ทุ่งเสน่หา
EP 8-9-10
.
สัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นสัปดาห์แห่งการปล่อยของของนักแสดงนำวัยรุ่นในเรื่องก็ว่าได้ เรียกได้ว่าพีคขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ EP 8 มายัน EP 10 (ช่วงที่ผ่านมาเหมือนเป็นการปูเรื่อง เพื่อให้เกิดจุดเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่ในหลายชีวิต ไม่ว่าจะยุพิณ ไพฑูรย์ ไพรวัลย์ แก้วใจ ฯลฯ)
.
1. การจากไปของไพรวัลย์ ที่เกิดแรงกระเพื่อมในใจใครหลายคน
.
ไพรวัลย์เป็นตัวละครที่ทุกคนรัก ไม่ว่าจะชาวหนองน้ำผึ้ง หรือกระทั่งชาวเราที่เป็นคนดู บอม ธนิญถ่ายทอดตัวละครตัวนี้ได้อย่างมีชีวิตชีวา ค่อยๆ ทำให้คนดูหลงรักเขาตั้งแต่แรกที่ปรากฏตัว
.
ถ้าหากว่าตั้งใจยืดเรื่องช่วงแรก ให้ถึงช่วงแต่งงานช้าที่สุด เพื่อยื้อชีวิตไพรวัลย์เอาไว้
เพื่อใช้เวลาที่เขายังมีชีวิต ทำให้คนดูหลงรักเขามากที่สุด...เราถือว่าทั้งบทและการแสดงของบอมทำให้ความต้องการนี้ประสบผลสำเร็จ
.
ใครต่อใครบอกว่าไพรวัลย์คือ “คนอาภัพที่ไม่อับโชค” ...ไม่จริงเลย...โชคชะตาที่สามารถบอกว่าไพรวัลย์นั้นโชคดี...ก็มีแค่เกิดมาร่ำรวยเงินทอง เล่นการพนันก็มีแต่ได้...ก็เท่านั้น
.
แต่ความอาภัพของเขาเล่า...เกิดมาพิการ ผิดหวังในรัก แม่ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้น้องชายได้คู่ครองที่เหมาะสม คนรักของน้องที่จำต้องแต่งงานกับเขาก็รังเกียจเหลือเกิน มันคือภาวะที่จำต้องตกเป็นคนกลาง แม่ก็ไม่ฟัง แฟนน้องก็ไม่แคร์เขา
.
เสียน้ำตาให้กับไพรวัลย์เต็มๆ ตอนที่เขาก่นด่าชะตาชีวิตตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ และก็ซาบซึ้งไปกับความรักที่เขามีให้แก้วใจ สุดท้ายสำหรับไพรวัลย์ แก้วใจก็คือน้องสาวที่เขารักมาก...รักจนพร้อมจะไปเอาเรื่องผู้ชายคนนั้นที่ทำน้องสาวเขาท้อง
.
แต่ถ้าจะถามว่านอกจากโชคจากการเสี่ยงโชค โชคจากความมั่งมีต่างๆ อะไรอีกที่เป็นโชคดีของผู้ชายคนนี้...ก็คงต้องพูดถึงความจริงใจ ความเป็นผู้ให้ที่พร้อมให้กับทุกคน นี่แหละที่ทำให้ใครๆ ก็รักไพรวัลย์
.
การที่นางสำเภา ยุพิณ ไพรวัลย์ หลวงพี่มิ่งขวัญ หลวงพี่ไพฑูรย์ ต่างฝันถึงไพรวัลย์...บ้างก็ช่วงก่อนตาย บ้างก็ช่วงหลังตาย...มันแสดงให้เห็นว่าความดีของผู้ชายคนนี้มันอยู่ในใจทุกคน
กระทั่งจากไปแล้ว...คนเหล่านี้ก็ไม่มีทางลืมไพรวัลย์ได้เลย
.
2. การอยู่กับปัจจุบัน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ของยุพิณ
.
เรียกได้ว่าซีนการจากลาของไพรวัลย์ คือซีนปล่อยของของยุพิณกับป้าสำเภาเลยล่ะ เพราะเสียชีวิตในคืนเข้าหอ ยุพิณย่อมถูกกล่าวหาว่าเป็นกาลกิณี และนางสำเภาก็ย่อมเจ็บปวดเจียนตาย ด้วยตัวเองเป็นเหมือนคนฆ่าลูกทางอ้อมอยู่กลายๆ
.
เรามองว่าสถานการณ์ตอนนั้นบีบคั้นหัวใจมาก แม่สำเภาที่แทบใจสลาย ยุพิณที่ไม่ทันคิดว่าสามีทางนิตินัยของตนจะจากไปเร็วเช่นนี้ มันกลายเป็นสงครามใหญ่ระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ ซึ่งแอบคิดว่ามันรุนแรงได้มากกว่านี้ การที่ยุพิณอัดอั้นจนต้องระบายความในใจออกมา ก่นด่าว่านางสำเภานี่แหละฆ่าลูกนางเอง เราว่าคำกล่าวหานี้มันรุนแรงมาก แรงจนนางสำเภาอาจทำได้มากกว่าถีบ มันแรงได้มากกว่านี้และรุนแรงได้มากกว่านี้ (ส่วนตัวไม่ได้สนับสนุนความรุนแรง แต่มองแบบบสมเหตุสมผล สถานการณ์นั้น ซีนนั้น การทะเลาะกัน การระเบิดอารมณ์ของสำเภากับยุพิณ มันไปได้ “สุด” กว่านี้)
.
แต่นางสำเภาก็อาจเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง นางไม่ได้สุดโต่งเหมือนแม่ย้อย แม่แย้มมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ก็เข้าใจได้
.
สามอีพีนี้ทำให้เราเข้าใจตัวละครยุพิณมากขึ้น ทั้งเข้าใจ ทั้งทึ่ง ทั้งยอมรับการตัดสินใจต่อจากนี้ของเธอ
ต้องยอมรับว่าความเข้าใจนี้ เต้ย จรินทร์พร มีส่วนสำคัญมากๆ ...จากที่ปรามาสเธอไว้ในตอนที่ผ่านๆ มา
ถึงตอนนี้เต้ยทำให้เราเชื่อแล้วว่าเธอเคยยุพิณ ด้วยการแสดง การถ่ายทอดอารมณ์ ที่คิดจะฮึดสู้ จะไม่ยอมป้าสำเภาอีกต่อไปแล้ว
.
ซีนแรกของเตยที่เราทึ่งมาก จึงเป็นการปะทะกับป้าสำเภาช่วงก่อนแต่งงาน การเดิมพันต่างๆ สัญญาใจ พร้อมสบถสาบานว่าใครผิดคำพูดขอให้ไม่ตายดี และการไล่ถามทีละคนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่าได้ยินใช่ไหม เป็นพยานให้นะ บลาๆ ...มันคือสัญญาณว่ายุพิณจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว ยุพิณคนนี้พร้อมบวก พร้อมไฟว้ บอกสู้ เออว่ะ เต้ยทำได้ ทำได้ดีด้วย!
.
แต่ยุพิณก็คือคนธรรมดา ทั้งบทและการแสดงของเต้ย มันทำให้เราเชื่อว่าตัวละครตัวนี้เรียล และมีตัวตนจริงๆ ในชีวิตจริง คนเรามันไม่มีทางใจกล้าบ้าบิ่นได้ไปตลอดหรอก สุดท้ายเมื่อมันสู้มาจนสุดทางตัน มันก็ต้องยอมรับความจริงอยู่ดี ว่าต้องยอมแพ้...แต่อย่างน้อยมันก็คุ้มค่าแล้วที่ได้สู้
.
เมื่อตระหนักว่าฝืนจะรักไพฑูรย์ต่อไป พ่อก็คงกลายเป็นไอ้ขี้คุก เมื่อตระหนักถึงความจริงว่าจนแล้วจนรอด เสียลูกชายคนโตก็แล้ว นางสำเภาก็ยังไม่หยุดขวางทางรักของยุพิณ
เมื่อฝืนต่อไปไม่ได้ ก็คงต้องยอมรับความจริง แล้วก้าวเดินต่อไปในเส้นทางใหม่
.
เรากลับนับถือใจยุพิณมากกว่าการที่เธอรั้นจะสู้ รั้นจะพาพระสึก หรือพาหนีไปด้วยกันเสียอีก
นี่สิคือคนเข้มแข็ง นี่สิคือทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด
การอยู่กับปัจจุบัน การมูฟออนแล้วก้าวเดินต่อไปในทางที่ควรจะเดิน
.
เราเห็นในความพยายามของยุพิณ
เรารู้อย่างแจ่มชัดว่าลึกสุดใจของยุพิณ...ยังคงมีไพฑูรย์อยู่ในใจ
การส่งจดหมายน้อยให้พระด้วยคำว่า “ชาตินี้ที่รัก เราคงรักกันไม่ได้”
เรารับรู้ว่ายุพิณต้องฝืนหัวใจ ฝืนความต้องการของตัวเองถึงขีดสุด
จำต้องทำเพื่อความสุขในวันนี้และวันต่อๆ ไป
เราทั้งเอาใจช่วยและเชื่ออย่างยิ่ง ว่าบาดแผลจากความผิดหวังในรักแรกนี้ หากยุพิณก้าวข้ามมันไปได้ ยุพิณจะเติบโตไปอีกสเตปนึง...ซึ่งการตัดรอนกับไพฑูรย์ในคราวนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่ายุพิณโตขึ้นจริงๆ
.
3. ไพฑูรย์กับความผิดหวังครั้งแรกในชีวิต...แต่สากรรจ์เหลือเกิน
.
ไพฑูรย์เป็นลูกชายที่นางสำเภาทั้งรัก ทั้งฝากความหวัง ทั้งเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจทุกอย่าง ด้วยลูกชายคนเล็กคนนี้คือเสาหลักของบ้าน จึงกล่าวได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต ผู้ชายคนนี้อยากได้อะไร แม่สำเภาก็สรรหามาให้หมด
.
แต่สำหรับความรักระหว่างไพฑูรย์กับยุพิณ...นี่คงเป็นสิ่งแรกและสิ่งเดียวที่นางสำเภาไม่มีทางยินยอมให้เป็นไปตามใจไพฑูรย์ ทว่ามันดันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไพฑูรย์นี่สิ...
.
ด้วยการเลี้ยงดูมาแบบนี้ จึงทำให้ไพฑูรย์ทั้งติดสบาย ทั้งทำอะไรตามใจตัวเอง กระทั่งบวชแล้ว ก็ยังไม่ได้เอาใจจดจ่อกับวินัยตามครรลองที่ดีของสมณะ ซึ่งซีนรู้ความจริงว่าแม่วางแผนและปิดบังความจริงเขามาตลอด แล้วพระไพฑูรย์ระเบิดอารมณ์ออกมา จนต้องขอพระอาจารย์ลาสิกขา...ขอทั้งน้ำตา ราวกับว่าโลกนี้กำลังแตกสลาย
.
โลกของไพฑูรย์แตกสลาย...นี่คงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงสำหรับผู้ชายคนนี้ เมื่อคนที่ทำลายชีวิต ทำลายความรักของเขา กลับเป็นแม่แท้ๆ ที่อุ้มชูดูแลมาตลอด
ท็อป จรณแสดงดีมาก ร้องไห้ทั้งน้ำตา ร้องไห้ในชุดสมณะอย่างไม่ห่วงหล่อ ร้องแบบโลกใบนี้มันพังภินท์แล้ว
เป็นการแสดงที่ทรงพลังและเป็นมาสเตอร์พีชของจรณ โสรัตน์
.
เราชอบมากที่หลวงตาให้พระไพฑูรย์พูดทวนซ้ำไปเรื่อยๆ ทวนว่าสิ่งที่ไพฑูรย์กำลังทำ...คือการสึกไปเพื่อเอาเรื่องแม่ เพื่อปกป้องและดูแลเมียหม้ายของพี่ชาย...ไม่จำเป็นต้องก่นด่า หรือว่าสอนด้วยตนเอง แต่การที่หลวงตาให้พระหนุ่มพูดทวนไปเรื่อยๆ นี่แหละคือคำสอนที่คมและทิ่มทะลุถึงใจที่สุด เพราะทบทวนด้วยตัวเองผ่านคำพูด...พระไพฑูรย์จึงค่อยๆ ตระหนักเองว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นคืออะไร แลสมควรทำไหม
.
ทำให้เราชอบมากกับการที่หลวงพี่มิ่งขวัญพยายามห้ามแก้วใจ ไม่ให้แก้วใจเอาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่พัวพันกับยุพิณมาบอกกับเขา การลงโทษแก้วใจโดยให้พูดคำว่า “ไม่ใช่กิจของสงฆ์” ทวนกว่าสิบรอบ มันจึงไม่ใช่แค่การลงโทษแก้วใจ ไม่ใช่แค่การสอนแก้วใจเท่านั้น, แต่หลวงพี่ก็กำลังสอนตัวเองเช่นกัน ว่าอย่าสนใจในเรื่องที่ตัวเองไม่ควรสน...ซีนสองพระหนุ่มนี้ทำให้เราเห็นความสำคัญและเข้าใจแก่นแท้ของการสมาทานศีล หรือการสวดมนต์ ที่ชาวพุทธทำกันเป็นปกติทุกวันเลยละ
.
การแก้ปัญหารักที่แหลกสลายของยุพิณกับไพฑูรย์ เป็นการแก้ปัญหาที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าก็ทำให้เราเห็นว่าใครกันที่เติบโตแล้ว ใครกันที่ไม่จมอยู่กับบาดแผล
ยุพิณเลือกที่จะยอมรับ
ไพฑูรย์เลือกที่จะฝืน
สองทางเลือกนี้ไม่มีใครที่มีความสุข เพราะต่างก็ยังรักกันไม่เสื่อมคลาย แต่ตราบใดที่ไพฑูรย์ยังเป็นแบบนี้...ย่อมหมายความว่าทิดหนุ่มคนนี้ยังไม่พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป
.
ทุกอย่างต้องใช้เวลา
.
4. แก้วใจกับการเปลี่ยนเสาหลักชีวิต
.
ร้องไห้หนักมากกับแก้วใจ ยิ่งประโยคที่นางบอกว่า “เสาหลักในชีวิตของอีแก้วสิ้นแล้ว” คือเข้าใจนางมาก มันตั้งแต่ก่อนที่นางจะท้องไม่มีพ่อแล้ว...ไพรวัลย์ควรค่าแก่การเรียกว่าเสาหลักในชีวิตนางมานานแสนนาน
.
ดังนั้น การจากไปของไพรวัลย์ จึงไม่แปลกเลยที่แก้วใจจะร้องไห้ปางตาย
เหมือนความหวังที่เรืองแสง พลันดับไปในชั่วพริบตา...มันทุกข์ระทมยิ่งกว่าความหวังไม่เปล่งแสงมาแต่แรกอีกนะ
.
น้ำฟ้าเล่นเหมือนเด็กสาวบ้านนาอายุสิบห้าจริงๆ ตั้งแต่ร้องไห้เรื่องไพรวัลย์ ตั้งแต่การโต้เถียงกับพ่อ...เถียงทั้งที่ยังรัก เถียงทั้งที่ยังแคร์คนเป็นพ่ออยู่
.
เคสแก้วใจทำให้เห็นถึงความดีของแม่สำเภา...ป้าแก (และทุกตัวละคร) ก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปนี่แหละ มีทั้งดีทั้งร้าย ป้าสำเภาคือมารร้ายในชีวิตรักของยุพิณกับไพฑูรย์ แต่ป้าสำเภาก็คือนางฟ้าผู้มาโปรดในชีวิตแก้วใจ
เพราะป้าคือเสาหลักเสาใหม่ในชีวิตแก้วใจ
.
เราดีใจกับแก้วใจด้วย
ก้าวต่อไปคือรอดูวันที่แก้วใจเข้มแข็ง...เข้มแข็งพอที่จะขับเคลื่อนชีวิตด้วยสองมือของตัวเอง
โดยไม่ต้องมีเสาใดๆ ให้เกาะเกี่ยวอีกต่อไป
.
สามอีพีนี้บอกกับเรา ว่าทุ่งเสน่หาคือละครที่ดีเรื่องหนึ่ง
ทุกตัวละครมีชีวิต
ทุกตัวละครมีพลัง
.
ป.ล. ถ้าชอบการรีวิว+ข้อเขียนของเรา
สามารถติดตามรีวิวทุ่งเสน่หาตอนก่อนหน้านี้ (EP1-7) ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/pg/aumsomjakkri/photos/?tab=album&album_id=1722496664482586
และกดไลก์แฟนเพจของเราเพื่อตามงานเขียนอื่นๆ ได้นะครับ ^^
https://www.facebook.com/aumsomjakkri/
อันเนื่องมาจาก ทุ่งเสน่หา EP 8-9-10
EP 8-9-10
สัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นสัปดาห์แห่งการปล่อยของของนักแสดงนำวัยรุ่นในเรื่องก็ว่าได้ เรียกได้ว่าพีคขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ EP 8 มายัน EP 10 (ช่วงที่ผ่านมาเหมือนเป็นการปูเรื่อง เพื่อให้เกิดจุดเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่ในหลายชีวิต ไม่ว่าจะยุพิณ ไพฑูรย์ ไพรวัลย์ แก้วใจ ฯลฯ)
.
.
ไพรวัลย์เป็นตัวละครที่ทุกคนรัก ไม่ว่าจะชาวหนองน้ำผึ้ง หรือกระทั่งชาวเราที่เป็นคนดู บอม ธนิญถ่ายทอดตัวละครตัวนี้ได้อย่างมีชีวิตชีวา ค่อยๆ ทำให้คนดูหลงรักเขาตั้งแต่แรกที่ปรากฏตัว
.
ถ้าหากว่าตั้งใจยืดเรื่องช่วงแรก ให้ถึงช่วงแต่งงานช้าที่สุด เพื่อยื้อชีวิตไพรวัลย์เอาไว้
เพื่อใช้เวลาที่เขายังมีชีวิต ทำให้คนดูหลงรักเขามากที่สุด...เราถือว่าทั้งบทและการแสดงของบอมทำให้ความต้องการนี้ประสบผลสำเร็จ
.
ใครต่อใครบอกว่าไพรวัลย์คือ “คนอาภัพที่ไม่อับโชค” ...ไม่จริงเลย...โชคชะตาที่สามารถบอกว่าไพรวัลย์นั้นโชคดี...ก็มีแค่เกิดมาร่ำรวยเงินทอง เล่นการพนันก็มีแต่ได้...ก็เท่านั้น
.
แต่ความอาภัพของเขาเล่า...เกิดมาพิการ ผิดหวังในรัก แม่ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้น้องชายได้คู่ครองที่เหมาะสม คนรักของน้องที่จำต้องแต่งงานกับเขาก็รังเกียจเหลือเกิน มันคือภาวะที่จำต้องตกเป็นคนกลาง แม่ก็ไม่ฟัง แฟนน้องก็ไม่แคร์เขา
.
เสียน้ำตาให้กับไพรวัลย์เต็มๆ ตอนที่เขาก่นด่าชะตาชีวิตตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ และก็ซาบซึ้งไปกับความรักที่เขามีให้แก้วใจ สุดท้ายสำหรับไพรวัลย์ แก้วใจก็คือน้องสาวที่เขารักมาก...รักจนพร้อมจะไปเอาเรื่องผู้ชายคนนั้นที่ทำน้องสาวเขาท้อง
.
แต่ถ้าจะถามว่านอกจากโชคจากการเสี่ยงโชค โชคจากความมั่งมีต่างๆ อะไรอีกที่เป็นโชคดีของผู้ชายคนนี้...ก็คงต้องพูดถึงความจริงใจ ความเป็นผู้ให้ที่พร้อมให้กับทุกคน นี่แหละที่ทำให้ใครๆ ก็รักไพรวัลย์
.
การที่นางสำเภา ยุพิณ ไพรวัลย์ หลวงพี่มิ่งขวัญ หลวงพี่ไพฑูรย์ ต่างฝันถึงไพรวัลย์...บ้างก็ช่วงก่อนตาย บ้างก็ช่วงหลังตาย...มันแสดงให้เห็นว่าความดีของผู้ชายคนนี้มันอยู่ในใจทุกคน
กระทั่งจากไปแล้ว...คนเหล่านี้ก็ไม่มีทางลืมไพรวัลย์ได้เลย
.
.
เรียกได้ว่าซีนการจากลาของไพรวัลย์ คือซีนปล่อยของของยุพิณกับป้าสำเภาเลยล่ะ เพราะเสียชีวิตในคืนเข้าหอ ยุพิณย่อมถูกกล่าวหาว่าเป็นกาลกิณี และนางสำเภาก็ย่อมเจ็บปวดเจียนตาย ด้วยตัวเองเป็นเหมือนคนฆ่าลูกทางอ้อมอยู่กลายๆ
.
เรามองว่าสถานการณ์ตอนนั้นบีบคั้นหัวใจมาก แม่สำเภาที่แทบใจสลาย ยุพิณที่ไม่ทันคิดว่าสามีทางนิตินัยของตนจะจากไปเร็วเช่นนี้ มันกลายเป็นสงครามใหญ่ระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ ซึ่งแอบคิดว่ามันรุนแรงได้มากกว่านี้ การที่ยุพิณอัดอั้นจนต้องระบายความในใจออกมา ก่นด่าว่านางสำเภานี่แหละฆ่าลูกนางเอง เราว่าคำกล่าวหานี้มันรุนแรงมาก แรงจนนางสำเภาอาจทำได้มากกว่าถีบ มันแรงได้มากกว่านี้และรุนแรงได้มากกว่านี้ (ส่วนตัวไม่ได้สนับสนุนความรุนแรง แต่มองแบบบสมเหตุสมผล สถานการณ์นั้น ซีนนั้น การทะเลาะกัน การระเบิดอารมณ์ของสำเภากับยุพิณ มันไปได้ “สุด” กว่านี้)
.
แต่นางสำเภาก็อาจเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง นางไม่ได้สุดโต่งเหมือนแม่ย้อย แม่แย้มมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ก็เข้าใจได้
.
สามอีพีนี้ทำให้เราเข้าใจตัวละครยุพิณมากขึ้น ทั้งเข้าใจ ทั้งทึ่ง ทั้งยอมรับการตัดสินใจต่อจากนี้ของเธอ
ต้องยอมรับว่าความเข้าใจนี้ เต้ย จรินทร์พร มีส่วนสำคัญมากๆ ...จากที่ปรามาสเธอไว้ในตอนที่ผ่านๆ มา
ถึงตอนนี้เต้ยทำให้เราเชื่อแล้วว่าเธอเคยยุพิณ ด้วยการแสดง การถ่ายทอดอารมณ์ ที่คิดจะฮึดสู้ จะไม่ยอมป้าสำเภาอีกต่อไปแล้ว
.
ซีนแรกของเตยที่เราทึ่งมาก จึงเป็นการปะทะกับป้าสำเภาช่วงก่อนแต่งงาน การเดิมพันต่างๆ สัญญาใจ พร้อมสบถสาบานว่าใครผิดคำพูดขอให้ไม่ตายดี และการไล่ถามทีละคนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่าได้ยินใช่ไหม เป็นพยานให้นะ บลาๆ ...มันคือสัญญาณว่ายุพิณจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว ยุพิณคนนี้พร้อมบวก พร้อมไฟว้ บอกสู้ เออว่ะ เต้ยทำได้ ทำได้ดีด้วย!
.
แต่ยุพิณก็คือคนธรรมดา ทั้งบทและการแสดงของเต้ย มันทำให้เราเชื่อว่าตัวละครตัวนี้เรียล และมีตัวตนจริงๆ ในชีวิตจริง คนเรามันไม่มีทางใจกล้าบ้าบิ่นได้ไปตลอดหรอก สุดท้ายเมื่อมันสู้มาจนสุดทางตัน มันก็ต้องยอมรับความจริงอยู่ดี ว่าต้องยอมแพ้...แต่อย่างน้อยมันก็คุ้มค่าแล้วที่ได้สู้
.
เมื่อตระหนักว่าฝืนจะรักไพฑูรย์ต่อไป พ่อก็คงกลายเป็นไอ้ขี้คุก เมื่อตระหนักถึงความจริงว่าจนแล้วจนรอด เสียลูกชายคนโตก็แล้ว นางสำเภาก็ยังไม่หยุดขวางทางรักของยุพิณ
เมื่อฝืนต่อไปไม่ได้ ก็คงต้องยอมรับความจริง แล้วก้าวเดินต่อไปในเส้นทางใหม่
.
เรากลับนับถือใจยุพิณมากกว่าการที่เธอรั้นจะสู้ รั้นจะพาพระสึก หรือพาหนีไปด้วยกันเสียอีก
นี่สิคือคนเข้มแข็ง นี่สิคือทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด
การอยู่กับปัจจุบัน การมูฟออนแล้วก้าวเดินต่อไปในทางที่ควรจะเดิน
.
เราเห็นในความพยายามของยุพิณ
เรารู้อย่างแจ่มชัดว่าลึกสุดใจของยุพิณ...ยังคงมีไพฑูรย์อยู่ในใจ
การส่งจดหมายน้อยให้พระด้วยคำว่า “ชาตินี้ที่รัก เราคงรักกันไม่ได้”
เรารับรู้ว่ายุพิณต้องฝืนหัวใจ ฝืนความต้องการของตัวเองถึงขีดสุด
จำต้องทำเพื่อความสุขในวันนี้และวันต่อๆ ไป
เราทั้งเอาใจช่วยและเชื่ออย่างยิ่ง ว่าบาดแผลจากความผิดหวังในรักแรกนี้ หากยุพิณก้าวข้ามมันไปได้ ยุพิณจะเติบโตไปอีกสเตปนึง...ซึ่งการตัดรอนกับไพฑูรย์ในคราวนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่ายุพิณโตขึ้นจริงๆ
.
.
ไพฑูรย์เป็นลูกชายที่นางสำเภาทั้งรัก ทั้งฝากความหวัง ทั้งเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจทุกอย่าง ด้วยลูกชายคนเล็กคนนี้คือเสาหลักของบ้าน จึงกล่าวได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต ผู้ชายคนนี้อยากได้อะไร แม่สำเภาก็สรรหามาให้หมด
.
แต่สำหรับความรักระหว่างไพฑูรย์กับยุพิณ...นี่คงเป็นสิ่งแรกและสิ่งเดียวที่นางสำเภาไม่มีทางยินยอมให้เป็นไปตามใจไพฑูรย์ ทว่ามันดันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไพฑูรย์นี่สิ...
.
ด้วยการเลี้ยงดูมาแบบนี้ จึงทำให้ไพฑูรย์ทั้งติดสบาย ทั้งทำอะไรตามใจตัวเอง กระทั่งบวชแล้ว ก็ยังไม่ได้เอาใจจดจ่อกับวินัยตามครรลองที่ดีของสมณะ ซึ่งซีนรู้ความจริงว่าแม่วางแผนและปิดบังความจริงเขามาตลอด แล้วพระไพฑูรย์ระเบิดอารมณ์ออกมา จนต้องขอพระอาจารย์ลาสิกขา...ขอทั้งน้ำตา ราวกับว่าโลกนี้กำลังแตกสลาย
.
โลกของไพฑูรย์แตกสลาย...นี่คงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงสำหรับผู้ชายคนนี้ เมื่อคนที่ทำลายชีวิต ทำลายความรักของเขา กลับเป็นแม่แท้ๆ ที่อุ้มชูดูแลมาตลอด
ท็อป จรณแสดงดีมาก ร้องไห้ทั้งน้ำตา ร้องไห้ในชุดสมณะอย่างไม่ห่วงหล่อ ร้องแบบโลกใบนี้มันพังภินท์แล้ว
เป็นการแสดงที่ทรงพลังและเป็นมาสเตอร์พีชของจรณ โสรัตน์
.
เราชอบมากที่หลวงตาให้พระไพฑูรย์พูดทวนซ้ำไปเรื่อยๆ ทวนว่าสิ่งที่ไพฑูรย์กำลังทำ...คือการสึกไปเพื่อเอาเรื่องแม่ เพื่อปกป้องและดูแลเมียหม้ายของพี่ชาย...ไม่จำเป็นต้องก่นด่า หรือว่าสอนด้วยตนเอง แต่การที่หลวงตาให้พระหนุ่มพูดทวนไปเรื่อยๆ นี่แหละคือคำสอนที่คมและทิ่มทะลุถึงใจที่สุด เพราะทบทวนด้วยตัวเองผ่านคำพูด...พระไพฑูรย์จึงค่อยๆ ตระหนักเองว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นคืออะไร แลสมควรทำไหม
.
ทำให้เราชอบมากกับการที่หลวงพี่มิ่งขวัญพยายามห้ามแก้วใจ ไม่ให้แก้วใจเอาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่พัวพันกับยุพิณมาบอกกับเขา การลงโทษแก้วใจโดยให้พูดคำว่า “ไม่ใช่กิจของสงฆ์” ทวนกว่าสิบรอบ มันจึงไม่ใช่แค่การลงโทษแก้วใจ ไม่ใช่แค่การสอนแก้วใจเท่านั้น, แต่หลวงพี่ก็กำลังสอนตัวเองเช่นกัน ว่าอย่าสนใจในเรื่องที่ตัวเองไม่ควรสน...ซีนสองพระหนุ่มนี้ทำให้เราเห็นความสำคัญและเข้าใจแก่นแท้ของการสมาทานศีล หรือการสวดมนต์ ที่ชาวพุทธทำกันเป็นปกติทุกวันเลยละ
.
การแก้ปัญหารักที่แหลกสลายของยุพิณกับไพฑูรย์ เป็นการแก้ปัญหาที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าก็ทำให้เราเห็นว่าใครกันที่เติบโตแล้ว ใครกันที่ไม่จมอยู่กับบาดแผล
ยุพิณเลือกที่จะยอมรับ
ไพฑูรย์เลือกที่จะฝืน
สองทางเลือกนี้ไม่มีใครที่มีความสุข เพราะต่างก็ยังรักกันไม่เสื่อมคลาย แต่ตราบใดที่ไพฑูรย์ยังเป็นแบบนี้...ย่อมหมายความว่าทิดหนุ่มคนนี้ยังไม่พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป
.
ทุกอย่างต้องใช้เวลา
.
.
ร้องไห้หนักมากกับแก้วใจ ยิ่งประโยคที่นางบอกว่า “เสาหลักในชีวิตของอีแก้วสิ้นแล้ว” คือเข้าใจนางมาก มันตั้งแต่ก่อนที่นางจะท้องไม่มีพ่อแล้ว...ไพรวัลย์ควรค่าแก่การเรียกว่าเสาหลักในชีวิตนางมานานแสนนาน
.
ดังนั้น การจากไปของไพรวัลย์ จึงไม่แปลกเลยที่แก้วใจจะร้องไห้ปางตาย
เหมือนความหวังที่เรืองแสง พลันดับไปในชั่วพริบตา...มันทุกข์ระทมยิ่งกว่าความหวังไม่เปล่งแสงมาแต่แรกอีกนะ
.
น้ำฟ้าเล่นเหมือนเด็กสาวบ้านนาอายุสิบห้าจริงๆ ตั้งแต่ร้องไห้เรื่องไพรวัลย์ ตั้งแต่การโต้เถียงกับพ่อ...เถียงทั้งที่ยังรัก เถียงทั้งที่ยังแคร์คนเป็นพ่ออยู่
.
เคสแก้วใจทำให้เห็นถึงความดีของแม่สำเภา...ป้าแก (และทุกตัวละคร) ก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปนี่แหละ มีทั้งดีทั้งร้าย ป้าสำเภาคือมารร้ายในชีวิตรักของยุพิณกับไพฑูรย์ แต่ป้าสำเภาก็คือนางฟ้าผู้มาโปรดในชีวิตแก้วใจ
เพราะป้าคือเสาหลักเสาใหม่ในชีวิตแก้วใจ
.
เราดีใจกับแก้วใจด้วย
ก้าวต่อไปคือรอดูวันที่แก้วใจเข้มแข็ง...เข้มแข็งพอที่จะขับเคลื่อนชีวิตด้วยสองมือของตัวเอง
โดยไม่ต้องมีเสาใดๆ ให้เกาะเกี่ยวอีกต่อไป
.
สามอีพีนี้บอกกับเรา ว่าทุ่งเสน่หาคือละครที่ดีเรื่องหนึ่ง
ทุกตัวละครมีชีวิต
ทุกตัวละครมีพลัง
.
ป.ล. ถ้าชอบการรีวิว+ข้อเขียนของเรา
สามารถติดตามรีวิวทุ่งเสน่หาตอนก่อนหน้านี้ (EP1-7) ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/pg/aumsomjakkri/photos/?tab=album&album_id=1722496664482586
และกดไลก์แฟนเพจของเราเพื่อตามงานเขียนอื่นๆ ได้นะครับ ^^
https://www.facebook.com/aumsomjakkri/