เห็นหลายคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ว่าจะโดนกีดกัน หรือทำให้ไม่ได้เกิด
เห็นแล้วก็คิดว่า ที่คุยกันนี่คือในไทย แค่นั้นละมั้ง หรือไม่ได้ตามข่าวรถยนต์ในต่างประเทศเลย
มันจะไม่เกิดได้ไง บ.รถยนต์ ที่ใหญ่ อันดับต้นๆของโลก ทั้ง volks tota gm bm benz และค่ายรถในยุโรปทั้งหลาย
ไหนจะ บ.ในจีน อีกหลายเจ้า มุ่งไปทางนั้นหมดแล้ว เปิดตัวรถใหม่ๆ มีแต่รถไฟฟ้า ตั้งหลายรุ่น tota ถึงมาช้า แต่ก็มานะ
บางคนบอก สมรรถนะ สู้รถน้ำมันไม่ได้ ถ้าเอาที่ขายในบ้านเรา ก็คงใช่ แต่ในตลาดต่างประเทศมันไม่ใช่เลย
รถไฟฟ้าแรงกว่าแบบคนละเรื่อง ในราคาที่ใกล้เคียงกัน ส่วนการชาร์จไฟ ประเทศไหนที่เขามีนโยบายสนับสนุน เขาก็มีสถานีชาร์จ
ไว้รองรับ อาจยังไม่เยอะเท่าปั๊ม แต่มันก็เพียงพอ เพราะดูจากคนที่เขาใช้กัน ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ วันนึงก็ไม่ได้วิ่งกัน 4-500 โลนะ
จากบ้าน ไปที่ทำงานมันพออยู่แล้ว ให้ไปกลับ 200 โลเลย แต่คงไม่มีใครอยู่ไกลขนาดนั้นมั้ง
แล้วตอนนี้แบตพัฒนาเร็วมาก รอดูงาน Battery day ของ Teslaได้เลย ว่าจะมีอะไรออกมาให้ว้าวได้บ้าง
การซ่อมบำรุงก็น้อย การรับประกันแบตยังมากกว่า อายุของรถในปัจจุบันด้วยซ้ำ
เห็นหลายคนกังวลเรื่องการซ่อม รถน้ำมันเดี๋ยวนี้ ซ่อมถูกที่ไหนเข้าศูนย์ทีก็หลายบาท แล้วยังมาเจอศูนย์แย่ๆ
อู่ข้างนอกก็ใช่ว่าจะดี เข้าไปไม่รู้เรื่องก็โดนฟันหัวแบะ หายากมาก อู่ดีๆ ที่ช่างเก่ง ซึงส่วนมากมันก็อยู่ไกลเราซะด้วย
ไหนจะกฏหมายสิ่งแวดล้อม ที่ออกมากดดันให้ บ.รถยนต์ต้องผลิตรถที่ปล่อยไอเสียออกมาให้น้อยลงทุกปี
ซึ่งในที่สุดเขาก็จะไม่ให้ใช้รถ ICE เลย ซึ่งไม่เกี่ยวกับราคาน้ำมันเลยนะว่าจะถูกจะแพง วัดกันที่ตัวรถล้วนๆ อนาคตรถไฟฟ้าจะไปได้ไกลมาก
ด้วยแพลตฟอร์มพื้นฐานแบบ Sketchboard มันทำให้ง่ายต่อการออกแบบและผลิตรถ ตัวถังแบบต่างๆครอบลงไปในมอเตอร์แบบเดียวกัน
ส่วนบ.น้ำมัน ผมว่ามันก็ไม่หายไปหรอก เพราะไฟฟ้าก็ผลิตจากน้ำมัน กับแก๊สเหมือนเดิม ยิ่งถ้าราคาถูก ค่าไฟยิ่งต้องถูกลงด้วย
ซึ่งพวกนี้มันเป็นทิศทางของโลกในอนาคต ประเทศเราเล็กๆแทบไม่มีผล กับการทิศทางเทรนของโลกเลยด้วยซ้ำ
นึกถึงตอน apple ออก smartphone นั่นและ ตอนนั้นก็มีคนไม่น้อย คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้มือถือแบบนั้นหรอก โท้เข้าออกก็พอ
แล้วตอนนี้เป็นไง ก็อย่างที่เห็น
เห็นหลายคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ว่าจะโดนกีดกัน หรือทำให้ไม่ได้เกิด?
เห็นแล้วก็คิดว่า ที่คุยกันนี่คือในไทย แค่นั้นละมั้ง หรือไม่ได้ตามข่าวรถยนต์ในต่างประเทศเลย
มันจะไม่เกิดได้ไง บ.รถยนต์ ที่ใหญ่ อันดับต้นๆของโลก ทั้ง volks tota gm bm benz และค่ายรถในยุโรปทั้งหลาย
ไหนจะ บ.ในจีน อีกหลายเจ้า มุ่งไปทางนั้นหมดแล้ว เปิดตัวรถใหม่ๆ มีแต่รถไฟฟ้า ตั้งหลายรุ่น tota ถึงมาช้า แต่ก็มานะ
บางคนบอก สมรรถนะ สู้รถน้ำมันไม่ได้ ถ้าเอาที่ขายในบ้านเรา ก็คงใช่ แต่ในตลาดต่างประเทศมันไม่ใช่เลย
รถไฟฟ้าแรงกว่าแบบคนละเรื่อง ในราคาที่ใกล้เคียงกัน ส่วนการชาร์จไฟ ประเทศไหนที่เขามีนโยบายสนับสนุน เขาก็มีสถานีชาร์จ
ไว้รองรับ อาจยังไม่เยอะเท่าปั๊ม แต่มันก็เพียงพอ เพราะดูจากคนที่เขาใช้กัน ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ วันนึงก็ไม่ได้วิ่งกัน 4-500 โลนะ
จากบ้าน ไปที่ทำงานมันพออยู่แล้ว ให้ไปกลับ 200 โลเลย แต่คงไม่มีใครอยู่ไกลขนาดนั้นมั้ง
แล้วตอนนี้แบตพัฒนาเร็วมาก รอดูงาน Battery day ของ Teslaได้เลย ว่าจะมีอะไรออกมาให้ว้าวได้บ้าง
การซ่อมบำรุงก็น้อย การรับประกันแบตยังมากกว่า อายุของรถในปัจจุบันด้วยซ้ำ
เห็นหลายคนกังวลเรื่องการซ่อม รถน้ำมันเดี๋ยวนี้ ซ่อมถูกที่ไหนเข้าศูนย์ทีก็หลายบาท แล้วยังมาเจอศูนย์แย่ๆ
อู่ข้างนอกก็ใช่ว่าจะดี เข้าไปไม่รู้เรื่องก็โดนฟันหัวแบะ หายากมาก อู่ดีๆ ที่ช่างเก่ง ซึงส่วนมากมันก็อยู่ไกลเราซะด้วย
ไหนจะกฏหมายสิ่งแวดล้อม ที่ออกมากดดันให้ บ.รถยนต์ต้องผลิตรถที่ปล่อยไอเสียออกมาให้น้อยลงทุกปี
ซึ่งในที่สุดเขาก็จะไม่ให้ใช้รถ ICE เลย ซึ่งไม่เกี่ยวกับราคาน้ำมันเลยนะว่าจะถูกจะแพง วัดกันที่ตัวรถล้วนๆ อนาคตรถไฟฟ้าจะไปได้ไกลมาก
ด้วยแพลตฟอร์มพื้นฐานแบบ Sketchboard มันทำให้ง่ายต่อการออกแบบและผลิตรถ ตัวถังแบบต่างๆครอบลงไปในมอเตอร์แบบเดียวกัน
ส่วนบ.น้ำมัน ผมว่ามันก็ไม่หายไปหรอก เพราะไฟฟ้าก็ผลิตจากน้ำมัน กับแก๊สเหมือนเดิม ยิ่งถ้าราคาถูก ค่าไฟยิ่งต้องถูกลงด้วย
ซึ่งพวกนี้มันเป็นทิศทางของโลกในอนาคต ประเทศเราเล็กๆแทบไม่มีผล กับการทิศทางเทรนของโลกเลยด้วยซ้ำ
นึกถึงตอน apple ออก smartphone นั่นและ ตอนนั้นก็มีคนไม่น้อย คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้มือถือแบบนั้นหรอก โท้เข้าออกก็พอ
แล้วตอนนี้เป็นไง ก็อย่างที่เห็น