว่า ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงคับขัน
จนเราอาจไม่รู้ตัวว่า
ตอนนี้เราอาจโดน ซอมบี้กัดไปแล้ว ก็เป็นได้..
-แหล่งรวมบทความลึกๆแบบ deep content ถ้าชอบอ่านแบบนี้ โหลดแอป Blockdit มีอีกเพียบ Blockdit.com/download
Cr. ลงทุนแมน
ดาวโจนส์หลุดเทรนไลน์ในรอบ 12 ปี เรียบร้อย ในขณะที่มาตรการลดดอกเบี้ยใช้ไปหมดแล้ว เหลือแต่อัด QE อย่างเดียว
กราฟดาวโจนส์แทงเดือน ย้อนกลับไป 30 กว่าปี ไม่มีช่วงไหนที่ตลาดหุ้นดาวโจนส์ใช้เวลาตก 2 เดือนเยอะขนาดนี้ เหมือนลงลิฟต์ด่วนเลย
หลุดแนวรับเทรนไลน์ขาขึ้นในรอบ 12 ปี ตั้งแต่หลังวิกฤตซับไพม์ปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กราฟดาวโจนส์แท่งวัน หลุดแนวรับเทรนไลน์ขาขึ้นในรอบ 12 ปี ตั้งแต่หลังวิกฤตซับไพม์ปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่มาตรการที่ธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้ออกมากลับไม่สามารถทำให้คลายกังวลได้
ธนาคารกลางสหรัฐหั่นดอกเบี้ยเหลือ 0% ต่อปี โดยเป็นการลดรวดเดียวถึง 1% (ปกติกจะลดครั้งละ 0.25%) ซึ่งถือเป็นการ action ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พร้อมกันนี้ได้อัดฉีดเงินเข้าระบบกว่า 22.4 ล้านล้านบาท
หลังการประกาศ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส กลับปรับตัวลดลงทันที 900 จุด
-ติดตามข่าวเศรษฐกิจ แบบ deep content ได้ในแอป Blockdit โหลด blockdit.com/download
Cr. ลงทุนแมน
ต้องรอดูว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมีมาตรการอะไรออกมามากกว่านี้อีกหรือไม่นอกจากการอัด QE เข้าไปในระบบ เพราะดอกเบี้ยลดลงไปเหลือ 0%
ไม่สามารถลดไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ระเบิดปรมาณู กองทุนดัชนี /โดย ลงทุนแมน
หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ตลาดทุนหลายแห่งทั่วโลก
ก็ฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่สิ่งที่ได้รับความนิยมควบคู่กับการฟื้นตัวของตลาดทุนก็คือ กองทุนดัชนี..
กองทุนดัชนี (Index Funds) เป็นกองทุนในลักษณะเชิงรับ (Passive Fund) ที่เมื่อผู้ซื้อกองทุน ผู้จัดการกองทุนก็จะเข้าไปซื้อหุ้นที่อยู่ในดัชนีนั้น
โดยปกติแล้ว กองทุนดัชนี จะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ากองทุนประเภทอื่น เพราะผู้จัดการกองทุนไม่ต้องใช้เวลาในการคิดวิเคราะห์ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหาร
กองทุนดัชนีจึงกลายมาเป็นเครื่องมือการลงทุนยอดนิยม สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับผลตอบแทนระดับเดียวกันกับตลาด
ปี 2009 ดัชนีดาวโจนส์ 7,955 จุด
ปี 2020 ดัชนีดาวโจนส์ 28,508 จุด
จะเห็นได้ว่าตลอด 11 ปี ไม่ว่าเราจะลงทุนกองทุนดัชนีประเทศสหรัฐอเมริกาตอนไหน
เราก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม กองทุนอิงดัชนีก็ได้สร้างความเสี่ยง
ประเภทหนึ่งที่เราอาจคาดไม่ถึงขึ้นมา
แล้วความเสี่ยงนั้นคืออะไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
----------------------
<ad> “1-2-3 คำถาม Facebook” หนังสือที่รวบรวมคำถามและข้อสงสัยที่ถูกถามบ่อยๆ จากเหล่าเจ้าของธุรกิจ โดย Digital Tips Academy
----------------------
ความเสี่ยงของกองทุนดัชนีนั่นก็คือ “สภาพคล่อง”
กองทุนดัชนี คือ กองทุนที่มัดรวมหลายๆธุรกิจรวมกันไว้
ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กองทุนดัชนีประเทศไทยส่วนใหญ่
ก็จะประกอบไปด้วยเงินลงทุนในหุ้น เช่น PTT, AOT และ CPALL
ในสภาวะปกติ เราจะไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากเท่าไหร่
แต่เรื่องนี้กลับแสดงออกมาชัดเจนที่สุด
ตอนตลาดหุ้นมีความเคลื่อนไหวรุนแรง
ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนสุดนั่นก็คือ ตอนนี้..
สถานการณ์โรคระบาด
สงครามราคาน้ำมัน
สหรัฐฯ แบนไม่ให้เดินทางไปยุโรป
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้น ถูกแรงเทขายกระหน่ำทั่วโลก
นั่นก็รวมไปถึงผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนดัชนีที่ต่างพร้อมใจกันเทหน่วยลงทุนทิ้งพร้อมกัน
และเมื่อคนที่ถือกองทุนดัชนี ส่วนใหญ่จะถือหุ้นคล้ายๆกัน
นั่นก็เหมือนว่ามีแต่คนอยากออก ทั้งที่ทางออกมีประตูเล็กๆอยู่บานเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การแย่งขายทุกราคา..
ทีนี้ เราลองมาดูตัวอย่างเหตุการณ์ที่กองทุนดัชนีถูกเทขายที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ปี 2018 ดอนัลด์ ทรัมป์ประกาศสงครามการค้ากับประเทศจีน
มูลค่าเทขายกองทุนดัชนี SPDR S&P 500 ETF คือ 7.6 แสนล้านบาทใน 1 สัปดาห์
ปี 2020 โรคระบาด COVID-19 เริ่มระบาดหนักในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
มูลค่าเทขายกองทุนดัชนี SPDR S&P 500 ETF คือ 6.3 แสนล้านบาทใน 1 สัปดาห์
ในขณะที่ หุ้นในดัชนี S&P กว่า 266 บริษัทมีมูลค่าซื้อขายต่ำกว่า 4.6 พันล้านบาท ต่อหุ้นในแต่ละวัน
หมายความว่า หากกองทุนเกิด Panic ขายสินทรัพย์พร้อมๆกัน
สภาพคล่องของหุ้นในแต่ละบริษัทจะไม่พอต่อการซื้อขาย..
เรื่องนี้ Michael Burry ผู้ทำนายวิกฤตซับไพรม์ปี 2008
ก็ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับกองทุนดัชนีปลายปีที่ผ่านมา
เขาให้ความเห็นว่ากองทุนดัชนีมีลักษณะคล้ายหลักทรัพย์ CDOs (Collateralized Debt Obligations) ที่นำสินเชื่อที่อยู่อาศัยคุณภาพดีมามัดรวมกับสินเชื่อด้อยคุณภาพ
ซึ่งหลักทรัพย์ CDOs ก็เป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วทุกมุมโลก
Michael Burry เปรียบเทียบสภาพคล่องกับโรงหนังที่มีแต่คนแห่เข้าไปดูมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน
แต่ทางออกก็ยังมีทางเดียวเหมือนเดิม..
จริงอยู่ว่ากองทุนดัชนีประกอบด้วยหุ้นหลายบริษัทที่มั่นคง
ต่างจากสินเชื่อด้อยคุณภาพเมื่อ 12 ปีก่อน
ซึ่งยากที่จะกลายไปเป็นฟองสบู่
อย่างไรก็ตาม การถูกถล่มเทขายพร้อมๆกัน
มันก็เหมือนระเบิดปรมาณูถล่มเข้าใส่ตลาดหุ้นรุนแรง
รุนแรงในระดับที่ดัชนี ลบระดับ 10% วันเว้นวัน..
ปิดท้ายด้วยคำตอบของ Michael Burry
กับคำถามที่ว่ากองทุนดัชนีจะกลายไปเป็นฟองสบู่เมื่อไหร่?
“มันก็เหมือนวิกฤตฟองสบู่ทุกครั้ง
ผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหน
แต่ที่แน่ๆ ยิ่งปล่อยไปนานเท่าไร
หายนะของมันก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น..”
Cr. ลงทุนแมน
สรุปเหตุการณ์ วันที่ตลาดหุ้นสหรัฐตกมากสุดในประวัติศาสตร์ /โดย ลงทุนแมน
-เราเคยเจอสิ่งที่แย่ จนต้องหยิกตัวเองว่ามันไม่ใช่ฝันร้ายไหม?
-สิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นกับทั่วโลกในตอนนี้ และไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
-และนี่คือการสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดแบบสั้นๆ ที่เราสามารถจดบันทึกไว้เพื่อเล่าให้ลูกหลานฟังในอนาคต ว่าวันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร วันที่ตลาดหุ้นสหรัฐตกมากสุดในประวัติศาสตร์
1-เหตุเริ่มต้นขึ้นจากคืนวันที่ 15 มีนาคม ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ลดดอกเบี้ยครั้งประวัติศาสตร์โดยลดรวดเดียวจาก 1% เหลือ 0% ซึ่งปกติแล้ว FED จะลดทีละ 0.25% แต่คราวนี้ลดรวดเดียว 1%
2-การที่ดอกเบี้ยลดรวดเร็วแบบนี้ ปกติแล้วตลาดจะมีผลตอบรับไปในทิศทางบวก แต่คราวนี้เรื่องกลับตรงกันข้าม ทันทีประกาศ ตลาดซื้อขายล่วงหน้าดัชนีดาวโจนส์กลับปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว จนมาแตะ Circuit Breaker ที่ -5% ทำให้หยุดการพักการซื้อขายดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้า ชั่วคราว
3-ทีนี้ตลาดเอเชียที่ยังเปิดอยู่ก็วุ่น เพราะดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลงไปรอแล้ว โดนหยุดพักการซื้อขายด้วย ตลาดเอเชียที่เริ่มซื้อขายก่อนสหรัฐในวันที่ 16 มีนาคม จึงพากันลงระเนระนาด ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นไทย
4-พอตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการวันที่ 16 มีนาคม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตลาดหุ้นสหรัฐโดน Circuit Breaker ทันที ที่ -7% แทบเสี้ยววินาทีที่เปิดตลาดก็หยุดการซื้อขายไป 15 นาที จนบางหุ้นยังไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเลย
5-พอตลาดกลับมาเปิดอีกครั้งก็ลงต่อ จนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ -12.93% ถ้าให้นับในประวัติศาสตร์ดัชนีดาวโจนส์วันนี้ลดลงเป็นจำนวนจุดมากสุด ที่ 2,997.10 จุด แต่ถ้าให้นับเป็นเปอร์เซ็นต์ จะถือว่าเป็นอันดับ 2 ที่ดัชนีดาวโจนส์ลดลงมากสุดในประวัติศาสตร์ เป็นรองเพียงเหตุการณ์ในปี 1987
6-ยกตัวอย่างหุ้นที่ปรับตัวแรงในวันนี้ เช่น หุ้นกาสิโน MGM ลดลง -33.6% ภายในวันเดียว หุ้นเรือสำราญ Carnival ลดลง -17.1% ภายในวันเดียว หรือแม้แต่หุ้นโรงแรมอย่าง InterCon ก็ลดลง -20.3% ภายในวันเดียว
7-สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ตอนนี้ธนาคารกลางสหรัฐได้ใช้กระสุนสำหรับดอกเบี้ยนโยบาย หมดลงแล้ว เพราะต่ำจนติด 0 แล้ว ที่เหลือก็จะมีแต่การเพิ่มสภาพคล่องแบบ QE ที่เคยทำมา หรือ การใช้นโยบายการคลังของภาครัฐในการใช้จ่ายเงิน
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพ ตอนนี้กำลังมีซอมบี้วิ่งไล่เรามา แต่ตอนนี้เราได้ยิงปืนจนกระสุนหมดแล้ว เหลือแต่มีด หรือดาบข้างกายเราเท่านั้น
ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร เราอาจจะเก่ง ใช้มีดแทงซอมบี้ได้ หรือซ่อนตัวไม่ให้ซอมบี้หาเราเจอ
แต่บอกได้เลยว่า ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงคับขัน
จนเราอาจไม่รู้ตัวว่า
ตอนนี้เราอาจโดน ซอมบี้กัดไปแล้ว ก็เป็นได้..
-แหล่งรวมบทความลึกๆแบบ deep content ถ้าชอบอ่านแบบนี้ โหลดแอป Blockdit มีอีกเพียบ Blockdit.com/download
Cr. ลงทุนแมน