เช็คก่อนช็อต 4 สัญญานเตือน ไฟฟ้าในบ้านกำลังรั่ว


สัญญาณเตือนไฟฟ้ารั่วภายในบ้าน

หากพูดถึงระบบหลักๆ ในบ้านที่สำคัญและต้องใส่ใจเป็นพิเศษ คงต้องยกให้งานระบบไฟฟ้า เพราะเป็น งานที่ซับซ้อน หากการเดินสายไฟไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ชำรุดเสื่อมสภาพ ขาดการตรวจเช็คและบำรุง รักษา ก็จะสร้างปัญหาใหญ่ที่เป็นอันตรายกับทั้งตัวบ้านและผู้อยู่อาศัย อย่างเช่น ปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ไฟช็อต การรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าในเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้เกิดความร้อนขึ้นและหากความร้อนสะสมเป็นเวลา นานจะเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ สร้างความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตได้ ซึ่งบางครั้งภายในบ้าน อาจมีไฟรั่วอยู่แต่ผู้อยู่อาศัยไม่รู้ตัว กว่าจะหาสาเหตุเจอก็สายเสียแล้ว ศึกษาการตรวจเช็คสายไฟเพิ่มเติมได้จากบทความนี้ รู้เรื่องสายไฟ ปลอดภัยอย่างมืออาชีพ

เนื้อหานี้ HomeGuru มี 4 วิธีเช็คเบื้องต้นว่า มีอะไรบ้างที่กำลังส่งสัญญาณให้เราทราบว่าอาจจะมีไฟฟ้ารั่วหรืออาจเกิดไฟช็อต พร้อมแนะนำบริการตรวจเช็คระบบไฟฟ้าจาก Home service by Homepro เพื่อให้จัดการป้องกันและ แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีครับ


4 จุดสังเกตสัญญาณเตือนไฟฟ้ารั่วหรืออาจทำให้เกิดไฟช็อตในบ้าน

1. ค่าไฟสูงขึ้นผิดปกติ
หากพบว่าบิลค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างผิดปกติมาก เป็นความผิดปกติที่ไม่ได้เกิดจากการเพิ่มค่า FT ของ การไฟฟ้า ให้ลองตรวจเช็คด้วยการสังเกตการหมุนของมิเตอร์ว่ามีความเร็วสม่ำเสมอหรือไม่ หรือทำการ ทดสอบด้วยการจดเลขมิเตอร์ไว้ก่อน จากนั้นปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในบ้านโดยไม่ต้องดึงคัทเอาท์ หรือเบรกเกอร์ลง แล้วให้สังเกตที่มิเตอร์ของที่บ้านว่าแผ่นจานภายในมิเตอร์นั้นหมุนหรือไม่ ถ้าแผ่นจาน ภายในมิเตอร์ยังหมุนอยู่หรือทิ้งไว้สักพักแล้วค่าตัวเลขมิเตอร์ขยับเพิ่มขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ภายในบ้านของเรามีกระแสไฟฟ้ารั่วเกิดขึ้นครับ


2. เครื่องตัดไฟ ตัดไฟบ่อยครั้ง
ประโยคคำโฆษณายอดฮิตติดหู “Safe T Cut ตัดก่อนตาย เตือนก่อนวายวอด” ด้วยคำโฆษณาอันทรงพลัง นี้ ทำให้ผู้คน ส่วนใหญ่รู้จักเครื่องตัดไฟและได้รับความนิยมในการใช้เครื่องตัดไฟกันมากขึ้น แต่ความจริง แล้วคำว่า Safe T Cut นั้น ไม่ใช่ชื่อเครื่องแต่เป็นชื่อแบรนด์เครื่องตัดไฟนั่นเองครับ

โดยเครื่องตัดไฟรั่วเรียกกันว่า (RCD) มีให้เลือกหลายรุ่น หลายยี่ห้อ เป็นอุปกรณ์ที่ทุกบ้านจำเป็นต้องมี เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้จะทำหน้าที่ตรวจจับตัดไฟที่เกินกว่าค่าที่จะเริ่มเป็นอันตรายต่อมนุษย์ โดยอุปกรณ์ ตัดไฟจะมีให้เลือก 2 แบบ คือ RCCB ใช้ตัดไฟรั่วอย่างเดียวเฉพาะจุด และ RCBO ใช้ตัดได้ทั้งไฟรั่ว ไฟเกิน ไฟช็อต และไฟฟ้าลัดวงจรแบบครอบคลุมทั้งบ้าน ใช้แทนเบรกเกอร์ได้หากใช้เป็นเมนสวิตช์ กรณีมีไฟรั่ว หรือไฟเกินเครื่องจะตัดไฟแบบอัตโนมัติ ดังนั้นอันดับแรกหากเบรกเกอร์หรือเครื่องตัดไฟตัดบ่อย ให้ลองตรวจสอบที่ตัวเครื่องก่อนว่าทำงานปกติหรือไม่
(ภาพเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบ้านพื้นร้อนผิดปกติ ที่มา: ไทยรัฐ)
3. สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วรู้สึกว่าไฟดูด
โดยปกติในบ้านจะมีการติดตั้งสายดินในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีโอกาสเกิดไฟรั่วได้ง่ายหรือที่มีโครงสร้างโลหะ เช่น เครื่องทำน้ำร้อน ตู้เย็น เตาอบ ฯลฯ ซึ่งสายดินจะนำไฟฟ้าที่รั่วไหลลงดินผ่านทางสายดิน แทนที่จะ ไหลผ่านร่างกายของเรา กรณีที่ต่อสายดินแล้ว ติดตั้งเครื่องดูดไฟรั่วหรือเบรกเกอร์เรียบร้อย แต่เมื่อมือ สัมผัสโดนจุดติดตั้งระบบไฟฟ้า โครงโลหะ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วรู้สึกว่าถูกไฟดูดอยู่บ่อยๆ อาจเกิดจาก ไฟฟ้ารั่วในวงจรไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ลองทดสอบด้วยการใช้ไขควงวัดไฟ (Test Lamp) แตะที่ ของใช้หรือบริเวณที่สงสัย หากมีแสงสีแดงหรือไฟสว่างขึ้นที่ไขควง แสดงว่าเกิดไฟฟ้ารั่วจากเครื่องใช้ ไฟฟ้าในจุดนั้น หรือบางครั้งอาจเกิดไฟตกที่เป็นสัญญาณเตือนอีกด้วย รู้เรื่องไฟตกเพิ่มขึ้นจากบทความนี้ ไฟตก รู้สาเหตุแก้ไขได้ด้วยตัวเอง


4. อุณหภูมิในบ้านสูงขึ้นผิดปกติ
จากข่าวดังในปี พ.ศ. 2558 พบบ้านหนึ่งหลังในจังหวัดเชียงราย เกิดปรากฏการณ์พื้นบ้านร้อนผิดปกติมี อุณหภูมิสูงมากกว่า 60 องศา ทำให้เกิดข้อสงสัยต่างๆ มากมาย รวมทั้งสงสัยว่าใต้พื้นดินของบ้านหลังนี้ อาจจะมีบ่อน้ำมัน เป็นผลให้ทุกสำนักข่าวลงพื้นที่ไปทำข่าว นักข่าวบางท่านทดลองนำไข่มาวางไว้ที่พื้น ด้วยอุณหภูมิพื้นบ้านที่ร้อนจึงสามารถเปลี่ยนไข่ไก่ให้กลายเป็นไข่ลวกได้เลยครับ

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการทดสอบด้วยวิธีตัดวงจรไฟฟ้าภายในห้องพบว่า อุณหภูมิภายในบ้านลดลงเป็นปกติ จึงเช็คตรวจสอบสายไฟฟ้าบนฝ้าทีบาร์เพดานบ้าน พบว่าเกิดไฟฟ้ารั่ว 1 แห่ง เป็นสาเหตุให้ไฟฟ้าไหลลง ดินไปตามคานปูนเสริมเหล็กใต้พื้นดินทำให้บ้านร้อน กรณีนี้จึงเป็นอีกหนึ่งจุดสังเกตให้เจ้าของบ้านทราบว่าหากเกิดความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบางจุดของบ้านอาจจะมีที่มาจากไฟฟ้ารั่วได้ ซึ่งจะสอดคล้อง กับการเพิ่มขึ้นของค่าไฟด้วย

ตรวจเช็คระบบไฟเพื่อบ้านปลอดภัยกับ Home Service

บ้านที่มีอายุการใช้งานนานหลายปี รวมถึงการมีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเป็นจำนวนมาก ควรได้รับ การตรวจเช็คสภาพเป็นระยะ เพื่อป้องกัน ประเมินปัญหา และแก้ไขระบบสายไฟฟ้าให้ทำงานได้อย่าง ปลอดภัย อย่างไรก็ตามระบบไฟฟ้าเป็นงานซับซ้อนและส่วนใหญ่เป็นการเดินสายไฟแบบฝังผนัง หากต้องการตรวจเช็ค ซ่อมแซม หรือเพิ่ม-ลดสายไฟทำได้ค่อนข้างยาก ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญการเท่านั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านระบบไฟ ปัจจุบัน Home Service by HomePro มีบริการครอบคลุมการตรวจเช็คระบบไฟอย่างละเอียด 6 จุดครบจบทั้งหลังในที่เดียว

1. ตรวจเช็คมิเตอร์ไฟฟ้า
2. ตรวจเช็คการเชื่อมต่อสายไฟ
3. ตรวจเช็คปลั๊กทุกจุด
4. ตรวจเช็คตู้ไฟประจำบ้าน
5. ตรวจเช็คสายดิน กราวน์
6. ตรวจเช็คอุปกรณ์ควบคุม เบรคเกอร์ Safe T Cut

อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตลอดเวลา หากอุปกรณ์เหล่านี้ไม่มีมาตรฐานในการผลิตที่ดีพอก็อาจเกิดอาการไฟช็อต , ไฟดูด และปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรเอาง่ายๆ 

HomeGuru by HomePro
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่