ตอนนี้ Parasite มีเป็นไฟล์หนังดิจิตอลออกมาแล้ว หลายคนคงได้ดูตามหลัง จากที่ฉายในโรงภาพยนตร์
ผมชอบดูหนังและชอบวิเคราะห์หนัง หนังที่ดีจะมีความนัยซ่อนอยู่ พออ่านหนังได้ก็รู้สึกอิ่มเอม
แต่ผมเป็นมือสมัครเล่น ขอออกตัวว่าอาจมีการตีความที่อาจผิดไป ผู้รู้อาจทักท้วง ยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อได้รู้เพิ่มเติมครับ
...............
วิเคราะห์ Parasite ของผู้กำกับ บองจุนโฮ แบบถึงกึ๋น ชำแหละทุกซีน
...ว่าทำไมหนังสัญชาติเกาหลีเรื่องนี้ ถึงได้ออสการ์และรางวัลใหญ่ ๆ ไปทั่วโลก
จริงหรือที่บางคนบอกว่าหนังก็ไม่เห็นมีอะไรมาก
แม้แต่ โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกายังไม่เอนจอยที่หนัง Parasite ได้ออสการ์ปีนี้ แทนที่จะเป็นฝรั่ง
ถ้าทรัมป์ได้อ่านบทความนี้ ทรัมป์จะไม่งงว่าทำไม Parasite ถึงชนะออสการ์
หนังอะไรก็ไม่รู้ นักแสดงก็ไม่กี่ตัว โลเคชั่นไม่กี่ฉาก ลงทุนสร้างตัวเงินไม่ได้มากมาย แต่ลงทุนความคิดมหาศาล
ถ้าหนังไทย คิดได้แบบนี้ ก็มีสิทธิลุ้นออสการ์กับเขาได้บ้างครับ

........
อย่างที่ทราบ หนังเกาหลีเรื่อง Parasite กวาดรางวัลจากหลายสถาบัน และออสการ์ไปอีกถึง 4 รางวัล
คือ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
Parasite คู่ควรเป็นหนังยอดเยี่ยมแห่งปีโดยไม่ต้องสงสัย หนังเสียดสีชนชั้นเรื่องนี้ทั้งสนุก ตลก และซ่อนสาระให้คนดูเติมเต็มได้อีกถ้าหากขุดพบสิ่งที่ผู้กำกับได้ซ่อนไว้อย่างชาญฉลาด
หรือถ้าขุดไม่พบ ก็ยังสนุกอยู่ดี คือเป็นหนังที่ไม่ต้องปีนกระไดดู ก็ได้ความสนุกโดยเท่าเทียมกัน เป็นการยืนยัน หนังรางวัลไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อ
.......คำเตือน....มีสปอยล์นะครับ ใครยังไม่ได้ดู ไปดูก่อนก็ดีนะครับ หรือใครอยากรู้ว่า Parasite มีอะไรดี แบบชำแหละทุกรายละเอียด ไม่ต้องรอดูหนังแต่อยากอ่าน รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ
เล่าเรื่องย่อ ๆ .....
ครอบครัวตระกูลคิม เป็นครอบครัวยากจนข้นแค้นสุด ๆ ในย่านสลัมที่เต็มไปด้วยซอกหลืบของกรุงโซล ขนาดที่ว่าพื้นบ้านอยู่ระดับต่ำกว่าพื้นถนน วิวผ่านหน้าต่างเป็นถนนแคบ ๆ ที่คนในชุมชนสัญจรและมักมีคนเมาตัวแสบเดินตุปัดตุเป๋ มาเยี่ยวใส่เสาไฟ ชนิดประชิดติดหน้าต่างบ้านกันทีเดียว พ่อ คิมกีแท็ก (ซงคังโฮ) และแม่ คิมชงซุก (จัง ฮเยจิน) ไม่ได้เรียนหนังสือ ส่วนลูกชาย "คิมกีวู" (ชเวอูชิก) และลูกสาว "คิมคิจอง" (พัคโซดัม) ไม่มีใครสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้สักคนเดียว สมาชิกทั้งหมดในบ้านหาเลี้ยงชีวิตด้วยการทำกล่องพิซซ่าส่งให้ร้านท้องถิ่น ขณะที่สัญญาณไวไฟยังต้องขโมยจากเพื่อนบ้านเป็นวัน ๆ ไป
แล้วโอกาสก็มาถึงตระกูลคิม เมื่อ "มินฮยอก" เพื่อนสนิทของกีวู อยากส่งต่องานสอนพิเศษลูกสาวคนรวยระดับมหาเศรษฐีให้คิมกีวู เพราะมินฮยอกจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ กีวูคว้าโอกาสไว้อย่างไม่ลังเล ถึงแม้ว่าจะเรียนไม่จบอะไรเลย แต่การสมอ้างเป็นครูสอนพิเศษก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขา เพราะเขาหัวดีพอใช้และมีทักษะการสอนที่ไม่เป็นรองใคร และด้วยการช่วยเหลือของคิจอง น้องสาว ที่ทักษะโฟโต้ชอบขั้นเทพ ใบรับรองการศึกษาปลอมก็ถูกทำขึ้นในชั่วข้ามคืน
ตั้งแต่วันแรกที่กีวูทดลองสอน "ทาเฮ" ลูกสาววัยรุ่นคุณนายพัค กีวู หรือที่เรียกตัวเองว่าครูเควิน ใช้ชั้นเชิงความกะล่อน จนได้ความไว้วางใจจากคุณนายพัคไปทั้งหมด คุณนายพัคเปิดใจว่าตนเองยังกังวลกับเรื่องลูกชายตัวเล็กวัยประถมอีกคนหนึ่ง ชื่อ "ทาซง" ที่ชอบวาดภาพด้วยรูปทรงแปลก ๆ และมีจินตนาการประหลาด ๆ เกี่ยวกับอินเดียแดง กีวูเลยสบช่องใช้ความกลัวของคุณนายพัค หลอกเอาน้องสาวของตัวเองเข้ามาทำงานในบ้านตระกูลพัคอีกคนหนึ่ง โดยบอกว่าทาซงอาจจะมีอาการป่วยทางจิตเภทและต้องได้รับการบำบัดด้วยศิลปะบำบัด ด้วยครูศิลปะบำบัดเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และตนเองรู้จักครูแนวนี้อยู่คนหนึ่ง ชื่อ ครูเจสสิกา ซึ่งก็คือ คิจอง น้องสาวของกีวูนั่นเอง
คิจองหรือครูเจสสิกาก็หลอกคุณนายตระกูลพัคอย่างอยู่หมัดเช่นเดียวกัน และในวันนี้เองที่ทั้งครูเควิน (กีวู) และครูเจสสิกา (คิจอง) ได้เจอคุณชายพัค สามีคุณนายพัค ที่เป็นนักธุรกิจบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ที่ภายใต้บุคลิกเรียบเฉยของเขาแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งและมีความถือตัว วางใจคนยากไม่เหมือนกับคุณนายพัค รวมทั้งในคฤหาสน์ของตระกูล ยังมี "มุนกวัง" แม่บ้านประจำคฤหาสน์และคนขับรถประจำตัวคุณนายพัคอีกคน ที่ทั้งกีวูและคิจองต้องการกำจัดออกไปจากบ้าน คิจองหรือครูเจสสิกาใช้แผนชั่วร้ายกำจัดคนขับรถประจำตัวของคุณชายพัคได้อย่างง่าย ๆ แผนชั่วร้ายของทั้งสองยังดำเนินต่อไป จนสามารถเอาพ่อเข้ามาเป็นคนขับรถคนใหม่ และเอาแม่เข้ามาทำงานเป็นแม่บ้าน ส่วนแม่บ้านคนเดิมก็ถูกขจัดออกไปด้วยแผนอันแยบยลของครอบครัวคิม
ถึงจุดนี้ก็ไม่มีใครมาฉุดความฝันอันแสนทะเยอทะยานของครอบครัวตระกูลคิมได้อีกแล้ว สมาชิกตระกูลคิมจอม 18 มงกุฎจึงเข้ามาเกาะกินความร่ำรวยหรูหราของครอบครัวตระกูลพัคได้ไม่แตกต่างจากเชื้อปรสิตเข้าครอบครองร่างกายยังไงยังงั้นเลย
ทีนี้เรื่องมันเริ่มวุ่นและไม่เป็นไปตามแผน ก็วันที่ครอบครัวเจ้านายทิ้งคฤหาสน์ไว้กับแม่บ้าน "คิมซงชุก" ที่พอรถเจ้านายหายลับไปจากสายตาไม่ทันไร ก็ให้สัญญาณเรียก กีวู คิจอง และพ่อ เข้ามาสวมบทเจ้าของคฤหาสน์แทนซะเลย ทั้งนอนเล่นในสวน นอนแช่ตัวในอ่าง จัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ตรงโซฟา ดื่มกินเหล้าฟรีกันเละเทะ แถมคุยเมาท์เจ้านายในความโง่และซื่อ แต่ความสุขมันแสนสั้น เมื่อ จู่ ๆกลางดึกที่ฝนเทลงมาอย่างหนักก็มีเสียงกดกริ่งดังลั่น ปรากฎว่าเป็นแม่บ้านคนเก่าขอกลับมาเอาของที่คฤหาสน์
แต่แท้ที่จริงแล้วแม่บ้านกลับมาด้วยวัตถุประสงค์ลึกลับบางอย่างที่สมาชิกตระกูลคิมถึงกับตกตะลึง เมื่อล่วงรู้ถึงความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน และความลับที่น่าสะพรึงนี่เอง ที่อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้แผนที่วางไว้อย่างดีของคนตระกูลคิม ต้องพังทลายไม่เป็นท่า
แผนของตระกูลคิมจะถูกเปิดโปงหรือไม่ พวกเขาจะแก้เกมกับแม่บ้านคนเก่าที่กลับมาทวงบัลลังก์อำนาจในคฤหาสน์หรูได้ไหม และสุดท้ายเรื่องราวจะจบอย่างไร ระหว่างชนชั้นที่เป็นปรสิต และชนชั้นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ถูกปรสิตเกาะกิน
................
ความกลัวและการหลอกลวง
คนรวยล้นฟ้าอย่างตระกูลพัค ไม่ต้องมีความกังวลเรื่องปากเรื่องท้องเหมือนคนจน แต่ที่ยังกลัวไม่แตกต่างกับพ่อแม่คนอื่น ๆ คือ กลัวอนาคตของลูก ๆ โตขึ้นจะเป็นอย่างไร อะไรที่ทุ่มเทให้ลูก ๆ ได้ก็จะทำหมด จึงไม่แปลกที่คุณนายพัคจะพยายามจัดหาครูที่เก่ง ๆ มาสอนถึงที่บ้าน และความกลัวแบบนี้ที่คิมกีวูมองเห็นเป็นคนแรก ก็เลยสบช่องให้เขาใช้มันเป็นเครื่องมือในการเข้ามาสูบเอาผลประโยชน์ของชนชั้นสูงได้อย่างง่ายดาย
ก็เหมือนที่ "คิมกีวู" หรือในคราบครูเควิน บอกว่าผลงานศิลปะของทาซง ลูกชายตัวเล็กของคุณนายพัค ส่ออาการป่วยทางจิต คำพูดแค่นี้ก็ถึงกับทำให้คุณนายพัคถึงกับวิตกจริต ต้องรีบหานักศิลปะบำบัดมาประจำถึงบ้าน ซึงก็คือ คิมคิจอง น้องสาวของเขา ที่มาในคราบนักศิลปะบำบัด "ครูเจสสิกา"
กีวูกับคิจองช่วยกันยกเอาทฤษฎีมั่ว ๆ ไม่ว่าเรื่องใด ๆ คุณนายพัคก็เชื่อไปหมด ส่วนคุณชายพัคที่ไม่ค่อยสนใจในการลงรายละเอียดเรื่องลูกมากนัก ก็เพียงแต่หาเงินมาให้ภรรยาขี้กังวลมาจ้างครูกำมะลอทั้งสองคน
แย่กว่านั้น กีวูยังมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับ "ทาเฮ" ลูกสาวตระกูลพัค เมื่อคุณนายพัควางใจให้กีวูติวหนังสือในห้องส่วนตัว เพียงแค่ข้ามวัน กีวูก็จูบกับทาเฮ ที่พร้อมจะอารมณ์อ่อนไหวกับผู้ชายหล่อ ๆ โดยที่กีวูไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ทั้งที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับมินฮยอก เพื่อนสนิท ที่ชอบทาเฮอยู่เช่นกัน ใครจะคิดว่าที่มินฮยอกยกงานสอนให้กีวู เพื่อให้เป็นเหมือนไม้กันหมาไม่ให้คู่แข่งผู้ชายคนอื่นเข้าถึงตัวทาเฮ แต่กลับเป็นว่ากีวูเองนั่นแหละที่หักหลังเพื่อนหน้าตาเฉย เลยเป็นเหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวยังไงยังงั้น และพอทาเฮก็เป็นใจด้วยแล้ว ทั้งสองก็แอบจูบแอบกอดกันทุกครั้งที่พ่อแม่เผลอ
คิมกีวูหมกมุ่นกับความหลอกลวง ในคราบ"ครูเควิน" ครูติวภาษาอังกฤษ กีวูมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมาย ที่สามารถหยิบยกมาสอน แต่เขากลับให้ทาเฮท่องศัพท์คำว่า "Pretend" ให้ขึ้นใจ และทาเฮที่อยู่กับความหลอกลวงตลอดเวลา ก็ไม่เคยรู้สึกตัวว่าตนเองโดนหลอก
ทาเฮกลับฟ้องครูเควินของเธอ ว่า "ทาซง" น้องชายที่บ้าอินเดียแดง เป็นจอมหลอกลวง เที่ยวหลอกคนอื่นไปทั่ว ทั้ง ๆ ที่ควรจะมองว่าความซนและจินตนาการของเด็กเป็นเพียงอาการใสซื่อและเป็นความงดงาม
เช่นเดียวกับคุณนายพัคที่คล้อยตามกับการวินิจฉัยของคิมคิจอง หรือในคราบ "ครูเจสสิกา" ที่ใช้ความกลัวของคุณนายพัค เพื่อหลอกคุณนายให้เชื่อว่าลูกตัวเองมีอาการป่วยทางจิตเภท คุณนายพัคจึงถูกหลอกสองชั้น คือถูกพี่น้องตระกูลคิมหลอกและหลอกตัวเอง
คิจองสวมรอยเป็นนักศิลปะบำบัด ที่เนียนไม่แพ้พี่ชาย เธอไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ไร้ความเมตตา เท่า ๆ กับพี่ชาย แต่เรื่องปฎิภาณ คิมกีวูที่ปฎิภาณไหวพริบว่าฉับไวแล้ว คิมคิจองยังมีไหวพริบมากกว่า และมีความเหมือนผู้ดีมากกว่าคิมกีวู ตอนที่คิมคิจองนอนแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ คิมกีวูเห็นยังอดรำพึงในใจไม่ได้ว่า คิมคิจองเหมือนชนชั้นสูงโดยไม่ต้องพยายามเลย ถ้ามองในเรื่องความเป็นอิสระทางจิตใจแล้ว คิมคิจอง เป็นอิสระทางใจมากกว่า เธอพร้อมจะปล่อยวางได้ทุกเมื่อ ขณะที่คิมกีวูหมกมุ่นกับการที่ต้องเสแสร้งแกล้งเป็นอยู่ตลอดเวลา และเพราะตกอยู่ในวังวนความคิดอย่างที่แยกความจริงความลวงไม่ออก จึงอาจพูดได้ว่า ในบรรดาคนที่ที่ถูกคิมกีวูหลอก ที่หลอกจนสนิทจริง ๆ ก็คือตัวเขาเองนี่แหละ
ส่วนคุณชายและคุณนายตระกูลพัค เราอาจจะรู้สึกว่าคุณนายพัค ถูกหลอกง่ายที่สุด ด้วยความคิดที่ออกจะซื่อไปหน่อย แต่คนที่เต็มไปด้วยความระแวงและจ้องตรวจสอบ อย่างคุณชาย นาธาน พัค กลับถูกหลอกเพราะความคิดซับซ้อนของตัวเองแท้ ๆ ในฉากที่คุณชายพัคบอกคุณนาย ว่าคนขับรถหนุ่มหล่อมีอะไรกับผู้หญิงที่เบาะหลัง แล้วผู้หญิงลืมทิ้งกางเกงในไว้ในรถ คุณชายพัครู้สึกว่ามันเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้หญิงที่มีสติสัมปชัญญะค่อนข้างดี เครื่องประดับเล็ก ๆ ยังไม่ลืม แล้วจะมาลืมกางเกงในชิ้นใหญ่ ๆ ได้
ทีแรกเรานึกว่าแผนของคิมกิจองที่แอบถอดกางเกงใน เพื่อปรักปรำคนขับรถหนุ่ม แผนจะต้องมาแตกซะแล้วเพราะวางแผนไม่สมเหตุสมผล แต่กลับกลายเป็นว่า คุณชายพัคกลับคิดซับซ้อน จนกลายเป็นหาเหตุผลมาสนับสนุนแผนของคิมกิจองเข้าไปอีก โดยช่วยอธิบายว่า ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงนั่นคงจะเมายาไอซ์ แล้วก็กระซิบข้างหูคุณนาย เท่านั้นเองคุณนายก็สะดุ้งตกใจ แผนของคิมกิจองไม่มาแตก ก็เพราะคุณชายพัค ช่วยเอาไว้แท้ ๆ
คุณชายนาธาน พัคและคุณนาย ยังเสแสร้งแกล้งทำเป็นรังเกียจการมีเซ็กส์ของคนขับรถหนุ่มทางเบาะหลังรถ แต่ทั้งคุณชายและคุณนายต่างก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว แถมยังเล่นยาจนติดงอมเหมือนกัน ถึงแม้ว่าในหนังจะไม่บอกเรื่องพฤติกรรมของคุณชายและของคุณนายตรง ๆ แต่เรารู้ว่าทั้งสองคงเคยมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาแล้ว อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง แต่หนังก็ไม่ได้ปิดบังอะไรขนาดนั้น เราเดาได้ว่าฉากที่คุณชายนาธาน พัค กระซิบข้างหูคุณนายจนคุณนายแทบช็อค เราก็พอเดาได้ว่าคุณชายพูดอะไร และยังมีฉากที่ตอกย้ำต่อเนื่อง ในตอนที่คุณชายมีอารมณ์กับคุณนายตรงโซฟา คุณนายก็ยังครวญครางถามหายาด้วยเสียงกระเส่า พฤติกรรมตอนลืมตัวของคุณนายและคุณชาย ถูกปกปิดในการดำเนินชีวิตแบบปกติตามสไตล์ชนชั้นสูง ที่กิริยาอาการต้องดูเนี้ยบไปหมด
ความต่างของการเสแสร้งระหว่างสองชนชั้นอยู่ตรงที่ ชนชั้นล่างอย่างตระกูลคิม ถึงเสแสร้งก็รู้ตัวเองว่าเสแสร้ง ถ้าจะกลับลำกลับมาเป็นปกติก็ทำได้ แต่การเสแสร้งของตระกูลพัค เป็นการเสแสร้งที่ไม่รู้ตัว ความเสแสร้งแบบนี้ก็อยู่ติดตัวจนตายไปก็ยังไม่รู้ตัว
อ่านต่อโพสต์ต่อไปครับ
[SR] ชำแหละ Parasite มีอะไรดี ทำไมฝรั่งยังซูฮก
ผมชอบดูหนังและชอบวิเคราะห์หนัง หนังที่ดีจะมีความนัยซ่อนอยู่ พออ่านหนังได้ก็รู้สึกอิ่มเอม
แต่ผมเป็นมือสมัครเล่น ขอออกตัวว่าอาจมีการตีความที่อาจผิดไป ผู้รู้อาจทักท้วง ยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อได้รู้เพิ่มเติมครับ
...............
วิเคราะห์ Parasite ของผู้กำกับ บองจุนโฮ แบบถึงกึ๋น ชำแหละทุกซีน
...ว่าทำไมหนังสัญชาติเกาหลีเรื่องนี้ ถึงได้ออสการ์และรางวัลใหญ่ ๆ ไปทั่วโลก
จริงหรือที่บางคนบอกว่าหนังก็ไม่เห็นมีอะไรมาก
แม้แต่ โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกายังไม่เอนจอยที่หนัง Parasite ได้ออสการ์ปีนี้ แทนที่จะเป็นฝรั่ง
ถ้าทรัมป์ได้อ่านบทความนี้ ทรัมป์จะไม่งงว่าทำไม Parasite ถึงชนะออสการ์
หนังอะไรก็ไม่รู้ นักแสดงก็ไม่กี่ตัว โลเคชั่นไม่กี่ฉาก ลงทุนสร้างตัวเงินไม่ได้มากมาย แต่ลงทุนความคิดมหาศาล
ถ้าหนังไทย คิดได้แบบนี้ ก็มีสิทธิลุ้นออสการ์กับเขาได้บ้างครับ
........
อย่างที่ทราบ หนังเกาหลีเรื่อง Parasite กวาดรางวัลจากหลายสถาบัน และออสการ์ไปอีกถึง 4 รางวัล
คือ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
Parasite คู่ควรเป็นหนังยอดเยี่ยมแห่งปีโดยไม่ต้องสงสัย หนังเสียดสีชนชั้นเรื่องนี้ทั้งสนุก ตลก และซ่อนสาระให้คนดูเติมเต็มได้อีกถ้าหากขุดพบสิ่งที่ผู้กำกับได้ซ่อนไว้อย่างชาญฉลาด
หรือถ้าขุดไม่พบ ก็ยังสนุกอยู่ดี คือเป็นหนังที่ไม่ต้องปีนกระไดดู ก็ได้ความสนุกโดยเท่าเทียมกัน เป็นการยืนยัน หนังรางวัลไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อ
.......คำเตือน....มีสปอยล์นะครับ ใครยังไม่ได้ดู ไปดูก่อนก็ดีนะครับ หรือใครอยากรู้ว่า Parasite มีอะไรดี แบบชำแหละทุกรายละเอียด ไม่ต้องรอดูหนังแต่อยากอ่าน รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ
เล่าเรื่องย่อ ๆ .....
ครอบครัวตระกูลคิม เป็นครอบครัวยากจนข้นแค้นสุด ๆ ในย่านสลัมที่เต็มไปด้วยซอกหลืบของกรุงโซล ขนาดที่ว่าพื้นบ้านอยู่ระดับต่ำกว่าพื้นถนน วิวผ่านหน้าต่างเป็นถนนแคบ ๆ ที่คนในชุมชนสัญจรและมักมีคนเมาตัวแสบเดินตุปัดตุเป๋ มาเยี่ยวใส่เสาไฟ ชนิดประชิดติดหน้าต่างบ้านกันทีเดียว พ่อ คิมกีแท็ก (ซงคังโฮ) และแม่ คิมชงซุก (จัง ฮเยจิน) ไม่ได้เรียนหนังสือ ส่วนลูกชาย "คิมกีวู" (ชเวอูชิก) และลูกสาว "คิมคิจอง" (พัคโซดัม) ไม่มีใครสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้สักคนเดียว สมาชิกทั้งหมดในบ้านหาเลี้ยงชีวิตด้วยการทำกล่องพิซซ่าส่งให้ร้านท้องถิ่น ขณะที่สัญญาณไวไฟยังต้องขโมยจากเพื่อนบ้านเป็นวัน ๆ ไป
แล้วโอกาสก็มาถึงตระกูลคิม เมื่อ "มินฮยอก" เพื่อนสนิทของกีวู อยากส่งต่องานสอนพิเศษลูกสาวคนรวยระดับมหาเศรษฐีให้คิมกีวู เพราะมินฮยอกจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ กีวูคว้าโอกาสไว้อย่างไม่ลังเล ถึงแม้ว่าจะเรียนไม่จบอะไรเลย แต่การสมอ้างเป็นครูสอนพิเศษก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขา เพราะเขาหัวดีพอใช้และมีทักษะการสอนที่ไม่เป็นรองใคร และด้วยการช่วยเหลือของคิจอง น้องสาว ที่ทักษะโฟโต้ชอบขั้นเทพ ใบรับรองการศึกษาปลอมก็ถูกทำขึ้นในชั่วข้ามคืน
ตั้งแต่วันแรกที่กีวูทดลองสอน "ทาเฮ" ลูกสาววัยรุ่นคุณนายพัค กีวู หรือที่เรียกตัวเองว่าครูเควิน ใช้ชั้นเชิงความกะล่อน จนได้ความไว้วางใจจากคุณนายพัคไปทั้งหมด คุณนายพัคเปิดใจว่าตนเองยังกังวลกับเรื่องลูกชายตัวเล็กวัยประถมอีกคนหนึ่ง ชื่อ "ทาซง" ที่ชอบวาดภาพด้วยรูปทรงแปลก ๆ และมีจินตนาการประหลาด ๆ เกี่ยวกับอินเดียแดง กีวูเลยสบช่องใช้ความกลัวของคุณนายพัค หลอกเอาน้องสาวของตัวเองเข้ามาทำงานในบ้านตระกูลพัคอีกคนหนึ่ง โดยบอกว่าทาซงอาจจะมีอาการป่วยทางจิตเภทและต้องได้รับการบำบัดด้วยศิลปะบำบัด ด้วยครูศิลปะบำบัดเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และตนเองรู้จักครูแนวนี้อยู่คนหนึ่ง ชื่อ ครูเจสสิกา ซึ่งก็คือ คิจอง น้องสาวของกีวูนั่นเอง
คิจองหรือครูเจสสิกาก็หลอกคุณนายตระกูลพัคอย่างอยู่หมัดเช่นเดียวกัน และในวันนี้เองที่ทั้งครูเควิน (กีวู) และครูเจสสิกา (คิจอง) ได้เจอคุณชายพัค สามีคุณนายพัค ที่เป็นนักธุรกิจบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ที่ภายใต้บุคลิกเรียบเฉยของเขาแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งและมีความถือตัว วางใจคนยากไม่เหมือนกับคุณนายพัค รวมทั้งในคฤหาสน์ของตระกูล ยังมี "มุนกวัง" แม่บ้านประจำคฤหาสน์และคนขับรถประจำตัวคุณนายพัคอีกคน ที่ทั้งกีวูและคิจองต้องการกำจัดออกไปจากบ้าน คิจองหรือครูเจสสิกาใช้แผนชั่วร้ายกำจัดคนขับรถประจำตัวของคุณชายพัคได้อย่างง่าย ๆ แผนชั่วร้ายของทั้งสองยังดำเนินต่อไป จนสามารถเอาพ่อเข้ามาเป็นคนขับรถคนใหม่ และเอาแม่เข้ามาทำงานเป็นแม่บ้าน ส่วนแม่บ้านคนเดิมก็ถูกขจัดออกไปด้วยแผนอันแยบยลของครอบครัวคิม
ถึงจุดนี้ก็ไม่มีใครมาฉุดความฝันอันแสนทะเยอทะยานของครอบครัวตระกูลคิมได้อีกแล้ว สมาชิกตระกูลคิมจอม 18 มงกุฎจึงเข้ามาเกาะกินความร่ำรวยหรูหราของครอบครัวตระกูลพัคได้ไม่แตกต่างจากเชื้อปรสิตเข้าครอบครองร่างกายยังไงยังงั้นเลย
ทีนี้เรื่องมันเริ่มวุ่นและไม่เป็นไปตามแผน ก็วันที่ครอบครัวเจ้านายทิ้งคฤหาสน์ไว้กับแม่บ้าน "คิมซงชุก" ที่พอรถเจ้านายหายลับไปจากสายตาไม่ทันไร ก็ให้สัญญาณเรียก กีวู คิจอง และพ่อ เข้ามาสวมบทเจ้าของคฤหาสน์แทนซะเลย ทั้งนอนเล่นในสวน นอนแช่ตัวในอ่าง จัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ตรงโซฟา ดื่มกินเหล้าฟรีกันเละเทะ แถมคุยเมาท์เจ้านายในความโง่และซื่อ แต่ความสุขมันแสนสั้น เมื่อ จู่ ๆกลางดึกที่ฝนเทลงมาอย่างหนักก็มีเสียงกดกริ่งดังลั่น ปรากฎว่าเป็นแม่บ้านคนเก่าขอกลับมาเอาของที่คฤหาสน์
แต่แท้ที่จริงแล้วแม่บ้านกลับมาด้วยวัตถุประสงค์ลึกลับบางอย่างที่สมาชิกตระกูลคิมถึงกับตกตะลึง เมื่อล่วงรู้ถึงความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน และความลับที่น่าสะพรึงนี่เอง ที่อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้แผนที่วางไว้อย่างดีของคนตระกูลคิม ต้องพังทลายไม่เป็นท่า
แผนของตระกูลคิมจะถูกเปิดโปงหรือไม่ พวกเขาจะแก้เกมกับแม่บ้านคนเก่าที่กลับมาทวงบัลลังก์อำนาจในคฤหาสน์หรูได้ไหม และสุดท้ายเรื่องราวจะจบอย่างไร ระหว่างชนชั้นที่เป็นปรสิต และชนชั้นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ถูกปรสิตเกาะกิน
................
ความกลัวและการหลอกลวง
คนรวยล้นฟ้าอย่างตระกูลพัค ไม่ต้องมีความกังวลเรื่องปากเรื่องท้องเหมือนคนจน แต่ที่ยังกลัวไม่แตกต่างกับพ่อแม่คนอื่น ๆ คือ กลัวอนาคตของลูก ๆ โตขึ้นจะเป็นอย่างไร อะไรที่ทุ่มเทให้ลูก ๆ ได้ก็จะทำหมด จึงไม่แปลกที่คุณนายพัคจะพยายามจัดหาครูที่เก่ง ๆ มาสอนถึงที่บ้าน และความกลัวแบบนี้ที่คิมกีวูมองเห็นเป็นคนแรก ก็เลยสบช่องให้เขาใช้มันเป็นเครื่องมือในการเข้ามาสูบเอาผลประโยชน์ของชนชั้นสูงได้อย่างง่ายดาย
ก็เหมือนที่ "คิมกีวู" หรือในคราบครูเควิน บอกว่าผลงานศิลปะของทาซง ลูกชายตัวเล็กของคุณนายพัค ส่ออาการป่วยทางจิต คำพูดแค่นี้ก็ถึงกับทำให้คุณนายพัคถึงกับวิตกจริต ต้องรีบหานักศิลปะบำบัดมาประจำถึงบ้าน ซึงก็คือ คิมคิจอง น้องสาวของเขา ที่มาในคราบนักศิลปะบำบัด "ครูเจสสิกา"
กีวูกับคิจองช่วยกันยกเอาทฤษฎีมั่ว ๆ ไม่ว่าเรื่องใด ๆ คุณนายพัคก็เชื่อไปหมด ส่วนคุณชายพัคที่ไม่ค่อยสนใจในการลงรายละเอียดเรื่องลูกมากนัก ก็เพียงแต่หาเงินมาให้ภรรยาขี้กังวลมาจ้างครูกำมะลอทั้งสองคน
แย่กว่านั้น กีวูยังมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับ "ทาเฮ" ลูกสาวตระกูลพัค เมื่อคุณนายพัควางใจให้กีวูติวหนังสือในห้องส่วนตัว เพียงแค่ข้ามวัน กีวูก็จูบกับทาเฮ ที่พร้อมจะอารมณ์อ่อนไหวกับผู้ชายหล่อ ๆ โดยที่กีวูไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ทั้งที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับมินฮยอก เพื่อนสนิท ที่ชอบทาเฮอยู่เช่นกัน ใครจะคิดว่าที่มินฮยอกยกงานสอนให้กีวู เพื่อให้เป็นเหมือนไม้กันหมาไม่ให้คู่แข่งผู้ชายคนอื่นเข้าถึงตัวทาเฮ แต่กลับเป็นว่ากีวูเองนั่นแหละที่หักหลังเพื่อนหน้าตาเฉย เลยเป็นเหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวยังไงยังงั้น และพอทาเฮก็เป็นใจด้วยแล้ว ทั้งสองก็แอบจูบแอบกอดกันทุกครั้งที่พ่อแม่เผลอ
คิมกีวูหมกมุ่นกับความหลอกลวง ในคราบ"ครูเควิน" ครูติวภาษาอังกฤษ กีวูมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมาย ที่สามารถหยิบยกมาสอน แต่เขากลับให้ทาเฮท่องศัพท์คำว่า "Pretend" ให้ขึ้นใจ และทาเฮที่อยู่กับความหลอกลวงตลอดเวลา ก็ไม่เคยรู้สึกตัวว่าตนเองโดนหลอก
ทาเฮกลับฟ้องครูเควินของเธอ ว่า "ทาซง" น้องชายที่บ้าอินเดียแดง เป็นจอมหลอกลวง เที่ยวหลอกคนอื่นไปทั่ว ทั้ง ๆ ที่ควรจะมองว่าความซนและจินตนาการของเด็กเป็นเพียงอาการใสซื่อและเป็นความงดงาม
เช่นเดียวกับคุณนายพัคที่คล้อยตามกับการวินิจฉัยของคิมคิจอง หรือในคราบ "ครูเจสสิกา" ที่ใช้ความกลัวของคุณนายพัค เพื่อหลอกคุณนายให้เชื่อว่าลูกตัวเองมีอาการป่วยทางจิตเภท คุณนายพัคจึงถูกหลอกสองชั้น คือถูกพี่น้องตระกูลคิมหลอกและหลอกตัวเอง
คิจองสวมรอยเป็นนักศิลปะบำบัด ที่เนียนไม่แพ้พี่ชาย เธอไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ไร้ความเมตตา เท่า ๆ กับพี่ชาย แต่เรื่องปฎิภาณ คิมกีวูที่ปฎิภาณไหวพริบว่าฉับไวแล้ว คิมคิจองยังมีไหวพริบมากกว่า และมีความเหมือนผู้ดีมากกว่าคิมกีวู ตอนที่คิมคิจองนอนแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ คิมกีวูเห็นยังอดรำพึงในใจไม่ได้ว่า คิมคิจองเหมือนชนชั้นสูงโดยไม่ต้องพยายามเลย ถ้ามองในเรื่องความเป็นอิสระทางจิตใจแล้ว คิมคิจอง เป็นอิสระทางใจมากกว่า เธอพร้อมจะปล่อยวางได้ทุกเมื่อ ขณะที่คิมกีวูหมกมุ่นกับการที่ต้องเสแสร้งแกล้งเป็นอยู่ตลอดเวลา และเพราะตกอยู่ในวังวนความคิดอย่างที่แยกความจริงความลวงไม่ออก จึงอาจพูดได้ว่า ในบรรดาคนที่ที่ถูกคิมกีวูหลอก ที่หลอกจนสนิทจริง ๆ ก็คือตัวเขาเองนี่แหละ
ส่วนคุณชายและคุณนายตระกูลพัค เราอาจจะรู้สึกว่าคุณนายพัค ถูกหลอกง่ายที่สุด ด้วยความคิดที่ออกจะซื่อไปหน่อย แต่คนที่เต็มไปด้วยความระแวงและจ้องตรวจสอบ อย่างคุณชาย นาธาน พัค กลับถูกหลอกเพราะความคิดซับซ้อนของตัวเองแท้ ๆ ในฉากที่คุณชายพัคบอกคุณนาย ว่าคนขับรถหนุ่มหล่อมีอะไรกับผู้หญิงที่เบาะหลัง แล้วผู้หญิงลืมทิ้งกางเกงในไว้ในรถ คุณชายพัครู้สึกว่ามันเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้หญิงที่มีสติสัมปชัญญะค่อนข้างดี เครื่องประดับเล็ก ๆ ยังไม่ลืม แล้วจะมาลืมกางเกงในชิ้นใหญ่ ๆ ได้
ทีแรกเรานึกว่าแผนของคิมกิจองที่แอบถอดกางเกงใน เพื่อปรักปรำคนขับรถหนุ่ม แผนจะต้องมาแตกซะแล้วเพราะวางแผนไม่สมเหตุสมผล แต่กลับกลายเป็นว่า คุณชายพัคกลับคิดซับซ้อน จนกลายเป็นหาเหตุผลมาสนับสนุนแผนของคิมกิจองเข้าไปอีก โดยช่วยอธิบายว่า ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงนั่นคงจะเมายาไอซ์ แล้วก็กระซิบข้างหูคุณนาย เท่านั้นเองคุณนายก็สะดุ้งตกใจ แผนของคิมกิจองไม่มาแตก ก็เพราะคุณชายพัค ช่วยเอาไว้แท้ ๆ
คุณชายนาธาน พัคและคุณนาย ยังเสแสร้งแกล้งทำเป็นรังเกียจการมีเซ็กส์ของคนขับรถหนุ่มทางเบาะหลังรถ แต่ทั้งคุณชายและคุณนายต่างก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว แถมยังเล่นยาจนติดงอมเหมือนกัน ถึงแม้ว่าในหนังจะไม่บอกเรื่องพฤติกรรมของคุณชายและของคุณนายตรง ๆ แต่เรารู้ว่าทั้งสองคงเคยมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาแล้ว อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง แต่หนังก็ไม่ได้ปิดบังอะไรขนาดนั้น เราเดาได้ว่าฉากที่คุณชายนาธาน พัค กระซิบข้างหูคุณนายจนคุณนายแทบช็อค เราก็พอเดาได้ว่าคุณชายพูดอะไร และยังมีฉากที่ตอกย้ำต่อเนื่อง ในตอนที่คุณชายมีอารมณ์กับคุณนายตรงโซฟา คุณนายก็ยังครวญครางถามหายาด้วยเสียงกระเส่า พฤติกรรมตอนลืมตัวของคุณนายและคุณชาย ถูกปกปิดในการดำเนินชีวิตแบบปกติตามสไตล์ชนชั้นสูง ที่กิริยาอาการต้องดูเนี้ยบไปหมด
ความต่างของการเสแสร้งระหว่างสองชนชั้นอยู่ตรงที่ ชนชั้นล่างอย่างตระกูลคิม ถึงเสแสร้งก็รู้ตัวเองว่าเสแสร้ง ถ้าจะกลับลำกลับมาเป็นปกติก็ทำได้ แต่การเสแสร้งของตระกูลพัค เป็นการเสแสร้งที่ไม่รู้ตัว ความเสแสร้งแบบนี้ก็อยู่ติดตัวจนตายไปก็ยังไม่รู้ตัว
อ่านต่อโพสต์ต่อไปครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้