แชร์ประสบการณ์เปิดร้านอาหาร กับหนทางที่อีกยาวไกล

สวัสดีค่ะ หลังจากได้อ่านกระทู้แชร์ประสบการณ์เปิดร้านอาหารของหลายๆท่าน เลยอยากจะมาตั้งกระทู้ของตัวเองดูบ้าง ร้านของเรายังเปิดมาไม่นาน ประมาณครึ่งปีได้แล้วหนทางนี้มันก็คงอีกยาวไกล เพราะมันเพิ่งจะเริ่มต้นเอง ครั้งนี้เลยจะมาเขียนเกี่ยวกับอุปสรรคหรือปัญหาที่เราได้เจอมา เพื่อเป็นแนวทางให้คนที่คิดจะเปิดร้าน หรือมีร้านอยู่แล้วเจอปัญหาเดียวกันกับเรา ใครเจอปัญหาอะไรก็มาแชร์กันไว้ได้นะคะ 

1.เงินทุน
ในการเปิดร้านอาหารเราต้องมีเงินทุน คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปกรณ์ ค่าซ่อมแซม ค่าตกแต่ง บลา บลา.... แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด กาดอกจันไว้ล้านดอก คือ.... เงินทุนสำรอง เงินตรงนี้เราต้องมีไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเพราะเราไม่รู้ได้เลยว่าช่วงแรกยอดขายจะเป็นยังไง ซึ่งตรงนี้ทำเราพลาดมาแล้วจ้า เราคิดไว้ว่าร้านจะต้องขายดีแน่ๆ มั่นใจในตัวเองมาก ไม่ได้มีเงินสำรองไว้ สรุปช่วง 2-3 เดือนแรก ลูกค้าแทบไม่มี ต้องไปยืมเงิน ควักเนื้อตัวเองอีก

2.ทำเล
ทำเลก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงสำหรับเรา เพราะร้านเราเป็นร้านเปิดใหม่ ไม่ใช่ร้านที่เซ้งมา ซึ่งถ้าในกรณีนั้นเขาก็จะมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว อันนี้เราก็ต้องเริ่มจากศูนย์เลย สร้างฐานลูกค้าขึ้นมาใหม่ ทำเลร้านเราจะเรียกว่าดีมันก็ไม่ได้ดี จะแย่ก็ไม่ได้แย่ ด้านข้างร้านเราฝั่งซ้ายเขาเปิดร้านขายตั๋ว เขาก็จะติดพวกไวนิลไว้มันก็จะบังเวลาคนเดินมาจากทางนั้น พอมาถึงฝั่งขวา เจ้าของตึกเขาก็ทำผนังใหม่ทางฝั่งเขามันก็บังร้านเราหมด ช่วงแรกนี่ลูกค้าหรือเพื่อนมาหาคือหาไม่เจอ เดินเลยผ่าน ขับรถผ่านร้านเรากันตลอดดดด เราก็ต้องมาคิดว่าจะทำยังไงให้ร้านเราเด่นขึ้นมา ติดไฟ วางต้นไม้ วางป้าย ให้คนที่เดินผ่านไปมารู้ว่า ยังมีร้านฉันอยู่ตรงนี้นะจ้ะ 

3.การตกแต่ง
อันนี้เป็นอะไรที่เข้าทางเรามาก เพราะเราเป็นคนชอบทำอะไรพวกนี้อยู่แล้ว วาดนู่น ตกแต่งนี่ DIY ก็มาจ้ะงานนี้ แต่ก็เสียค่าใช้จ่ายกับส่วนนี้เยอะพอสมควร เพราะเงินไม่พอซื้อของสดเข้าร้าน ก็ทำไงได้ใจมันเรียกร้องในตอนนั้น อยากจะบอกว่าจริงเรื่องตกแต่งค่อยๆตกแต่งไปเรื่อยๆก็ได้ ไม่ต้องไปลงทุนกับมันทีเดียวหมด เดือนนี้ทำอันนี้ เดือนหน้าทำอันนั้น เอาจริงๆ ณ ตอนนี้ร้านเราก็ยังตกแต่งไม่เสร็จ จะเสร็จก็ต่อเมื่อร้านเราจะกลายเป็นป่า ฮุฮุ ส่วนใครที่คิดไอเดียตกแต่งร้านไม่ออก ลองเข้าไปดูใน pinterest (ค่าโฆษณาก็ไม่ได้) เราชอบเข้าไปดูแล้วเอามาปรับใช้กับร้านเรา แต่ส่วนใหญ่ลูกค้ามาร้านเราจะบอกร้านเราตกแต่งน่ารัก เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว
 
4.กลุ่มลูกค้า
ก่อนที่จะเปิดร้าน เราต้องมีการตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าสินค้าที่เราจะขายเนี่ย จะขายให้ใคร ใครเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก อย่างร้านของเรา 90 % ลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ อาหารที่ทำออกมาบางอย่างจะมารสชาติจัดจ้านแบบที่คนไทยกินก็ไม่ได้ ต้องลดเผ็ด อาจมีการปรับเปลี่ยนเมนูนิดหน่อย อย่างเช่น แกงเขียวหวาน ชาวต่างชาติจะไม่กินมะเขือเปาะ เราก็จะใส่มะเขือยาวแทน แต่กลุ่มเป้าหมายรองก็สำคัญนะ ก็จะเป็นคนไทย คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เพราะลูกค้าส่วนนี้จะช่วยให้เราอยู่รอดในช่วงหน้า low season อาจจะมีการลดราคา มีเดลิเวอรี่

5.เมนูอาหาร
ร้านของเราจะขายอาหารไทยเป็นหลัก ถ้าเป็นช่วงแรกที่เปิดร้านจะขายอาหารไทยอย่างเดียว มาตอนหลังก็ต้องเปลี่ยนเพราะเราจะมาลืมกลุ่มเป้าหมายของเราไม่ได้ ชาวต่างชาติอย่างตอนเช้าเนี่ย เขาจะไม่มานั่งกินแกงเขียวหวาน มัสมั่นกันตอน 8-9 โมง เราเลยต้องมาเพิ่มเมนูอาหารเช้าเข้าไปเพื่อเพิ่มยอดขาย มันช่วยได้จริงๆนะเธอ แต่เราก็ยังเป็นคนที่คิดว่าถ้าจะขายอาหารไทยแล้วเราจะต้องทำอะไรที่มันแตกต่างจากร้านอื่น แบบบางเมนูลูกค้าไม่มีทางหาทานได้ในบริเวณนี้ เช่น หมูโสร่ง มีเมนูนี้เพราะอยากเป็นออเจ้า ไม่ใช่และ เพราะเรามั่นใจลูกค้าแถวนี้ไม่มีทางหาทานได้จากร้านอื่น แถมยังเป็นของกินโบราณหาทานยาก แต่ตอนนี้เราเลิกสงสัยแล้วทำไมหาทานยากทั้งที่ส่วนผสมทำง่ายมาก แต่ e ตอนเอาเส้นมาพันเนี่ยใช้เวลานานมาก ของเรา 8 ลูก 2 ชั่วโมง นี่ไม่ได้โม้นะ แต่มันทำยากจริงๆ

6.โปรโมท
เดี๋ยวนี้วิธีการโปรโมทร้านมันก็เยอะแยะเนอะ เราก็ใช้เหมือนคนอื่นทั่วๆไป ตั้งเพจ โพสในไอจี ช่วงอาทิตย์แรกที่เปิดร้านทำ grand opening มีการเปิดตัวร้าน ทำป้าย เดินแจกกระดาษให้คนที่เดินผ่านไปมา สรุปวันงานไม่มีใครมาสักคน เราเลยให้น้องที่ทำงานด้วย ลาก ย้ำว่าลากคนที่เดินผ่านไปมาเข้ามาในร้านแล้วลองทานอาหารของร้านเรา ถามความคิดเห็นเกี่ยวกับร้านว่าความทำอะไรเพิ่ม รสชาติเป็นยังไง เพื่อเอามาปรับปรุงกันต่อไป

7.พนักงาน
คิดง่ายๆ อย่างร้านของเรามันเป็นร้านเล็กๆ มีแค่ 6 โต๊ะเอง ก็มีแม่ครัว 1 คน กับคนรับออเดอร์ 1 คน ที่จริงก็น่าจะพอแล้ว แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเวลาช่วงค่ำ คนก็จะออกมาทานอาหารกัน มันคือเวลาพีคที่ลูกค้าไม่รู้มาจากไหนกัน มันก็จะเต็มร้าน แล้วคน 2 คน ทำกันไม่ทัน เราก็ต้องมาหาคนเพิ่ม อาจจะเป็นพาร์ทไทม์ให้มาทำแค่ช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะ เพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่แม่ครัวคนเดียวก็ทำอาหารไม่ทันอยู่ดี บางทีเราก็ต้องขอโทษลูกค้า ถ้าวันไหนเรารู้ว่าลูกค้ารอนานแน่ๆเราจะเอาขนมให้ลูกค้าทานเล่นก่อน จากตอนแรกที่ลูกค้าอยากจะแตะเรา ก็อาจเปลี่ยนเป็นแค่ด่าเราแทน 

เดี๋ยวมาเพิ่มนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่