......ชีวิต คิดถึง......
ครั้งนึง.......
ยามบินได้ เหมือนนก
สดชื่น รื่นเริง คึกคัก เข้มแข็ง
มักจะมาเชื้อเชิญแฟน ไปเที่ยวบินเล่นกัน
แฟนผม เธอชอบบินเที่ยวเล่น เธอเพลิดเพลินกับการดูสารพัดสิ่ง ยามออกบินทางไกล ทางใกล้ ด้วยกัน
เราพากันบิน โต้ลมทะล โฉบน้ำทะเล สารพัดเฉดสี สารพันเรื่องราวที่ผ่านพบและค้นหา
เธอสดใส ร่าเริง และทำทุกอย่าง ให้เที่ยวบินนั้น มีความสุข เสมอๆ
ความสุขที่สุดของเธอ มีอยู่อย่างเดียว คือ ครอบครัว
เธอจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ครอบครัวมีความสุข
เพราะนั่นคือความสุขสุดชีวิต ของเธอ
27 ปี
27 ปี ที่เรารู้จัก พูดคุย คบหากันมา เคียงบ่าเคียงไหล่กันไปทุกที่ ทุกเรื่องราว
19 ปีที่เราแต่งงานอยู่ด้วยกัน
14 ปีแรก เราไม่เคยแยกกันนอนเลย
จนปีที่ 14 ผมต้องไปทำงานที่จังหวัดระยอง ที่นี่ เพื่อนฝูงผมมากมาย
แต่คืนแรก ผมไปไหนไม่ได้เลย รีบกลับมาห้อง และโทรหาเธอ
ผมใช้ชีวิตปกติไม่ได้ ถึงขนาดว่าคืนนั้น ไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ ขำตัวเองดี
27 ปี ที่ใช้เวลาร่วมกันมา
เธอเอาใจใส่ ตามใจผม ในทุกๆเรื่อง
ไม่น่าเชื่อว่า เธอแทบไม่เคยห้ามไม่ให้ผมทำอะไรผมเลย
หลายเรื่องที่เธอไม่ชอบ แต่เมื่อผมออดอ้อน เธอก็ผ่อนตามเสมอ
ทั้งเรื่องการไว้หนวด เรื่องมอร์เตอร์ไซค์
เรื่องเดียวในชีวิตเรา ที่นึกได้ คือเธอห้ามผมเด็ขาดเรื่องทาเล็บ
ผมทาเล็บสีแดงที่นิ้วหัวแม่มือ ข้างละนิ้ว ทาหนุกๆฮาๆมันส์ๆ แบบปลดปล่อย
เอาไปโชว์เธอ แล้วผมก็ไม่ทำอีกเลย ตลอดกาล
ช่วงนั้น
เป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมาก มีความสุขมาตลอด
ลูกๆ 2 คน สดใส น่ารัก ร่าเริง
ใครๆเจอก็มักจะล้อเราว่า เป็นครอบครัวแสนสุขโดยแท้จริง
ผมออกบิน ท้าทายทุกสรรพสิ่ง ถูกเหยี่ยวไล่ตีบ้าง เผชิญหน้าพญาอินทรีย์บ้าง
ผมพัฒนาวิธีบิน จนเชี่ยวชาญ
พัฒนาปีก จนแข็งแรง และบางครั้ง ก็บินจนเลอะเทอะ บางทีก็ดุดัน
บางทีก็เฮฮา ช่วยเหลือ แบ่งปัน น้ำมิตร น้ำใจ บางทีก็ก้าวร้าวจนเกินพอดี
บางวัน ก็หาเรื่องใส่ตัว เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นพลังชีวิต จนเจอคนไล่ขว้าง ไล่ปา ไล่ยิงบ้าง
บางครั้งก็เกเร จนลำบากลำบน ขั้นหัวหกก้นขวิด
แต่ไม่มีอะไร ไม่มีใคร ทำอะไรผมได้เลย
ไม่เคยสะทกสะท้าน ไม่เคยมีความทุกข์ใจที่แท้จริงใดๆมาแผ้วพานเลย
เพียงแค่ผมรู้ และสัมผัสได้จริงว่า เมื่อผมกลับบ้าน ผมถึงรัง ผมจะได้อยู่กับแฟนผม
ผมจะได้เล่าเรื่องราว ผู้คน สารพัดเหตุการณ์ ทั้งดี ทั้งร้าย ทั้งวัน ที่ผมไปพบ ไปสัมผัส ไปปะทะมา
และหากผมมีบาดแผล ไม่ว่าใหญ่ หรือ เล็กน้อย
เธอก็จะคอยพยาบาล ดูแลรักษา บ่นบ้าง ไม่บ่นบ้าง สอนบ้าง ตกใจบ้าง ตามประสา
หากเป็นเรื่องราวดีๆ แล้วพาเธอไปได้ ผมก็จะพาเธอไปชื่นชม ไปรับรู้ด้วย ในครั้งหน้า เธอรับรู้ เรื่องนี้ดี
หากเป็นเรื่องราวร้ายๆ เรื่องชวนให้ผมไม่สบายใจ
คำปลอบประโลมจากเธอ ทำให้ผมสลายความกังวลได้ในทันทีเสมอ ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ทันทีเสมอ
และรู้อยู่ตลอดเวลาว่า
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรพลาด ไม่ว่าผมจะทำอะไรผิด
เธอจะอยู่ข้างผมเสมอ จะเคียงข้างผม เอาใจใส่ผม เสมอมา ตลอดมา
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ยามนั้น ยามที่เธออยู่ด้วย
วันนึง ผมได้รับคำสั่งจากนายที่ทำงาน ให้ลงไปจังหวัดภาคใต้ อันเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
เช้าแรกที่ไปถึง
ได้เห็นภูเขาริมทะเลอันดามัน มีเมฆลอยต่ำ โอบคลุมยอดเขา ผมยืนดูได้แป๊ปเดียว
ผมมีความสุขแบบนี้คนเดียวไม่ได้ เพราะรู้ว่าเธอชอบสถานที่แบบนี้
ผมมีความสุขคนเดียว โดยไม่มีเธอมาร่วมแบ่งปัน ผมทำไม่ได้
ทำได้แค่รีบถ่ายรูป เก็บมาโม้ มาเล่าให้เธอฟัง
พองานเสร็จ ผมนั่งเครื่องกลับบ้านคืนนั้นเลย
แล้ววันนึง......
เธอไม่สบาย ถ้าพอไหว ผมก็มาช้อนรับ ให้เธอนั่งไปบนปีก เธอยังคงมีความสุข แม้จะไม่เหมือนเดิม
ช่วงไหน เธอไม่ไหว อ่อนล้าเกิน เกินกว่าจะเที่ยวเล่น ในสิ่งที่เธอรัก
ช่วงไหน เธอฝืนๆไป กลับมีความกลัว ความกังวล มากกว่าความสุขสดชื่น
เธอชอบที่สุด ได้ใช้เวลากับครอบครัว แต่...อะไรๆเปลี่ยนไป เธอฝืน เธอพยายาม อย่างถึงที่สุด
และ ทำได้ดีที่สุดแล้ว
วันนี้
ผมไม่รู้จะบินไปไหน ไม่รู้จะบินไปทำไม
แฟนผม ไม่ได้อยู่กับผมแล้ว ไม่ได้อยู่แบบเดิมแล้ว
คำถาม ที่ไม่เคยถามตัวเองมาก่อนเลย ตลอดกว่า 50 ปี ที่ผ่านมา
ว่า จะบินไปไหน? จะบินไปทำไม?
กลับเป็นคำถามที่ดังก้องอยู่ในใจตัวเอง และ ไม่มีคำตอบ
กับความทุกข์ ทุกข์จริงๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย ตลอดกว่า 50 ปี ที่ผ่านมา
คราวนี้ ช่างแสนสาหัส ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เหลือเกิน
ลำบากเหลือเกิน ที่จะผ่านพ้นไป ในแต่ละคืน แต่ละวัน แต่ละเช้า แต่ละพลบค่ำ
และแสนเจ็บ แสนร้าวรานที่สุด เมื่อผมตื่นมา ช่วงเที่ยงคืน และเหลือบมองเธอ ว่าทุกอย่าง ok ไหม
เหมือนที่เคยทำมา เกือบทุกคืน เป็น 10 ปี
แต่คราวนี้ มองไป กลับไม่พบเธอแล้ว ไม่มีอะไร ok อีกต่อไปแล้ว
ช่วงเธอจากไป แรกๆ ฝันถึงเธอเป็นครั้งคราว และทุกครั้ง ฝันดีเสมอ สุขใจเหมือนเดิม
แสนสุขใจ ในความฝันที่เหมือนจริง มาก
และช่วงเวลาที่แสนโหดร้ายก็มาถึง เมื่อผมตื่นขึ้น
และพบความจริง ชีวิตจริง ที่ตรงข้ามกับในฝัน สิ้นเชิง
เจ็บและบาดลึกมาก จนจวนเจียนจะคุมสติไม่อยู่.....
ไม่รู้ว่าเธอเห็นสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า หลังจากนั้น เธอแทบไม่มาเข้าฝันผม แบบชัดๆอีกแล้ว
แต่ไหนแต่ไร
ผมเป็นคนกินเหล้า ชื่นชมวงเหล้า
แต่ตั้งแต่มีครอบครัว
ผมไม่เคยนั่งทานเหล้าเกิน 2 ชั่วโมงเลย
เธอไม่ได้ห้าม เธอแทบไม่เคยห้ามสิ่งที่ผมชอบเลย
แต่ผมก็กลับเองเสมอ เพราะรู้ว่าเธอรอ
วันนี้
ยังคงคุ้นเคยกับการทานเหล้า ไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ทั้งๆที่ ไม่มีใครรออีกแล้ว
กลับบ้านมา ก็ไม่มีเธอแล้ว
เราเป็นแฟนกันมา 8 ปี
แต่งงานอยู่ด้วยกันมา 19 ปี
รวมแล้ว เราอยู่คู่กันมา 27 ปี
วันนี้
ผมนึกถึงการใช้ชีวิตก่อนหน้า 27 ปีนี้ ไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ทุกสถานที่ ทุกเรื่องราว มีแต่เธอ ในทุกๆที่ ในทุกๆเรื่องราว
วันนี้
ผมไม่บินแล้ว
ไม่รู้จะบินไปไหน ไม่รู้จะบินไปทำไม
ไม่ว่า พบเห็นอะไร ได้รับสิ่งดีๆอะไรมา
ก็ไม่มีเธอให้แบ่งปันอีกแล้ว
ความสำเร็จใดๆ ของมีค่าใดๆ ล้วนหมดความหมายลง อย่างสิ้นเชิง
เมื่อไม่มีเธอร่วมแบ่งปัน
วันนี้
ผมไม่มีบ้าน ไม่มีบ้านอีกต่อไปแล้ว
เราเคยอยู่ด้วยกัน ทั้งที่คอนโด ที่บ้านเดี่ยว สลับไปมาอยู่ 2 หลัง
วันนั้น ห้องนั้น อาคารนั้น มันคือบ้าน
วันนี้ ผมยังอยู่อาคารหลังเดิม
แต่ไม่ใช่บ้านผมอีกต่อไปแล้ว
มันเป็นแค่ ที่พักอาศัย ชั่วคราว
เพราะ เธอไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว
เพราะมีแต่เธอ เธอคือ บ้าน ของผม
สำหรับผม กลับบ้าน มีความหมายเดียว
คือ กลับไปหาเธอ
วันนี้
รู้สึก ชีวิตช่างน้อยนิด น้อยนิดเหลือเกิน
ความสุข ช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เหมือนคนพูดไว้
หลากหลายเรื่องราว เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานอยู่เลย
มีบ้าง ที่เสียดาย เสียใจ กับบางช่วงเวลา
ช่วงเวลาที่ผม ฝึกฝน เข้มข้น เคร่งครัด กับครอบครัว
เพราะคิดว่า ชีวิตยังยาวไกล จึงยังต้องพัฒนา ต้องปรับปรุง ให้มุ่งมั่น ให้อดทน ให้รอบคอบ วางแผนเป็น
เสียดาย เสียใจ กับช่วงเวลาเหล่านั้น
ควรตามสบาย และทำมันให้อบอุ่น ให้สำราญบานใจ
เพราะชีวิตไม่ได้ยั่งยืนขนาดนั้น ตามที่เราวาดหวังไว้
วันนี้
ผมยังอยู่ที่เดิม
ตั้งใจไม่ไปไหน
ผมไปไหนไม่ได้หรอก
ที่อยู่อาศัยที่นี่ เป็นที่ ที่เคยเป็นบ้านผม กับเธอ
เธอเป็นคนปรับปรุงบ้าน ตกแต่งบ้าน เลือกเฟอร์นิเจอร์ จัดสวน
เป็นที่ที่เธอภูมิใจ และรักมัน เธอหมั่นปรับปรุง ดูแลมัน ถึงเหมือน สุดท้ายแล้ว จะทำไว้ให้ผม
จนวันนี้ บ้านนี้ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปเลย ผมเปลี่ยนไม่ได้
และผมไปไหนไม่ได้หรอก
เธอเป็นคนแทบไม่รู้จักเส้นทาง ไม่ค่อยรู้เรื่องถนนหนทาง ไปไหนก็จะหลง จะงงอยู่เป็นประจำ
ผมไปอยู่ที่อื่นไม่ได้ ถ้าผมไปอยู่ที่อื่น แล้วเธอจะมาหาผมถูกได้ยังไง
วันนี้
9 เดือนแล้ว
9 เดือน ที่เธอจากไป
ผม คนที่ไม่ชอบทำบุญ โอกาสสำคัญ ก็ทำทานเป็นหลัก แม้แต่วันสำคัญของคนในครอบครัว
ถึงช่วงเวลานี้ รู้ว่าเธอชอบทำบุญ เธอมีความสุขมากเวลาได้ทำบุญ
จนวันนี้ ผมทำแล้ว ทำบุญให้เธอทุกอาทิตย์ ไม่เคยขาด
ทำบุญให้เธอคนเดียว ไม่ขอแบ่ง และไม่แบ่งให้ใคร
ส่วนตัวผม ยังอยู่ที่เดิม
ฝืน มีชีวิต ฝืนใช้ชีวิตอยู่
9 เดือนแล้ว ไม่มีเลยสักวัน
ไม่มีวันไหนเลย ที่น้ำตาไม่ไหล
ใครเคยบอกไว้ ว่าน้ำตาย่อมมีวันหมด มีวันแห้งเหือด
มันคงยังมาไม่ถึง หรือ เพราะมีน้ำใจ ย่อมมีน้ำตา ตามที่โกวเล้งว่าไว้
อาจารย์หลายท่าน ก็บอกไว้ เตือนสติไว้ ให้ปล่อยวาง
อันสัจธรรมของธรรมชาติ ล้วนไม่จิรัง ล้วนเป็นสิ่งชั่วคราว ไม่มีอะไรถาวร ไม่มีอะไรไม่แปรเปลี่ยน
แต่ความผูกพัน สายใย กับมนุษย์แบบผม ที่ไม่เคยฝึกฝนเจริญสติ กลับยึดโยง อย่างเหนียวแน่น
แล้วมนุษย์แบบผม กลับมีเรี่ยวแรงให้โหยหา ไขว่คว้า ความผูกพันนี้ยังไม่สิ้นสุด
นี่คือธรรมชาติของคนแบบผมด้วยหรือเปล่านะ ธรรมชาติของคนที่ไม่อยู่กับสัจธรรม
ไม่ยอมรับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ธรรมดา
ผมก็อยากปล่อยวาง ไม่อยากแบกไว้ แต่ปล่อยไม่ได้ หรือ ปล่อยไม่เป็น หรือ ไม่ยอมปล่อย
หรือนี่คือ นรกในภพภูมินี้ แบบนี้หรือ
ถ้าอย่างนั้น ผมก็จะน้อมรับบาปกรรมทั้งมวล ทั้งปัจจุบันและภพหน้า.......
วันนี้
ชีวิตลำพัง
ชีวิตผม ไม่ได้อยากได้ใคร่ดีอะไร มานานนับสิบปีแล้ว
เมื่อครั้งเธอยังอยู่ด้วยกัน ชีวิตผมดีพอแล้ว ชีวิตมีความสุขมากมายเหลือเกิน
สิ่งสำคัญ ที่ได้เรียนรู้จากการจากไปของเธอ
คือ คุณค่าของการดูแล ใส่ใจ ทนุถนอม หัวใจของคนรัก หัวใจของมนุษย์ทุกคนที่พานพบระหว่างทาง
ผมอ่อนโยนขึ้น โผงผางน้อยลง บางครั้งเหมือนคนหมดฤทธิ์ หมดพลัง
บางทีเหมือนคนพลันคิดได้
วันนี้
ชีวิตผมจบแล้ว
ชีวิตที่สุขสดใส ร่าเริง สนุกสนาน จบแล้ว
ชีวิตที่ ตลกโปกฮา ตะเกียกตะกาย ผาดโผน มุทะลุ ตั้งใจ ทุ่มเท สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง จบแล้ว
แค่ยังมีลมหายใจ ดูแลครอบครัวที่เหลือ ที่ใกล้จะเดินไปเอง บนเส้นทางที่เขาเลือกเอง
ชีวิตยังเดินต่อ ยังเวิ้งว้าง เคว้งคว้าง เจียนขาดใจ
สิ่งที่เคยมีคุณค่า ก็ไม่มีค่าแล้ว สิ่งที่เคยทำให้มีความสุข ทำให้มีเสียงหัวเราะ ก็หมดพลังลงแล้ว
หลายๆครั้งกลับเป็นน้ำตาไหลหลากริน
เมื่อพบกับสิ่งที่จะทำให้มีความสุข มีเสียงหัวเราะ แต่ไม่มีเธอ มาร่วมสุข ร่วมหัวเราะด้วยกัน
ชีวิตถือไม้เท้ายอดทอง อยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า วาสนาผมมีไม่พอแล้ว หมดสิ้นลงแล้ว
วันนี้
พยายามหาจุดสมดุลของตัวเอง อยู่กับตัวเอง และเตรียมพร้อม วางแผน การจากไปของตัวเอง
จะพยายามไม่แบ่งปันความทุกข์ให้ใคร
ตั้งใจจะไม่เป็นสาเหตุ ทำให้ใครเป็นทุกข์
พยายามเป็นประโยชน์กับทุกสิ่งรอบๆตัว
พยายามไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง
และหวังว่า วันนึง
ชีวิต ความคิด จิตใจ จะสงบ และพบความสุข จากความสงบนั้น
พยายามไปให้ถึงจุดที่
ผม.....ไม่ใช่ใครเลย
ครองพล มีนาคม 2563
ชีวิต.....คิดถึง
ครั้งนึง.......
ยามบินได้ เหมือนนก
สดชื่น รื่นเริง คึกคัก เข้มแข็ง
มักจะมาเชื้อเชิญแฟน ไปเที่ยวบินเล่นกัน
แฟนผม เธอชอบบินเที่ยวเล่น เธอเพลิดเพลินกับการดูสารพัดสิ่ง ยามออกบินทางไกล ทางใกล้ ด้วยกัน
เราพากันบิน โต้ลมทะล โฉบน้ำทะเล สารพัดเฉดสี สารพันเรื่องราวที่ผ่านพบและค้นหา
เธอสดใส ร่าเริง และทำทุกอย่าง ให้เที่ยวบินนั้น มีความสุข เสมอๆ
ความสุขที่สุดของเธอ มีอยู่อย่างเดียว คือ ครอบครัว
เธอจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ครอบครัวมีความสุข
เพราะนั่นคือความสุขสุดชีวิต ของเธอ
27 ปี
27 ปี ที่เรารู้จัก พูดคุย คบหากันมา เคียงบ่าเคียงไหล่กันไปทุกที่ ทุกเรื่องราว
19 ปีที่เราแต่งงานอยู่ด้วยกัน
14 ปีแรก เราไม่เคยแยกกันนอนเลย
จนปีที่ 14 ผมต้องไปทำงานที่จังหวัดระยอง ที่นี่ เพื่อนฝูงผมมากมาย
แต่คืนแรก ผมไปไหนไม่ได้เลย รีบกลับมาห้อง และโทรหาเธอ
ผมใช้ชีวิตปกติไม่ได้ ถึงขนาดว่าคืนนั้น ไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ ขำตัวเองดี
27 ปี ที่ใช้เวลาร่วมกันมา
เธอเอาใจใส่ ตามใจผม ในทุกๆเรื่อง
ไม่น่าเชื่อว่า เธอแทบไม่เคยห้ามไม่ให้ผมทำอะไรผมเลย
หลายเรื่องที่เธอไม่ชอบ แต่เมื่อผมออดอ้อน เธอก็ผ่อนตามเสมอ
ทั้งเรื่องการไว้หนวด เรื่องมอร์เตอร์ไซค์
เรื่องเดียวในชีวิตเรา ที่นึกได้ คือเธอห้ามผมเด็ขาดเรื่องทาเล็บ
ผมทาเล็บสีแดงที่นิ้วหัวแม่มือ ข้างละนิ้ว ทาหนุกๆฮาๆมันส์ๆ แบบปลดปล่อย
เอาไปโชว์เธอ แล้วผมก็ไม่ทำอีกเลย ตลอดกาล
ช่วงนั้น
เป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมาก มีความสุขมาตลอด
ลูกๆ 2 คน สดใส น่ารัก ร่าเริง
ใครๆเจอก็มักจะล้อเราว่า เป็นครอบครัวแสนสุขโดยแท้จริง
ผมออกบิน ท้าทายทุกสรรพสิ่ง ถูกเหยี่ยวไล่ตีบ้าง เผชิญหน้าพญาอินทรีย์บ้าง
ผมพัฒนาวิธีบิน จนเชี่ยวชาญ
พัฒนาปีก จนแข็งแรง และบางครั้ง ก็บินจนเลอะเทอะ บางทีก็ดุดัน
บางทีก็เฮฮา ช่วยเหลือ แบ่งปัน น้ำมิตร น้ำใจ บางทีก็ก้าวร้าวจนเกินพอดี
บางวัน ก็หาเรื่องใส่ตัว เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นพลังชีวิต จนเจอคนไล่ขว้าง ไล่ปา ไล่ยิงบ้าง
บางครั้งก็เกเร จนลำบากลำบน ขั้นหัวหกก้นขวิด
แต่ไม่มีอะไร ไม่มีใคร ทำอะไรผมได้เลย
ไม่เคยสะทกสะท้าน ไม่เคยมีความทุกข์ใจที่แท้จริงใดๆมาแผ้วพานเลย
เพียงแค่ผมรู้ และสัมผัสได้จริงว่า เมื่อผมกลับบ้าน ผมถึงรัง ผมจะได้อยู่กับแฟนผม
ผมจะได้เล่าเรื่องราว ผู้คน สารพัดเหตุการณ์ ทั้งดี ทั้งร้าย ทั้งวัน ที่ผมไปพบ ไปสัมผัส ไปปะทะมา
และหากผมมีบาดแผล ไม่ว่าใหญ่ หรือ เล็กน้อย
เธอก็จะคอยพยาบาล ดูแลรักษา บ่นบ้าง ไม่บ่นบ้าง สอนบ้าง ตกใจบ้าง ตามประสา
หากเป็นเรื่องราวดีๆ แล้วพาเธอไปได้ ผมก็จะพาเธอไปชื่นชม ไปรับรู้ด้วย ในครั้งหน้า เธอรับรู้ เรื่องนี้ดี
หากเป็นเรื่องราวร้ายๆ เรื่องชวนให้ผมไม่สบายใจ
คำปลอบประโลมจากเธอ ทำให้ผมสลายความกังวลได้ในทันทีเสมอ ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ทันทีเสมอ
และรู้อยู่ตลอดเวลาว่า
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ไม่ว่าผมจะทำอะไรพลาด ไม่ว่าผมจะทำอะไรผิด
เธอจะอยู่ข้างผมเสมอ จะเคียงข้างผม เอาใจใส่ผม เสมอมา ตลอดมา
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ยามนั้น ยามที่เธออยู่ด้วย
วันนึง ผมได้รับคำสั่งจากนายที่ทำงาน ให้ลงไปจังหวัดภาคใต้ อันเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
เช้าแรกที่ไปถึง
ได้เห็นภูเขาริมทะเลอันดามัน มีเมฆลอยต่ำ โอบคลุมยอดเขา ผมยืนดูได้แป๊ปเดียว
ผมมีความสุขแบบนี้คนเดียวไม่ได้ เพราะรู้ว่าเธอชอบสถานที่แบบนี้
ผมมีความสุขคนเดียว โดยไม่มีเธอมาร่วมแบ่งปัน ผมทำไม่ได้
ทำได้แค่รีบถ่ายรูป เก็บมาโม้ มาเล่าให้เธอฟัง
พองานเสร็จ ผมนั่งเครื่องกลับบ้านคืนนั้นเลย
แล้ววันนึง......
เธอไม่สบาย ถ้าพอไหว ผมก็มาช้อนรับ ให้เธอนั่งไปบนปีก เธอยังคงมีความสุข แม้จะไม่เหมือนเดิม
ช่วงไหน เธอไม่ไหว อ่อนล้าเกิน เกินกว่าจะเที่ยวเล่น ในสิ่งที่เธอรัก
ช่วงไหน เธอฝืนๆไป กลับมีความกลัว ความกังวล มากกว่าความสุขสดชื่น
เธอชอบที่สุด ได้ใช้เวลากับครอบครัว แต่...อะไรๆเปลี่ยนไป เธอฝืน เธอพยายาม อย่างถึงที่สุด
และ ทำได้ดีที่สุดแล้ว
วันนี้
ผมไม่รู้จะบินไปไหน ไม่รู้จะบินไปทำไม
แฟนผม ไม่ได้อยู่กับผมแล้ว ไม่ได้อยู่แบบเดิมแล้ว
คำถาม ที่ไม่เคยถามตัวเองมาก่อนเลย ตลอดกว่า 50 ปี ที่ผ่านมา
ว่า จะบินไปไหน? จะบินไปทำไม?
กลับเป็นคำถามที่ดังก้องอยู่ในใจตัวเอง และ ไม่มีคำตอบ
กับความทุกข์ ทุกข์จริงๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย ตลอดกว่า 50 ปี ที่ผ่านมา
คราวนี้ ช่างแสนสาหัส ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เหลือเกิน
ลำบากเหลือเกิน ที่จะผ่านพ้นไป ในแต่ละคืน แต่ละวัน แต่ละเช้า แต่ละพลบค่ำ
และแสนเจ็บ แสนร้าวรานที่สุด เมื่อผมตื่นมา ช่วงเที่ยงคืน และเหลือบมองเธอ ว่าทุกอย่าง ok ไหม
เหมือนที่เคยทำมา เกือบทุกคืน เป็น 10 ปี
แต่คราวนี้ มองไป กลับไม่พบเธอแล้ว ไม่มีอะไร ok อีกต่อไปแล้ว
ช่วงเธอจากไป แรกๆ ฝันถึงเธอเป็นครั้งคราว และทุกครั้ง ฝันดีเสมอ สุขใจเหมือนเดิม
แสนสุขใจ ในความฝันที่เหมือนจริง มาก
และช่วงเวลาที่แสนโหดร้ายก็มาถึง เมื่อผมตื่นขึ้น
และพบความจริง ชีวิตจริง ที่ตรงข้ามกับในฝัน สิ้นเชิง
เจ็บและบาดลึกมาก จนจวนเจียนจะคุมสติไม่อยู่.....
ไม่รู้ว่าเธอเห็นสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า หลังจากนั้น เธอแทบไม่มาเข้าฝันผม แบบชัดๆอีกแล้ว
แต่ไหนแต่ไร
ผมเป็นคนกินเหล้า ชื่นชมวงเหล้า
แต่ตั้งแต่มีครอบครัว
ผมไม่เคยนั่งทานเหล้าเกิน 2 ชั่วโมงเลย
เธอไม่ได้ห้าม เธอแทบไม่เคยห้ามสิ่งที่ผมชอบเลย
แต่ผมก็กลับเองเสมอ เพราะรู้ว่าเธอรอ
วันนี้
ยังคงคุ้นเคยกับการทานเหล้า ไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ทั้งๆที่ ไม่มีใครรออีกแล้ว
กลับบ้านมา ก็ไม่มีเธอแล้ว
เราเป็นแฟนกันมา 8 ปี
แต่งงานอยู่ด้วยกันมา 19 ปี
รวมแล้ว เราอยู่คู่กันมา 27 ปี
วันนี้
ผมนึกถึงการใช้ชีวิตก่อนหน้า 27 ปีนี้ ไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ทุกสถานที่ ทุกเรื่องราว มีแต่เธอ ในทุกๆที่ ในทุกๆเรื่องราว
วันนี้
ผมไม่บินแล้ว
ไม่รู้จะบินไปไหน ไม่รู้จะบินไปทำไม
ไม่ว่า พบเห็นอะไร ได้รับสิ่งดีๆอะไรมา
ก็ไม่มีเธอให้แบ่งปันอีกแล้ว
ความสำเร็จใดๆ ของมีค่าใดๆ ล้วนหมดความหมายลง อย่างสิ้นเชิง
เมื่อไม่มีเธอร่วมแบ่งปัน
วันนี้
ผมไม่มีบ้าน ไม่มีบ้านอีกต่อไปแล้ว
เราเคยอยู่ด้วยกัน ทั้งที่คอนโด ที่บ้านเดี่ยว สลับไปมาอยู่ 2 หลัง
วันนั้น ห้องนั้น อาคารนั้น มันคือบ้าน
วันนี้ ผมยังอยู่อาคารหลังเดิม
แต่ไม่ใช่บ้านผมอีกต่อไปแล้ว
มันเป็นแค่ ที่พักอาศัย ชั่วคราว
เพราะ เธอไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว
เพราะมีแต่เธอ เธอคือ บ้าน ของผม
สำหรับผม กลับบ้าน มีความหมายเดียว
คือ กลับไปหาเธอ
วันนี้
รู้สึก ชีวิตช่างน้อยนิด น้อยนิดเหลือเกิน
ความสุข ช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เหมือนคนพูดไว้
หลากหลายเรื่องราว เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานอยู่เลย
มีบ้าง ที่เสียดาย เสียใจ กับบางช่วงเวลา
ช่วงเวลาที่ผม ฝึกฝน เข้มข้น เคร่งครัด กับครอบครัว
เพราะคิดว่า ชีวิตยังยาวไกล จึงยังต้องพัฒนา ต้องปรับปรุง ให้มุ่งมั่น ให้อดทน ให้รอบคอบ วางแผนเป็น
เสียดาย เสียใจ กับช่วงเวลาเหล่านั้น
ควรตามสบาย และทำมันให้อบอุ่น ให้สำราญบานใจ
เพราะชีวิตไม่ได้ยั่งยืนขนาดนั้น ตามที่เราวาดหวังไว้
วันนี้
ผมยังอยู่ที่เดิม
ตั้งใจไม่ไปไหน
ผมไปไหนไม่ได้หรอก
ที่อยู่อาศัยที่นี่ เป็นที่ ที่เคยเป็นบ้านผม กับเธอ
เธอเป็นคนปรับปรุงบ้าน ตกแต่งบ้าน เลือกเฟอร์นิเจอร์ จัดสวน
เป็นที่ที่เธอภูมิใจ และรักมัน เธอหมั่นปรับปรุง ดูแลมัน ถึงเหมือน สุดท้ายแล้ว จะทำไว้ให้ผม
จนวันนี้ บ้านนี้ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปเลย ผมเปลี่ยนไม่ได้
และผมไปไหนไม่ได้หรอก
เธอเป็นคนแทบไม่รู้จักเส้นทาง ไม่ค่อยรู้เรื่องถนนหนทาง ไปไหนก็จะหลง จะงงอยู่เป็นประจำ
ผมไปอยู่ที่อื่นไม่ได้ ถ้าผมไปอยู่ที่อื่น แล้วเธอจะมาหาผมถูกได้ยังไง
วันนี้
9 เดือนแล้ว
9 เดือน ที่เธอจากไป
ผม คนที่ไม่ชอบทำบุญ โอกาสสำคัญ ก็ทำทานเป็นหลัก แม้แต่วันสำคัญของคนในครอบครัว
ถึงช่วงเวลานี้ รู้ว่าเธอชอบทำบุญ เธอมีความสุขมากเวลาได้ทำบุญ
จนวันนี้ ผมทำแล้ว ทำบุญให้เธอทุกอาทิตย์ ไม่เคยขาด
ทำบุญให้เธอคนเดียว ไม่ขอแบ่ง และไม่แบ่งให้ใคร
ส่วนตัวผม ยังอยู่ที่เดิม
ฝืน มีชีวิต ฝืนใช้ชีวิตอยู่
9 เดือนแล้ว ไม่มีเลยสักวัน
ไม่มีวันไหนเลย ที่น้ำตาไม่ไหล
ใครเคยบอกไว้ ว่าน้ำตาย่อมมีวันหมด มีวันแห้งเหือด
มันคงยังมาไม่ถึง หรือ เพราะมีน้ำใจ ย่อมมีน้ำตา ตามที่โกวเล้งว่าไว้
อาจารย์หลายท่าน ก็บอกไว้ เตือนสติไว้ ให้ปล่อยวาง
อันสัจธรรมของธรรมชาติ ล้วนไม่จิรัง ล้วนเป็นสิ่งชั่วคราว ไม่มีอะไรถาวร ไม่มีอะไรไม่แปรเปลี่ยน
แต่ความผูกพัน สายใย กับมนุษย์แบบผม ที่ไม่เคยฝึกฝนเจริญสติ กลับยึดโยง อย่างเหนียวแน่น
แล้วมนุษย์แบบผม กลับมีเรี่ยวแรงให้โหยหา ไขว่คว้า ความผูกพันนี้ยังไม่สิ้นสุด
นี่คือธรรมชาติของคนแบบผมด้วยหรือเปล่านะ ธรรมชาติของคนที่ไม่อยู่กับสัจธรรม
ไม่ยอมรับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ธรรมดา
ผมก็อยากปล่อยวาง ไม่อยากแบกไว้ แต่ปล่อยไม่ได้ หรือ ปล่อยไม่เป็น หรือ ไม่ยอมปล่อย
หรือนี่คือ นรกในภพภูมินี้ แบบนี้หรือ
ถ้าอย่างนั้น ผมก็จะน้อมรับบาปกรรมทั้งมวล ทั้งปัจจุบันและภพหน้า.......
วันนี้
ชีวิตลำพัง
ชีวิตผม ไม่ได้อยากได้ใคร่ดีอะไร มานานนับสิบปีแล้ว
เมื่อครั้งเธอยังอยู่ด้วยกัน ชีวิตผมดีพอแล้ว ชีวิตมีความสุขมากมายเหลือเกิน
สิ่งสำคัญ ที่ได้เรียนรู้จากการจากไปของเธอ
คือ คุณค่าของการดูแล ใส่ใจ ทนุถนอม หัวใจของคนรัก หัวใจของมนุษย์ทุกคนที่พานพบระหว่างทาง
ผมอ่อนโยนขึ้น โผงผางน้อยลง บางครั้งเหมือนคนหมดฤทธิ์ หมดพลัง
บางทีเหมือนคนพลันคิดได้
วันนี้
ชีวิตผมจบแล้ว
ชีวิตที่สุขสดใส ร่าเริง สนุกสนาน จบแล้ว
ชีวิตที่ ตลกโปกฮา ตะเกียกตะกาย ผาดโผน มุทะลุ ตั้งใจ ทุ่มเท สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง จบแล้ว
แค่ยังมีลมหายใจ ดูแลครอบครัวที่เหลือ ที่ใกล้จะเดินไปเอง บนเส้นทางที่เขาเลือกเอง
ชีวิตยังเดินต่อ ยังเวิ้งว้าง เคว้งคว้าง เจียนขาดใจ
สิ่งที่เคยมีคุณค่า ก็ไม่มีค่าแล้ว สิ่งที่เคยทำให้มีความสุข ทำให้มีเสียงหัวเราะ ก็หมดพลังลงแล้ว
หลายๆครั้งกลับเป็นน้ำตาไหลหลากริน
เมื่อพบกับสิ่งที่จะทำให้มีความสุข มีเสียงหัวเราะ แต่ไม่มีเธอ มาร่วมสุข ร่วมหัวเราะด้วยกัน
ชีวิตถือไม้เท้ายอดทอง อยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า วาสนาผมมีไม่พอแล้ว หมดสิ้นลงแล้ว
วันนี้
พยายามหาจุดสมดุลของตัวเอง อยู่กับตัวเอง และเตรียมพร้อม วางแผน การจากไปของตัวเอง
จะพยายามไม่แบ่งปันความทุกข์ให้ใคร
ตั้งใจจะไม่เป็นสาเหตุ ทำให้ใครเป็นทุกข์
พยายามเป็นประโยชน์กับทุกสิ่งรอบๆตัว
พยายามไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง
และหวังว่า วันนึง
ชีวิต ความคิด จิตใจ จะสงบ และพบความสุข จากความสงบนั้น
พยายามไปให้ถึงจุดที่
ผม.....ไม่ใช่ใครเลย
ครองพล มีนาคม 2563