แนะนำหน่อยครับว่าทำไงถึงจะขอให้ทางมหาวิทยาลัยใน กทม. พิจารณาปิดเรียนก่อนในช่วงนี้ได้สำเร็จ

เพื่อนๆครับ ช่วยแนะนำผมหน่อยนะครับ

เร็วๆนี้ผมโทรไปสำนักงานอธิการบดีของจุฬาลงกรณ์ สอบถามไปกับทางหน้าห้องท่านอธิการบดีฯว่าทางมหาวิทยาลัยได้มีการพิจารณาสั่งปิดเรียนไหม

ทางหน้าห้องท่านอธิการบดีฯบอกว่า ได้ให้สิทธิกับทางอาจารย์ผู้สอนแต่ละท่านแล้วว่าอาจารย์ท่านไหนอยากให้นิสิตเรียนจากที่บ้านไม่ต้องมาเข้าห้องเรียนก็ทำได้ ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องดีมากเลยนะผมว่า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากว่าในวันหนึ่งๆมีชั้นเรียน 5 คาบ แล้วอาจารย์ท่านนึงใน 5 ท่านยังคงสอนในชั้นเรียน นิสิตก็ต้องเดินทางมาเข้าเรียนอยู่ดี จะด้วยการขึ้น MRT หรือ BTS หรือรถเมล์ หรือรถตู้สาธารณะ หรือแม้แต่จะนั่งรถส่วนตัวมาก็ตาม (ส่วนใหญ่คงต้องมีผสมๆกันมากกว่าหนึ่งโหมด) แต่พอถึงที่ห้องเรียนก็ต้องมีปนๆกัน นั่งติดๆกันอยู่ดี เพี้ยนแหวะ

ผมเลยมาคิดๆว่า จริงๆแล้วจะเป็นการดีกว่าหรือไม่ ถ้าทางท่านอธิการบดีฯจะออกคำสั่งให้ปิดมหาวิทยาลัยเป็นการชั่วคราวเลย และให้อาจารย์ท่านสอนนักเรียนผ่านสื่อ online (ไม่ใช่แค่ให้เป็นทางเลือกของอาจารย์แต่ละท่าน)  เพราะถ้ายังเป็นเช่นนี้ คือต่างอาจารย์ต่างความคิด และความคิดของอาจารย์แต่ละท่านมีผลต่อสุขภาพอนามัยและความเสี่ยงภัยในความยั่งยืนของชีวิตของบรรดานิสิตเป็นอย่างมากน่ะครับ 

น่าจะเป็นการดีกว่าถ้ารวบยอดให้ท่านอธิบารบดีฯเป็นคนตัดสินใจไปเลย เพราะจริงๆแล้วก็เป็นอำนาจของท่านในการบริหารมาหาวิทยาลัยน่ะครับ

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยอื่นๆก็ด้วยนะ  คือถ้าเราไม่ทำให้ถูกต้องเราจะรับมือกับมหันตภัยครั้งนี้ได้ยากมากเลยนะผมว่า  

คือทุกวันนี้ ยังมีคนเที่ยวลงข้อความในไลน์กว่า กลัวทำไมโคโรนาไวรัสไม่ต้องตกใจหรอก หันไปดูนู่น โรคหัวใจนู่น โรคเบาหวานนู๋น โรคมะเร็งนู่น ตายปีนึงเยอะะะะะ น่ากลัวกว่ามาก   ซึ่งจริงๆแล้วอันนั้นก็ไม่ได้ผิดนะ "สำหรรับตอนนี้" และเอาเข้าจริงๆถ้าจีนเละเทะไม่คุมโรคให้ดีในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา หรือไม่ดำเนินมาตรการสุดเข้มที่น่าทึ่ง (ประเทศอื่นหลายๆประเทศคงไม่มีปัญญาหรือทรัพยากรพอที่จะทำได้อย่างจีน) บางทีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วโลกในตอนนี้อาจจะสูงกว่านี้มาก และอาจจะไล่ๆตามโรคหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็ง หรือไม่ก็แซงหน้าไปเลยก็เป็นได้   อีกอย่างนึงนะครับ คนเป็นโรคมะเร็งยืนอยู่ติดกับหรือจูบกันนัวเนียกับคนเป็นโรคมะเร็งที่แถมเบาหวานกับหัวใจอีกสองโรค มันก็ไม่ก่อให้เกิดการติดต่อกันของโรคทั้งสามน่ะครับ 

* * * ความน่ากลัวสุดๆอันนึงของโคโรนาไวรัสที่ก่อให้เกิดโรค COVID-19 นี่คือมันติดต่อได้ง่ายมากยวดยิ่ง extremely contagious * * * อมยิ้ม20

ระดับความน่ากลัวนั่น ขนาด Bill Gates ที่สมองดีสุดๆและอ่านหนังสือมากมายหลายเรื่อง ชนิดไปไหนมาไหนมีถุงผ้าใส่หนังสือเกือบ 10 เล่มติดตัวทุกวัน (เค้าอ่านทุกเล่มๆละหลายหน้า แต่อ่านสลับกัน) ยังออกมาเตือนโลก ด้วยการจ่ายเงินพิมพ์ Op-ed (opposite the editorial page) คือเหมือนเป็นแถลงการณ์ ในวารสารทางการแพทย์  New England Journal of Medicine ให้โลกระวังและวางแผนรับมือโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ให้เข้มข้นและเร่งด่วนอย่างยิ่ง รวมทั้งขอให้คนรวยๆช่วยบริจาคเงินเพื่อการพัฒนาวัคซีนและหาทางย่นระยะเวลาผลิดออกมาให้เร็วและกระจายได้ทั่วถึงอย่างเร่งรีบ อีกทั้งขอให้ประเทศที่รวยๆทั้งหลายช่วยประเทศที่ยากจนในประเด็นนี้ด้วย (เพราะมันกระจายไปทั่วโลก คือถ้าเราปล่อยให้ประเทศยากจนมีคนติดเชื้อเยอะ เชื้อที่ติดง่ายมากนี้มันก็จะมาสู่ประเทศคนรวยได้มากมายอยู่ดี)

เพื่อนๆช่วยแนะนำหน่อยครับว่าเราจะมีวิธีเสนอแนะแนวคิดนี้ต่อท่านอธิการบดีฯของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างไรดี  เพื่อสวัสดีภาพ และสุขภาพอันดีของคนทั้งชาติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสิตเหล่านี้จะต้องพัฒนาไปเป็นกำลังสำคัญในสังคมของเราต่อไป เพื่อความยั่งยืนและมั่นคงของชาติและประชาคมโลกด้วยนะถ้าจะว่าไป เพราะไทยแลนด์นี่ดังนะครับ คนมาเที่ยวเยอะนะ หนัง Hollywood ยังมีพูดถึง Thailand และ Bangkok บ่อยมาก  หุ้น AOT ถึงได้หล่อซะขนาดนั้น ("นั้น"นะ ไม่ใช่"นี้" คือก่อนโคโรนาไวร้สมา หล่อกว่านี้นะครับ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่