ฝากใว้ให้ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน

วันนี้มีคนทั้งโทรมา ไลน์มา แมสเซนเจอร์ หรืออาจจะมีโทรจิตมาถามเรื่องหุ้นตกนรกแตก ขอเอาประสพการณ์สมัยปี 40 มาเป็นแนวคิดสำหรับกำหนดกลยุทธ์การลงทุน ขอบอกไว้ก่อนว่าตอนนี้ถือหุ้นอยู่แค่ประมาณ 30% สำหรับคนที่เต็มพอร์ทอาจจะต้องคิดอีกแบบนึงนะ แต่ช่วงนี้คงเจ็บปวดใจน่าดู เสียอะไรก็เสียได้ อย่าเสียกำลังใจนะ

คราวนั้น หุ้นลงจาก 1200 ลงมาอยู่แถว 800 ส่วนใหญ่จะเข้าไปทะยอยรับ เพราะมองว่าถูก ลงมาเยอะแล้ว สุดท้ายเหลือ 200 กว่า วันนี้ใครมีเงินสด ใจเย็นๆครับ เครียดมากก็ปิดจอ เงินที่มีอยู่ ใช้ชีวิตดี๊ดีต่อไป อย่าได้แคร์ เงินที่อยู่ในบัญชี ยังไงก็ใช้ไม่หมด ถูกมั๊ย พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เอารถสปอร์ตออกมาวิ่ง ก็น้ำมันถูกกว่านำ้แร่แล้ว

ดังนั้น อย่าคิดว่าถูก เพราะเอาอดีตมามองปัจจุบันด้วยบริบทเดิมไม่ได้ ใครจะคิดว่าแบงค์อันดับต้นๆจะล้มหละ ตอนนั้นถ้าไม่ได้กระทรวงการคลัง ป่านนี้เหลือแต่ชื่อ คราวนี้ก็เถอะ พวกหุ้นที่เกี่ยวกับกู้ยืมทั้งมือเปล่าทั้งมีหลักประกัน เลี่ยงไปก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเลวร้ายมากๆ พวกนี้มีโอกาสไม่รอดแน่ คำว่ายืดหนี้ ประนอมหนี้ haircut น่าจะกลับมาพูดกัน เลือกเอาแต่ของที่จับต้องได้ ต้องกินต้องใช้ วิเคราะห์ง่าย ใกล้ตัว

อันดับต่อไป หุ้นที่ถืออยู่ คิดว่ามันจะรอดวิกฤติครั้งนี้ได้มั๊ย ถ้าไม่ได้ ขาดทุนก็ต้องยอม แล้วหาตัวที่มั่นคงกว่า ปลอดภัยกว่า ยอมกอดมันไปก่อน ลืมๆมันไป เปิดพอร์ทใหม่ไว้รอแก้มือ จะได้ไม่ขัดตากับตัวแดงๆในพอร์ท

เงินสดเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด cash is พ่อทุกสถาบันครับ ถือไว้ให้แน่นๆ ทำการบ้าน เลือกหุ้นในดวงใจซัก 3-4 ตัว วิเคราะห์บ่อยหน่อยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงมั๊ย เผื่อจะมีของดีกว่า แต่ถ้ายังไม่เห็นปลายอุโมงค์อดทนรอไปก่อน ซื้อแพงไม่ว่า ขอให้ขายได้แพงกว่า
วิกฤติที่เราไม่มีเคยประสพการณ์มักจะเป็นเรื่องที่รุนแรงเสมอ มีบางคนบอกว่าเดี๋ยวก็ผ่านไป แต่จะผ่านแบบไหนยังไง นั่นแหละคือที่เราคิดไม่ออก

ขอให้โชคดี แคล้วคลาดจากโควิท ถ้ามันต้องติด ขอให้หายไวๆนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่