16/3/2563 0.17 น. เพิ่มเติมค่ะ
ผู้มีความเสี่ยงตามเงื่อนไข สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ฟรี ส่วนผู้ไม่มีความเสี่ยง แต่ต้องการตรวจหาเชื้อ ต้องจ่ายค่าตรวจเอง ในโรงพยาบาลที่ให้บริการ
วันนี้ (15 มี.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ล่าสุดมีผู้ป่วยในไทย 82 ราย ขณะที่ ในประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่จะต้องเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงเข้าข่าย ตามเงื่อนไขดังนี้
1. มีไข้หรือวัดอุณหภูมิร่างกายได้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ร่วมกับมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเร็ว หรือหายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก
2. มีประวัติเดินทางไปหรือกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการรายงานการระบาดของโรค ติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิด-19
3. มีประวัติใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่ที่มีการรายงานการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
4. มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
5. เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ป่วยสงสัยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ขณะที่ ผู้ไม่มีความเสี่ยงเข้าข่ายตามเงื่อนไขดังกล่าว แต่มีความประสงค์ต้องการตรวจหาเชื้อ จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
สำหรับรายชื่อโรงพยาบาลที่ให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และราคาสำหรับผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เช่น
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคา 3,000 – 6,000 บาท
- โรงพยาบาลราชวิถีผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคา 3,000 – 6,000 บาท
- โรงพยาบาลรามาธิบดีผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคา 5,000 บาทขึ้นไป
- โรงพยาบาลพญาไท 2 ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคาประมาณ 6,100 บาท,
- โรงพยาบาลแพทย์รังสิต ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคาประมาณ 8,000 บาท
- สถาบันบำราศนราดูร ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคาประมาณ 2,500 บาท
- โรงพยาบาลพระราม 9 ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย 8,000 – 10,000 บาท
- โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล พระประแดง ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคา 5,000 บาทขึ้นไป
ขอบคุณที่มา
https://www.tnnthailand.com/content/32033

บริษัท ศิริบัญชา จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย แอลกอฮอล์ 70% ระบุผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า จากกรณีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้สินค้ากลุ่มแอลกอฮอลล์เป็นที่ต้องการอย่างมาก บริษัทฯ ได้รับรู้และตระหนักถึงปัญหานี้และมีความห่วงใย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้แอลกอฮอลล์ในชีวิตประจำวัน จึงมีนโยบายเร่งด่วนเปิดจำหน่ายแอลกอฮอลล์ 70% โซลูชั่น (แบบน้ำ) ให้ผู้ป่วยโดยตรงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
ทั้งนี้ สามารถติดต่อได้ผ่านทางช่องข้อความ (message) หน้าเพจศิริบัญชา พร้อมแสดงหลักฐานบัตรประจำตัวผู้ป่วยและแนบหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยขอความร่วมมือจากลูกค้าทั่วไปในการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ความจำเป็นเร่งด่วนได้ติดต่อเข้ามาก่อน เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มผู้ป่วยที่มีความจำเป็นสามารถเข้าถึงสินค้า
ที่มา
https://www.facebook.com/siribuncha/photos/a.1500036956700640/2814162161954773
พอดีจขกท.อ่านบทความมาค่ะ รอความชัดเจนอีกทีนะคะ
ตามที่ความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และการรักษา นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นพ.ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ภายใน 72 ชั่วโมง เช่น มีอาการหัวใจหยุดเต้น เป็นต้น จะเข้าสู่การรักษาแบบ Universal Coverage for Emergency Patients (UCEP) เป็นไปตามหลักการปฏิบัติทุกโรงพยาบาล และเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนไทยเมื่อมีอาการป่วย ก็สามารถใช้สิทธิประกันสังคมเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีสิทธิได้ทันที และโดยเฉพาะบุคคลที่มีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสฯ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง สามารถเข้ารับการรักษาได้ฟรีได้ทุกโรงพยาบาล รวมถึงโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งกลุ่มนี้หากไม่สามารถไปโรงพยาบาลเองได้สามารถติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 สายด่วน 1111 และ 1669 ให้เจ้าหน้าที่ไปรับที่บ้านได้เลยส่วนเป็นบุคคลที่ไม่มีอาการ ก็ไม่จำเป็นต้องไปตรวจ เพราะจะต้องเสียค่าบริการ
สำหรับผู้ป่วยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 อาการไม่หนักสามารถรักษาได้ แต่ก็ได้เตรียมระบบรองรับผู้ป่วยหนัก ซึ่งโรงพยาบาลต่างๆสามารถส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบำราศนราดูร หรือ รพ.ราชวิถี ได้ เนื่องจากเป็นสถานพยาบาลที่มีเครื่องมือและแพทย์เฉพาะโรคเพียงพอ
นพ.รุ่งเรืองกล่าวด้วยว่า ไม่ว่าสถานการณ์ของโรคจะอยู่ในระดับใด สิ่งสำคัญคือเปลี่ยนความกลัวเป็นความรู้ที่ถูกต้อง ร่วมรับผิดชอบกับสังคม จึงไม่มีความจำเป็นต้องกักตุนสินค้า และอีกไม่นานนี้จะมีวัคซีนที่คาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนา 6 เดือน - 1 ปีหลังการแพร่ระบาด ดังนั้นในวันนี้จึงขอว่า อย่าแชร์ข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพจิตซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่มากกว่าการแพร่ระบาด และขออย่ารังเกียจแรงงานไทยที่มาจากต่างประเทศ เพราะได้ผ่านการคัดกรองทั้งจากต้นทางและในประเทศมาเป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีระบบติดตามตัวเมื่อส่งกลับบ้านแล้ว จึงพูดได้ว่ามาตรฐานไทยในการดูแลคัดกรอง ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯ สูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดเอาไว้
ขอบคุณที่มา
https://www.js100.com/en/site/news/view/84226
แพทย์ระบุ ผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 ตรวจและรักษาฟรีทุกโรงพยาบาล
ผู้มีความเสี่ยงตามเงื่อนไข สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ฟรี ส่วนผู้ไม่มีความเสี่ยง แต่ต้องการตรวจหาเชื้อ ต้องจ่ายค่าตรวจเอง ในโรงพยาบาลที่ให้บริการ
วันนี้ (15 มี.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ล่าสุดมีผู้ป่วยในไทย 82 ราย ขณะที่ ในประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่จะต้องเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงเข้าข่าย ตามเงื่อนไขดังนี้
1. มีไข้หรือวัดอุณหภูมิร่างกายได้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ร่วมกับมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเร็ว หรือหายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก
2. มีประวัติเดินทางไปหรือกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการรายงานการระบาดของโรค ติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิด-19
3. มีประวัติใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่ที่มีการรายงานการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
4. มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
5. เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ป่วยสงสัยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ขณะที่ ผู้ไม่มีความเสี่ยงเข้าข่ายตามเงื่อนไขดังกล่าว แต่มีความประสงค์ต้องการตรวจหาเชื้อ จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
สำหรับรายชื่อโรงพยาบาลที่ให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และราคาสำหรับผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เช่น
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคา 3,000 – 6,000 บาท
- โรงพยาบาลราชวิถีผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคา 3,000 – 6,000 บาท
- โรงพยาบาลรามาธิบดีผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคา 5,000 บาทขึ้นไป
- โรงพยาบาลพญาไท 2 ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคาประมาณ 6,100 บาท,
- โรงพยาบาลแพทย์รังสิต ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคาประมาณ 8,000 บาท
- สถาบันบำราศนราดูร ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคาประมาณ 2,500 บาท
- โรงพยาบาลพระราม 9 ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย 8,000 – 10,000 บาท
- โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล พระประแดง ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ เสียค่าใช้จ่าย ราคา 5,000 บาทขึ้นไป
ขอบคุณที่มา https://www.tnnthailand.com/content/32033
บริษัท ศิริบัญชา จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย แอลกอฮอล์ 70% ระบุผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า จากกรณีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้สินค้ากลุ่มแอลกอฮอลล์เป็นที่ต้องการอย่างมาก บริษัทฯ ได้รับรู้และตระหนักถึงปัญหานี้และมีความห่วงใย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้แอลกอฮอลล์ในชีวิตประจำวัน จึงมีนโยบายเร่งด่วนเปิดจำหน่ายแอลกอฮอลล์ 70% โซลูชั่น (แบบน้ำ) ให้ผู้ป่วยโดยตรงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
ทั้งนี้ สามารถติดต่อได้ผ่านทางช่องข้อความ (message) หน้าเพจศิริบัญชา พร้อมแสดงหลักฐานบัตรประจำตัวผู้ป่วยและแนบหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยขอความร่วมมือจากลูกค้าทั่วไปในการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ความจำเป็นเร่งด่วนได้ติดต่อเข้ามาก่อน เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มผู้ป่วยที่มีความจำเป็นสามารถเข้าถึงสินค้า
ที่มา https://www.facebook.com/siribuncha/photos/a.1500036956700640/2814162161954773
พอดีจขกท.อ่านบทความมาค่ะ รอความชัดเจนอีกทีนะคะ
ตามที่ความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และการรักษา นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นพ.ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ภายใน 72 ชั่วโมง เช่น มีอาการหัวใจหยุดเต้น เป็นต้น จะเข้าสู่การรักษาแบบ Universal Coverage for Emergency Patients (UCEP) เป็นไปตามหลักการปฏิบัติทุกโรงพยาบาล และเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนไทยเมื่อมีอาการป่วย ก็สามารถใช้สิทธิประกันสังคมเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีสิทธิได้ทันที และโดยเฉพาะบุคคลที่มีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสฯ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง สามารถเข้ารับการรักษาได้ฟรีได้ทุกโรงพยาบาล รวมถึงโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งกลุ่มนี้หากไม่สามารถไปโรงพยาบาลเองได้สามารถติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 สายด่วน 1111 และ 1669 ให้เจ้าหน้าที่ไปรับที่บ้านได้เลยส่วนเป็นบุคคลที่ไม่มีอาการ ก็ไม่จำเป็นต้องไปตรวจ เพราะจะต้องเสียค่าบริการ
สำหรับผู้ป่วยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 อาการไม่หนักสามารถรักษาได้ แต่ก็ได้เตรียมระบบรองรับผู้ป่วยหนัก ซึ่งโรงพยาบาลต่างๆสามารถส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบำราศนราดูร หรือ รพ.ราชวิถี ได้ เนื่องจากเป็นสถานพยาบาลที่มีเครื่องมือและแพทย์เฉพาะโรคเพียงพอ
นพ.รุ่งเรืองกล่าวด้วยว่า ไม่ว่าสถานการณ์ของโรคจะอยู่ในระดับใด สิ่งสำคัญคือเปลี่ยนความกลัวเป็นความรู้ที่ถูกต้อง ร่วมรับผิดชอบกับสังคม จึงไม่มีความจำเป็นต้องกักตุนสินค้า และอีกไม่นานนี้จะมีวัคซีนที่คาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนา 6 เดือน - 1 ปีหลังการแพร่ระบาด ดังนั้นในวันนี้จึงขอว่า อย่าแชร์ข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพจิตซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่มากกว่าการแพร่ระบาด และขออย่ารังเกียจแรงงานไทยที่มาจากต่างประเทศ เพราะได้ผ่านการคัดกรองทั้งจากต้นทางและในประเทศมาเป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีระบบติดตามตัวเมื่อส่งกลับบ้านแล้ว จึงพูดได้ว่ามาตรฐานไทยในการดูแลคัดกรอง ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯ สูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดเอาไว้
ขอบคุณที่มา https://www.js100.com/en/site/news/view/84226