คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 56
ขอออกความคิดเห็นนะคะ
สำหรับน้องๆที่กำลังสมัครงานแล้วยังไม่ได้งาน ในปีนี้ 2020 เป็นช่วงเศรษฐกิจถดถอย บริษัท ห้างร้าน และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ที่ปรับตัวไม่ได้ ก็ปิดกิจการกัน ทำให้คนตกงานเยอะ ส่วนผู้ประกอบการ ที่ยังคงสามารถประคองกิจการต่อไปได้ ก็มีแนวคิดจะจ้างคนทำงานเพื่อแก้ปัญหาของบริษัท คือ ขาดคน เพราะงานเยอะ แต่ไม่ต้องการจ้างคนเก่าที่อายุมากเพื่อลดต้นทุนในการแข่งขันและปัญหาจุกจิกที่ไม่สามารถพัฒนาคนเก่าคนแก่ได้ (เช่น เงินเดือนสูง สวัสดิการสูง ตามไม่ทันเทคโนโลยี ไม่เข้าใจลูกค้าในยุคดิจิทัล ยิ่งอยู่นานมักชอบสร้างอิทธิพล ฯลฯ)
ผู้ประกอบการเหล่านี้ จึงตั้งเป้าหมายจะหา 1. คนทำงานได้จริง พอมีประสบการณ์ในงานที่จะจ้าง ไม่อยากลองถูกลองผิดเพราะสิ้นเปลือง 2. มีความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง 3. มีความอดทน อดกลั้น สู้งานหนักเพื่อองค์กรจะได้อยู่รอด 4. มีทัศนคติ และบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับงาน และวัฒนธรรมองค์กร (อันนี้สำคัญมาก) ว่าจะทำงานกับองค์กร ลูกค้า ของเขาได้ไหม ถ้าจ้างคนเก่งมา แต่หัวแข็ง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ เขาก็ไม่อยากจ้าง
ดังนั้น ถ้าคนรุ่นใหม่ หรือ คนที่ตกงานอยู่ อยากได้งานทำจริงๆ ต้องแสวงหาค่ะ ค้นหาให้ได้ว่า ตัวเองต้องการอะไร เช่น 1. ต้องการมีงานทำแก้ขัด เพราะตกงานไม่มีเงินใช้ หรือ 2. ต้องการทำงานที่ตรงกับความถนัดของตัวเองจริงๆเพราะเบื่องานเก่า หรือ ยังไม่ถูกใจ ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ (แต่ปัจจุบันยังพอมีเงินใช้ไม่เดือดร้อน)
ถ้าเป็นแบบที่ 1 ก็ต้องอดทนค่ะ หางานได้ไม่ยาก แต่อาจไม่ถูกใจ เพราะมีโอกาสเลือกน้อย เช่น เงินเดือนน้อย สวัสดิการไม่ดี อยู่ไกลที่พัก งานมีความกดดัน ฯลฯ
ถ้าเป็นแบบที่ 2 ตัวเราต้องชัดเจนค่ะ ว่าเราชอบงานแนวไหน (งานออฟฟิศ งานขาย งานออกนอกสถานที่ ฯลฯ) ตัวเรามีทักษะ ความรู้ ควาสามารถในเรื่องใด (พูดเก่ง โน้มน้าวใจคนเก่ง, เขียนหนังสือเก่ง สืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเก่ง, พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ได้, ขับรถเก่ง รู้เส้นทางในพื้นที่ดี, ทำอาหาร ทำขนม, เขียนแบบ ออกแบบได้ ฯลฯ แล้วลองค้นหางานที่อยู่ในท้องตลาด (ดูตามโฆษณา ในอินเทอร์เน็ต) ว่างานอะไรที่เราพอจะทำได้ แล้วอะไรที่เรายังขาดไป ให้ไปเรียนเสริมหรือหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้ตัวเองมีสิ่งนั้น แล้วลองยื่นใบสมัครดู และเตรียมตัวเพื่อรอรับการสัมภาษณ์ไว้ด้วย
การไปยื่นใบสมัครงาน บางครั้งอาจเจอ HR ที่เรามองว่า ห่วย ไม่มีระบบ (อยากบอกว่า บริษัทระดับมหาชน ก็เป็นเหมือนกันค่ะ เพราะบางแห่ง มีความกดดันมาก จน HR ออกบ่อยๆ เลยมี HR หน้าใหม่เวียนเข้ามาทุกปี ก็เรียกสัมภาษณ์แบบขอไปทีเหมือนกัน) คนสมัครงาน เลยเจอแต่ของแปลก ต้องทำใจนะคะ
ข้อควรระวังสำหรับ ผู้สมัครงานใหม่ ต้องตรวจสอบ 1. บริษัท นั้นมีตัวตนจริงไหม ประวัติเป็นยังไง หลอกลวงรึเปล่า มีคนเคยไปทำงานแล้วมาบ่นอะไรบ้างไหม (ค้นหาในกูเกิลนี่แหละ) 2. ติดต่อเรื่องการสมัครงาน ควรโทรไปสอบถามด้วย เช่น บริษัท รับตำแหน่งนี้ ต้องการคนมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน เป็นงานขายรึเปล่า ทำงานในออฟฟิศหรือต้องออกนอกสถานที่ บริษัทตั้งอยู่ที่ไหน จะไปยื่นใบสมัครกับใคร เป็นต้น (อย่างน้อย จะได้พอรู้บ้าง ว่า HR มีการตอบรับแบบใด จะได้เดาวัฒนธรรมองค์กรนั้นได้บ้าง) 3. เดินทางไปสำรวจโลเคชั่นของบริษัท เพื่อจะได้ดูว่า มันใกล้ไกลที่พักไหม น่าเชื่อถือหรือเปล่า ถ้าเป็นบริษัทเล็กๆ ว่างๆก็ไปเดินคุยสอบถามคนในละแวกนั้นดู ว่าบริษัทนี้ทำอะไร ยังไง ถ้าเป็นบริษัทลึกลับ ไม่มีพนักงาน ไม่เห็นประกอบกิจการอะไร จะได้ถอนตัวทัน เป็นต้น
งานสมัยนี้ แม้จะหายาก แต่ก็ยังมีคนจ้างอยู่นะคะ เพียงแต่ ตัวเรา มีคุณสมบัติที่จะไปแข่งขันแล้ว นายจ้างจะรับรึเปล่า หัดทำโปรไฟล์ตัวเอง (ประสบการณ์ทำงาน หรือ รูปถ่ายกิจกรรม ใบ Certificate ภาพผลงาน เป็นต้น) เก็บเป็นแฟ้มเอกสารก็ดีค่ะ เวลาไปสัมภาษณ์ จะได้นำเสนอให้นายจ้าง หรือ HR ที่สัมภาษณ์ ได้เห็นว่า คุณก็มีของเหมือนกัน อ้อ..อย่าเพิ่งวาดหวังแต่ค่าตัวสูงๆแล้วไปเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ มองแต่ผลตอบแทนสูงๆอย่างเดียว (รู้ไหม งานที่ให้เงินเดือนสูง เขาใช้งานจนคุ้มนะคะ ถ้าทำงานไม่คุ้มเงินเขา โอกาสเลิกจ้างเร็วด้วยค่ะ มาไว..เคลมไว) อยากให้หันมามองอีกมุม คือ ดูงานของบริษัทก่อน กับ สิ่งที่เราทำให้บริษัทด้วย อย่าลืมนะคะ นายจ้างเขาคือนักลงทุน ถ้าจ้างเราไม่คุ้ม เขาจะจ้างทำไม ถ้าความต้องการของนายจ้าง มาตรงกับ ความต้องการทำงานของลูกจ้าง ก็จบแบบเอ็นดิ้งค่ะ...ได้งานทำแน่นอนค่ะ
เมื่อได้งานทำแล้ว ก็อย่าเปลี่ยนงานบ่อยนะ อย่างน้อยอยู่ให้ได้สัก 1-2 ปีก่อน ดูสิว่า เรารู้งานที่ทำครบวงจรของมันรึยัง หรือรู้ทุกเรื่องรึยัง ไม่ใช่แค่ งูๆ ปลาๆ แล้วก็เปลี่ยนงานอยู่เรื่อยๆ สรุปไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้ตัวเองเลย นั่น..จะทำให้ตัวเราดูแย่ เวลาไปสมัครงานใหม่ เขาจะมองว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ และตัวเราเองก็จะรู้สึกท้อเองอีกแหละ ว่า เพื่อนๆที่ทำงานไป 3-5 ปี เขามีตำแหน่งกันหัวหน้าไปแล้ว แต่ทำไมตัวเรา ยังเป็นแค่พนักงานใหม่ ขององค์กรใหม่ๆ อยู่เรื่อย อ้อ..ถ้างานมันโอเค แต่เพื่อนร่วมงานไม่ดี อยู่แล้วกดดันมากจะบ้าตาย อย่างน้อยประสบการณ์ 1-2 ปี ก็ยังเป็นแต้มต่อเวลาไปสมัครงานใหม่ (อีกนิดนึง...ถ้ายังไม่ได้งานใหม่ อย่าด่วนยื่นใบลาออกนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาที่เดิม เป็นคนตกงานอีก)
ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่ว่างงานทุกคนนะคะ
สำหรับน้องๆที่กำลังสมัครงานแล้วยังไม่ได้งาน ในปีนี้ 2020 เป็นช่วงเศรษฐกิจถดถอย บริษัท ห้างร้าน และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ที่ปรับตัวไม่ได้ ก็ปิดกิจการกัน ทำให้คนตกงานเยอะ ส่วนผู้ประกอบการ ที่ยังคงสามารถประคองกิจการต่อไปได้ ก็มีแนวคิดจะจ้างคนทำงานเพื่อแก้ปัญหาของบริษัท คือ ขาดคน เพราะงานเยอะ แต่ไม่ต้องการจ้างคนเก่าที่อายุมากเพื่อลดต้นทุนในการแข่งขันและปัญหาจุกจิกที่ไม่สามารถพัฒนาคนเก่าคนแก่ได้ (เช่น เงินเดือนสูง สวัสดิการสูง ตามไม่ทันเทคโนโลยี ไม่เข้าใจลูกค้าในยุคดิจิทัล ยิ่งอยู่นานมักชอบสร้างอิทธิพล ฯลฯ)
ผู้ประกอบการเหล่านี้ จึงตั้งเป้าหมายจะหา 1. คนทำงานได้จริง พอมีประสบการณ์ในงานที่จะจ้าง ไม่อยากลองถูกลองผิดเพราะสิ้นเปลือง 2. มีความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง 3. มีความอดทน อดกลั้น สู้งานหนักเพื่อองค์กรจะได้อยู่รอด 4. มีทัศนคติ และบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับงาน และวัฒนธรรมองค์กร (อันนี้สำคัญมาก) ว่าจะทำงานกับองค์กร ลูกค้า ของเขาได้ไหม ถ้าจ้างคนเก่งมา แต่หัวแข็ง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ เขาก็ไม่อยากจ้าง
ดังนั้น ถ้าคนรุ่นใหม่ หรือ คนที่ตกงานอยู่ อยากได้งานทำจริงๆ ต้องแสวงหาค่ะ ค้นหาให้ได้ว่า ตัวเองต้องการอะไร เช่น 1. ต้องการมีงานทำแก้ขัด เพราะตกงานไม่มีเงินใช้ หรือ 2. ต้องการทำงานที่ตรงกับความถนัดของตัวเองจริงๆเพราะเบื่องานเก่า หรือ ยังไม่ถูกใจ ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ (แต่ปัจจุบันยังพอมีเงินใช้ไม่เดือดร้อน)
ถ้าเป็นแบบที่ 1 ก็ต้องอดทนค่ะ หางานได้ไม่ยาก แต่อาจไม่ถูกใจ เพราะมีโอกาสเลือกน้อย เช่น เงินเดือนน้อย สวัสดิการไม่ดี อยู่ไกลที่พัก งานมีความกดดัน ฯลฯ
ถ้าเป็นแบบที่ 2 ตัวเราต้องชัดเจนค่ะ ว่าเราชอบงานแนวไหน (งานออฟฟิศ งานขาย งานออกนอกสถานที่ ฯลฯ) ตัวเรามีทักษะ ความรู้ ควาสามารถในเรื่องใด (พูดเก่ง โน้มน้าวใจคนเก่ง, เขียนหนังสือเก่ง สืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเก่ง, พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ได้, ขับรถเก่ง รู้เส้นทางในพื้นที่ดี, ทำอาหาร ทำขนม, เขียนแบบ ออกแบบได้ ฯลฯ แล้วลองค้นหางานที่อยู่ในท้องตลาด (ดูตามโฆษณา ในอินเทอร์เน็ต) ว่างานอะไรที่เราพอจะทำได้ แล้วอะไรที่เรายังขาดไป ให้ไปเรียนเสริมหรือหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้ตัวเองมีสิ่งนั้น แล้วลองยื่นใบสมัครดู และเตรียมตัวเพื่อรอรับการสัมภาษณ์ไว้ด้วย
การไปยื่นใบสมัครงาน บางครั้งอาจเจอ HR ที่เรามองว่า ห่วย ไม่มีระบบ (อยากบอกว่า บริษัทระดับมหาชน ก็เป็นเหมือนกันค่ะ เพราะบางแห่ง มีความกดดันมาก จน HR ออกบ่อยๆ เลยมี HR หน้าใหม่เวียนเข้ามาทุกปี ก็เรียกสัมภาษณ์แบบขอไปทีเหมือนกัน) คนสมัครงาน เลยเจอแต่ของแปลก ต้องทำใจนะคะ
ข้อควรระวังสำหรับ ผู้สมัครงานใหม่ ต้องตรวจสอบ 1. บริษัท นั้นมีตัวตนจริงไหม ประวัติเป็นยังไง หลอกลวงรึเปล่า มีคนเคยไปทำงานแล้วมาบ่นอะไรบ้างไหม (ค้นหาในกูเกิลนี่แหละ) 2. ติดต่อเรื่องการสมัครงาน ควรโทรไปสอบถามด้วย เช่น บริษัท รับตำแหน่งนี้ ต้องการคนมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน เป็นงานขายรึเปล่า ทำงานในออฟฟิศหรือต้องออกนอกสถานที่ บริษัทตั้งอยู่ที่ไหน จะไปยื่นใบสมัครกับใคร เป็นต้น (อย่างน้อย จะได้พอรู้บ้าง ว่า HR มีการตอบรับแบบใด จะได้เดาวัฒนธรรมองค์กรนั้นได้บ้าง) 3. เดินทางไปสำรวจโลเคชั่นของบริษัท เพื่อจะได้ดูว่า มันใกล้ไกลที่พักไหม น่าเชื่อถือหรือเปล่า ถ้าเป็นบริษัทเล็กๆ ว่างๆก็ไปเดินคุยสอบถามคนในละแวกนั้นดู ว่าบริษัทนี้ทำอะไร ยังไง ถ้าเป็นบริษัทลึกลับ ไม่มีพนักงาน ไม่เห็นประกอบกิจการอะไร จะได้ถอนตัวทัน เป็นต้น
งานสมัยนี้ แม้จะหายาก แต่ก็ยังมีคนจ้างอยู่นะคะ เพียงแต่ ตัวเรา มีคุณสมบัติที่จะไปแข่งขันแล้ว นายจ้างจะรับรึเปล่า หัดทำโปรไฟล์ตัวเอง (ประสบการณ์ทำงาน หรือ รูปถ่ายกิจกรรม ใบ Certificate ภาพผลงาน เป็นต้น) เก็บเป็นแฟ้มเอกสารก็ดีค่ะ เวลาไปสัมภาษณ์ จะได้นำเสนอให้นายจ้าง หรือ HR ที่สัมภาษณ์ ได้เห็นว่า คุณก็มีของเหมือนกัน อ้อ..อย่าเพิ่งวาดหวังแต่ค่าตัวสูงๆแล้วไปเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ มองแต่ผลตอบแทนสูงๆอย่างเดียว (รู้ไหม งานที่ให้เงินเดือนสูง เขาใช้งานจนคุ้มนะคะ ถ้าทำงานไม่คุ้มเงินเขา โอกาสเลิกจ้างเร็วด้วยค่ะ มาไว..เคลมไว) อยากให้หันมามองอีกมุม คือ ดูงานของบริษัทก่อน กับ สิ่งที่เราทำให้บริษัทด้วย อย่าลืมนะคะ นายจ้างเขาคือนักลงทุน ถ้าจ้างเราไม่คุ้ม เขาจะจ้างทำไม ถ้าความต้องการของนายจ้าง มาตรงกับ ความต้องการทำงานของลูกจ้าง ก็จบแบบเอ็นดิ้งค่ะ...ได้งานทำแน่นอนค่ะ
เมื่อได้งานทำแล้ว ก็อย่าเปลี่ยนงานบ่อยนะ อย่างน้อยอยู่ให้ได้สัก 1-2 ปีก่อน ดูสิว่า เรารู้งานที่ทำครบวงจรของมันรึยัง หรือรู้ทุกเรื่องรึยัง ไม่ใช่แค่ งูๆ ปลาๆ แล้วก็เปลี่ยนงานอยู่เรื่อยๆ สรุปไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้ตัวเองเลย นั่น..จะทำให้ตัวเราดูแย่ เวลาไปสมัครงานใหม่ เขาจะมองว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ และตัวเราเองก็จะรู้สึกท้อเองอีกแหละ ว่า เพื่อนๆที่ทำงานไป 3-5 ปี เขามีตำแหน่งกันหัวหน้าไปแล้ว แต่ทำไมตัวเรา ยังเป็นแค่พนักงานใหม่ ขององค์กรใหม่ๆ อยู่เรื่อย อ้อ..ถ้างานมันโอเค แต่เพื่อนร่วมงานไม่ดี อยู่แล้วกดดันมากจะบ้าตาย อย่างน้อยประสบการณ์ 1-2 ปี ก็ยังเป็นแต้มต่อเวลาไปสมัครงานใหม่ (อีกนิดนึง...ถ้ายังไม่ได้งานใหม่ อย่าด่วนยื่นใบลาออกนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาที่เดิม เป็นคนตกงานอีก)
ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่ว่างงานทุกคนนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ฝากไปถึงฝ่ายบุคคลที่นัดสัมภาษณ์งาน นะคะ ก่อนนัดถ้าไม่ตรงตามความต้องการก็ไม่ควรนัดหรือเปล่าค่ะ