ประสบการณ์ จีบผู้หญิงเป็นโรคซึมเศร้า

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วนะครับ
และยาวมากๆ จะมาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ถ้าอ่านไม่ไหวผ่านเลยครับ
คือตัวผมเองเนี่ยปกติไม่กล้าไปจีบใครหรอก เพราะรู้จักเจียมตัวเอง เบ้าหน้าไม่ได้ และเป็นผู้ชายที่ไม่สูง ( เตี้ย )
เพราะงั้นผู้หญิงในอุดมคติของผมไม่จำเป็นต้องหน้าตาดี ออกไปทางขี้เหร่ด้วยซ้ำ
แล้วก็ในชีวิตไม่ได้มีโมเม้นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หอมหวานอะไรแบบคนอื่นเขา

ผู้หญิงที่ผมชอบ ผมจะชอบจากไลฟ์สไตน์ที่เข้ากันได้ อย่างฟังเพลงแมส ไม่แมสได้หมด ออกลุยๆ ไม่คุณหนู
ชอบศิลปะ ชอบถ่ายรูป รักการแบกเป้ รักการเดินทาง ไม่ใช่สายตื๊ด ไม่ไปสถานที่อโคจร
เป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่ สักได้ เจาะหู,ระเบิดหูได้ ดื่มได้(แต่ตัวผมเองไม่ดื่ม)
อยากจะผมสั้น ผมยาว ผมหลากสี ผมกระเซิง บลาๆ เรื่องพวกนี้ผมไม่ซีเรียส
เพราะผู้หญิงสไตน์นี้จะติสแตกมาก แล้วก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูง แล้วก็สุดในแนวทาง

จนเมื่อกลางๆเดินมิถุนา ปีที่แล้ว เขามาคอมเม้นในโพสที่ผมเปิดสาธารณะ ขอลิ้งค์ไฟล์เพลงใหม่ เพราะลิ้งค์เก่ามันตายแล้ว
คือเขาเป็น Fc ตามมาจากเพลงของผมใน youtube นั่นล่ะ
ผมเห็นเลยอัพลิ้งค์ให้ใหม่ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกครับ พอดีกำลังยุ่งๆกับงาน
พอว่างผมเลยไปส่องอีกทีแล้วนึกขึ้นได้ เฮ้ย เพลงเรามีสาวๆมาฟังด้วยว่ะ 555+ ปกติ 999999.9% จะเป็นผู้ชายทั้งนั้น มีหลุดมาไงคนนึง
ผมเลยตัดสินใจกดแอดไปหาเขาเลย แล้วเขาก็รับแอด

แล้วด้วยความที่นิสัยผมคือจะไม่แอดหาใครก่อน ค่อนข้างเฉยๆกับผู้หญิงด้วย เห็นสวย หรือหน้าอกตูมล้นจอก็ไม่เคยสนใจ
แต่กับคนนี้ทำให้ต่อมอยาก เสรือกผมทำงานสะงั้น เพราะเขาชื่นชอบเพลงเราถึงขนาดตามหาเฟสเจอ
ผมเลยไปส่องเฟสเขา ส่องรูป ดูการคุย การสนทนากับเพื่อน ดูรวมๆว่าเขาเป็นคนยังไง สไตน์ไหน
โอ้โห้วววว โป๊ะแตก ไลฟ์สไตน์เขาตรงกับผู้หญิงในอุดมคติผมมาก
ชอบถ่ายรูป สาวแบกเป้เที่ยวคนเดียว ฟังเพลงได้ทุกแนว คือทุกแนวจริงๆ ฟังตั้งแต่ตลาด ,นอกกระแส ไปยันเพลงสไตน์ metal ร้องไม่เป็นภาษาคน
การคุยกับเพื่อนๆเขาก็ค่อนข้างใช้ถ้อยคำแรงๆ พิมพ์คำสบถ ยัน 20+ ตรงๆเลย ส่วนใหญ่เพื่อนผู้ชายจะเยอะมาก คือดูเป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมาดี

คือผมหลงเลยครับกับสาวคนนี้ 555555+ ไม่ได้หลงในรูปร่างหน้าตานะครับ เพราะเขาไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไรเลย ออกไปทางคล้ำๆ ขี้เหร่ซะด้วยซ้ำ
ผมเลยพยายามสืบหาข้อมูลว่าเขายังโสดไหม ชื่ออะไร
ทีนี้ผมเลยจะหาวิธีคุยกับเขาให้ได้ ด้วยความที่มันยุค 2019 แล้ว อยู่ๆทักแชทไปดื้อๆ เขาอาจจะมองว่าเสร่อ ต้องใช้วิธีแนบเนียน
รูปเขาอยากจะกด <3 ให้แทบตาย แต่ต้องรักษาเชิง และมารยาทเอาไว้ หาโอกาสไปเม้น ไปคุยไม่ได้เลย
ได้แต่แอบเนียนๆอัพสตอรี่เขียนเฉี่ยวๆ หวังว่าเขาจะรู้ตัว ก็ใช้เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์
เห็นเขาอัพสเตตัสประมาณว่า อยากเมาแล้วแกล้งคอลไปหาว่ะ อะไรประมาณนี้ล่ะ แต่ผมยังไม่แน่ใจว่าเขาสื่อถึงผมไหม ผมก็ไม่กล้าทักไปหา
จนเขาแชร์เพลงผม ผมเลยถือโอกาสกด <3 ใส่โพสที่เขาแชร์ แล้วเข้าไปคุยในคอมเม้นท์เป็นการทักไปครั้งแรก
คุยอะไรกันนี่ล่ะ จนเขาชงมาว่า เดี๋ยวเป็นเก๊า.... เก๊ารักเตง 5555+ แหม่ ฝ่ายหญิงก็ชงมาแบบนี้
ช่วงหลายวันนั้น ต่างฝ่ายต่างเริ่มมั่นใจกันมากขึ้นแล้ว เริ่มอัพสเตตัสหยอดกันไปกันมาหน้าสตอรี่ตัวเองบ่อยๆ ต่างฝ่ายต่างก็กล้ากดรัว <3 ให้กันแล้ว
จนเขาชงสตอรี่ว่า ไม่อยากเป็นแฟนเพลง แต่อยากเป็นแฟนพี่ (อั้ยยะะะ ) ผมเลยชงสตอรี่กลับ ไม่อยากให้คุณเป็นแฟนเพลงแต่อยากให้เป็นแฟนตัวจริง ประมาณนี้ล่ะครับ เขาเลยตอบสตอรี่มาก่อนเลยว่า "แหนะ" คือ facebook ถ้ากดตอบสตอรี่ มันเหมือนกับการทัก Messenger ไง
ข้อความเลยเด้งมาหาผมก่อน คือโป๊ะแตก เขาเป็นฝ่ายทักมาหาผมก่อนเรียบร้อย 5555555555+ เพี้ยนลอย
วันนั้นผมเลยบอกตรงๆในแชทเลยว่าชอบ อยากทำความรู้จักจริงๆจังๆสักที
ก็เลยได้คุยกันยาวเลยครับ และสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์เชื่อมเข้าหากันได้ง่ายๆคือแมว ใช่แล้ว ผมเป็นทาสแมว เขาก็เป็น ต่างฝ่ายต่างเลี้ยงแมว
คุยกันจนเขาให้ไอดีไลน์มา เขาบอกปกติสะดวกตอบไลน์ เพราะแชทเฟสไม่ค่อยเล่น เพราะเวลาทำงานหน้าคอมที่บริษัทจะไม่ได้จับมือถือ
คือผมน่ะไม่เล่นไลน์ เลยต้องโหลดเพื่อสมัครมาไว้คุยกับเขา คือทั้งไลน์มีแต่เขาคนเดียว

ความสัมพันธ์แรกเริ่มมันราบรื่นมาก " ภายใต้เงื่อนไขคือต่างฝ่ายต้องไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเข้าหากัน เป็นแบบไหนคือเป็นแบบนั้นเลย "
ทั้ง 2 ปรับเข้าหากันได้ไวมาก เพราะอะไรหลายๆอย่างชอบเหมือนกัน
บางคำถามต้องลุ้นกับคำตอบมากอย่าง ทัศนคติทางการเมืองไปในทางเดียวกันหรือไม่ กลัวเขาเป็นอีกฝั่ง เรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้มองข้ามไม่ได้
คือทุกอย่างโอเค จูนเข้ากันได้หมดเลย กลางคืนหลังเลิกงานคือเขาจะคอลมาหา ทุกอย่างแฮปปี้ราบรื่น
บางทีก็วีดีโอคอลหากัน ต่างฝ่ายต่างโชว์หน้าศพ ไม่ใช่หน้าสดนะฮะ 55555+

ความสนิทชิดเชื้อมีมากขึ้น ทั้งผมและเขาเริ่มเปิดใจคุยกันกว้างมากขึ้นอย่างเรื่องแฟนเก่าทำไมถึงเลิกกัน
เขาก็เปิดใจเรื่องแฟนเก่าที่เลิกกันไป แต่ก่อนแฟนไปมาหาสู่ ขนเสื้อผ้ามาอยู่ด้วย แต่พอคบแล้วไปกันไม่ได้
เพราะเขาเคยไปบ้านแฟน และแม่แฟนก็ไม่ชอบเขา เพราะเขาเป็นผู้หญิงสัก ส่วนเขาก็อึดอัดกับแม่แฟน
แล้วแฟนก็คบซ้อนพอดี เลยเลิกกัน แฟนเก่าจะกลับมาง้อเขาก็ไม่คิดกลับไป
และเขาก็บอกอีกว่าเขาป่วยเป็น F3... อะไรสักอย่างนี่ล่ะผมจำไม่ได้ ตอนนั้นเขาถามผมว่ารู้จักไหม
ผมก็งง แล้วบอกไม่รู้เลยว่าคืออะไร เขาบอกมันคือโรคซึมเศร้า แล้วก็ถามผมอีกว่า รับได้ไหม รังเกียจไหม กับคนป่วยแบบนี้
พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ในวัยเด็กว่าเจออะไรมา แล้วก็เริ่มร้องไห้ วันนั้นอารมณ์การสนทนาคือมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ผมก็ได้แต่ปลอบใจ พยายามจะดึงเขาออกมาจากจุดนั้นให้เฮฮาให้ได้ วันนั้นคุยกันเกือบ 4 ชม.
ก็เลยเข้าใจเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสักคำว่า I am stronger than depression ไว้ข้างหลัง พร้อมรูปแมว และเข็มทิศ

คุยกันมาได้เกือบ 2 เดือน เขาก็ถามว่าถ้าได้คบกันแล้วจะทำอะไรบ้าง ผมก็บอกหาแบกเป้เที่ยว หาฟังดนตรี ลุยป่า ลุยเขานี่ล่ะ
พร้อมกับถามผมอีกประมาณว่าคบกันแล้วจะมาคอยจิก คอยสั่ง คอยบงการชีวิตหรือเปล่า เพราะเขารักอิสระ
อย่างแฟนเก่า เขาจะไปดื่ม ไปเที่ยว ต้องโดนห้าม โดนขัดขวางอยู่บ่อยๆน่ารำคาญ
ผมเลยบอกไปว่าคนอย่างผมตามใจผู้หญิงตลอด ไม่เคยขัด เพราะยังไงผิดชอบชั่วดี มันอยู่ที่ตัวคนคนนั้นจะคิดได้ ขอบเขตมันอยู่ที่ตัวคนนั้นเองว่าจะเลยเถิดหรือรู้จักจุดที่พอดี อยากทำอะไรก็ทำเลย ไม่เคยขัดใจผู้หญิงหรอก
เขาก็ประมาณว่าดีใจ เอ้อๆ ใช่ๆ หนูชอบเที่ยว ชอบลุย ดีแล้วไม่โดนขัด
ก็เลยมีแพลนนัดเจอกันครั้งแรก คือเขาสายเที่ยวป่า เที่ยวเขา เมืองเก่า สถานที่สวยงาม ธรรมชาติ ถ่ายรูป
ส่วนผมสายดนตรี ชอบฟังเพลง เลยนัดเจอกันที่งาน โคตรอินดี้ จ.สระบุรี ที่ผ่านมา
เขาเป็นฝ่ายจัดการซื้อบัตรแบบคู่ เพราะได้ราคาที่ถูกกว่าหน้างาน ส่วนเงินผมจ่ายตามหลังให้เขาตอนเจอกัน
เรื่องที่พักคือผมให้เขาบริหารจัดการตามสะดวกเลย คือนอนแยกห้องไปเลย แฟร์ๆ
ไม่อยากให้เขามองผมว่าเป็นผู้ชายฉวยโอกาส อยู่ๆเจอกันจะมานอนห้องเดียวกัน จะล่อไปกินตับ มันดูไม่ดี และเพื่อความสบายใจของฝ่ายหญิง
เพราะยังไงก็คือคบกันยาวๆ อยู่แล้ว ไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝง

พอมาถึงช่วงกลางกันยาก็คุยกันน้อยลง เขาเริ่มดองแชท หลาย ชม.กว่าจะกดอ่านไลน์
จากแต่ก่อนหน้าเฟส หรือสตอรี่ จะโพส จะแชร์ จะอัพอะไร เขาจะคอยกดไลค์ กดรัก กดว้าว กดฮา กดโกรธ หรือมาเม้นท์บ่อยๆ
แต่กลับเปลี่ยนไป แบบเขาเริ่มเมินโพส กับสตอรี่ แต่ผมก็ยังไม่เอะใจอะไรเท่าไร
คอลคุยกันครั้งสุดท้ายคือวันที่ 13 กันยาตอนกลางคืน คุยได้แค่ 20 นาที เพราะเขาขอวางสายไปเล่นเกมส์ (Freefire)
พักหลังตั้งแต่สิงหา เขาเริ่มติดเกมส์มากขึ้นเรื่อยๆ เล่นในเวลาทำงานด้วย ผมเองก็รู้สึกผิดที่พาเขาเล่น เพี้ยนสะอื้น
คือเขาเล่นจนติดงอมแงมเลย ถึงขนาดพอเวลาพักกลางวันช่วงทำงาน ได้ยินแต่เสียงเพื่อนผู้หญิงเรียกเขาหลายรอบให้ไปกินข้าว
เขาเหมือนไม่สนใจ สนใจแต่กับการเล่นเกมส์กับผม ผมก็บอกให้ไปกินข้าว เขาก็รั้น จะเล่นให้จบตาให้ได้
และเขาก็เริ่มมีเพื่อนในเกมส์มากขึ้นเรื่อยๆ จากแต่ก่อนเล่นกับทีมผมประจำ คือหลังๆไม่มาแล้ว มีทีมของเขาเอง

เวลาผมแชทไปหาเขาก็ดองนานมาก บางทีข้ามวัน ให้เหตุผลว่าช่วงนี้ติดเกมส์
ทำตัวห่างผมมากขึ้น ทั้งๆที่ผมทำตัวเหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มคุย คือยังไม่เปลี่ยนแปลงไป แล้วก็ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว
ยิ่งช่วงหลังๆเขาไม่กดไลค์ไม่ส่องสตอรี่ผมแล้ว ส่องก็ไม่กดอะไร แต่ก่อนจะรัวใจ รัวขำ ตลอด 
นัดว่าวันนี้คอลกันนะ เขาก็ตอบรับ พอถึงเวลาก็หายจ้อย ไม่ได้คุย ข้ามวันก็ตอบมาสั้นๆ หรือส่งรูปหมีหันหลังมาตัวเดียว
คือผมก็เริ่มตะหงิดๆแล้วว่ามันเริ่มไม่เหมือนเดิม ยิ่งใกล้วันจะเจอกันแล้วด้วย ผมเริ่มกระวนกระวายแล้ว แต่ต้องพยายามเก็บอาการ ทักหาเขาปกติ
แม้ว่าเขาจะดองแชทข้ามวัน ไม่กดอ่านก็ตาม เฟสไม่ตอบ ไลน์ไม่ตอบ แต่อัพสตอรี่ อัพสเตตัสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอบทีก็ตอบสั้นๆ พร้อมกับประโยคเดิมๆว่าติดเกมส์หนัก
มีคืนนึงเขาตอบแชท เพราะผมส่งแพลนการเดินทางว่าจะไปด้วยรถไฟดีไหม หรือรถทัวดี
เขาก็ตอบมาประมาณว่ารถไฟระวังเรื่องคนแปลกหน้านะ เป็นห่วง ( ผมเห็นเขาบอกมาแบบนี้รู้สึกชื่นใจที่ยังแคร์อยู่ )
แต่วันต่อมาก็เหมือนๆเดิม ดองแชท ไม่ตอบ ไม่อ่านผมไม่รู้จะทำไง เลยลองทำตัวห่างดูบ้าง ไม่ไลค์ ไม่อะไรทั้งนั้นกับเฟสเขา ไม่แชทหา ไม่ส่องสตอรี่
ดูปฏิกิริยาจากเขาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม เขาก็เฉยๆ แต่ผมนี่สิ กระวนกระวายหนักเลย

จนวันพรุ่งนี้คือวันที่ต้องเจอกัน วันนี้ผมเลยไลน์ไปหาว่าเตรียมตัว เตรียมของหรือยัง ทีนี้ล่ะเขาตอบไวมากว่าเอ้าพรุ่งนี้แล้วเหรอ
เขาลืมไปสนิทเลย ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ผ่ามมมม!!!! แล้วเขาก็ถามผมอีกว่าอยู่ไหน ผมบอกอยู่ บขส รอรถไปสระบุรี
เขาก็ถามว่ามีแบตสำรองไหม อย่าเล่นมาก ให้เซฟแบตเดี๋ยวหมด ก็ยังดูว่าเขาแสดงความเป็นห่วงอยู่
ผมเลยบอกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวไปรอก่อนที่ บขส สระบุรี ใส่เสื้อตัดอ้อย( ลายสก็อตดำแดง) อยู่คนเดียว ยังไงก็หาพี่เห็นอยู่แล้ว พร้อมกับถ่ายรูปผมส่งไปให้เขาดู

แล้วผมก็ขึ้นรถไปลง บขส สระบุรี ผมไปด้วยความตื่นเต้น ดีใจ ที่จะได้เจอเขาครั้งแรก
คิดดูผมไปนั่งรออยู่ บขส ตั้งแต่ 5 ทุ่มกว่า รบกับยุง+กับความเมื่อยล้า อ่อนเพลีย นั่งกอดกระเป๋ารอทั้งคืน
คือเป็นการโชว์สปิริตว่าเราจริงใจนะ ตั้งใจอยากจะมาเจอมาก จนเขาแชทมาตอนเช้าๆว่ากำลังขึ้นรถจาก กทม. แล้ว (เขาอยู่ใกล้สระบุรี)
พอเขามาถึง เขาก็โทรหาผมว่าอยู่ไหน หากันประมาณ 10 วิ ก็หันมาเจอกันครั้งแรก ผมนี่โคตรดีใจ แต่เขานี่สิ หน้าตาดูเหนื่อยๆ + อิดโรย + เซ็งนิดๆ
แล้วก็พากันนั่งวินไปรีสอร์ตที่จองที่พักไว้ พอลงไปถึงก็แจ้งเช็คอิน จนเขาพาไปถึงหน้าห้อง น้องเขาก็บอกว่า ขอนอนก่อนนะไม่ไหวแล้ว คือได้คุยกันแค่นั้น - -* แล้วก็ร่วงยาวยัน 5 โมงเย็น เขาก็ไลน์มาคุย แต่โผล่มาเจอกันก็ 6 โมงกว่า มากินข้าวหน้าห้อง แล้วพูดคุยกัน แต่ตัวจริงเขากลับดูคุยไม่เก่งเหมือนที่คุยกันผ่านไลน์เลยสักนิด แถมส่วนมากก็จะก้มหน้าคุย ไม่สบตาเวลาคุย แถมเขาจะเทียวหยิบมือถือขึ้นมาก้มหน้าจิ้มจออยู่บ่อยๆ ซึ่งผมไม่หยิบมาด้วย เพราะผมอยากจะคุยต่อหน้ามากกว่า และการมองหน้าสบตาคุย มันสื่อถึงความจริงใจได้ เพราะเกือบ 20 วันผ่านมานี้คุยกันน้อยมากๆ แล้วก็ไม่ได้คอลเลย

แต่เขาก็ก้มหน้าจิ้มจอ แล้วก็มีทั้งน้องๆโทรเฟสหา ทั้งตามไปเล่นเกมส์
ผมเลยแทบไม่มีโอกาสได้เปิดอกคุยอะไรเลย นั่งอยู่ต่อหน้ากัน แต่กลับเหมือนมีกำแพงมากั้นสูงมาก
แล้วเขาก็ถามผมทำไมไม่หยิบมือถือมาเล่นล่ะ เปิดเพลงก็ได้ ผมเลยเดินเข้าห้องไปหยิบมาเล่นบ้าง
ในใจตอนนั้นไม่ได้อยากจะมาก้มหน้าเล่นมือถือเลย ในใจมีคำถามมากมายที่อยากถาม อยากจะพูด อยากจะคุยกันต่อหน้ามากกว่า
แต่เขาก็นั่งเล่นเกมส์เหมือนเดิม บรรยากาศคือไม่รู้จะคุยอะไรกันเลย ผมเลยต้องนั่งดูเขาเล่นเกมส์
แล้วเขาก็ผลัดยื่นเครื่องเขามาให้ผมเล่นบ้าง อยากจะดูผมเล่นโชว์อะไรประมาณนี้ บรรยากาศก็ล่วงเลยไปจนแยกย้ายกันเข้านอนห้องใครห้องมัน
คืนนั้นบอกตรงๆคือผมแบบนอนไม่หลับเลยทั้งคืน พลิกไปพลิกมา ข่มตานอนไม่ลง ไลน์ไปเขาก็ไม่ตอบ อารมณ์แบบห่างกันแค่เอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล...

ต่อ part 2
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่