เรื่องมันซับซ้อนครับ แต่จะพยายามสรุปๆ ครับ
นาย ก. คือ ผู้ให้เช่า
นาย A คือ ผู้เช่าที่ทำสัญญาเช่าฉบับล่าสุด เช่าเพื่อเปิดร้านอาหาร แต่หมดสัญญาเช่าแล้วเมื่อ ก.ย. 62 (นาย ก. กะต่อสัญญาเช่า ม.ค. 63 เพราะต้องการให้มันพอดี ม.ค.-ธ.ค. ) หลังจากหมดสัญญาเช่า นาย A ก็ยังจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้ นาย ก. ทุกเดือน
ระหว่างเช่า นาย A ก็มีทำผิดสัญญาเช่า และทำความเสียหาย
แต่ นาย ก. อนุโลมให้ (นาย ก. มองว่า ก็หักเงินประกันความเสียหายเอาในภายหลัง)
นาย B คือ คนที่เข้ามาทำร้านอาหารแทนนาย A
พ.ย. 62
นาย A โทรบอก นาย ก. ว่า เดือนหน้า (ธ.ค.) เดี๋ยวจะเป็น B จ่ายค่าเช่าแทน เพราะนาย A ถอนหุ้นแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับร้านแล้ว และบอกว่านาย B คือหุ้นส่วนร้านคนนึง พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์นาย B มา
ความจริง คือ นาย B ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับนาย A เลย แต่เป็นการที่นาย B เซ้งร้านต่อจาก A มาในราคาประมาณ 3 แสนบาท (มีวงในหลายคนบอกผู้ให้เช่ามาอีกที)
ธ.ค. 62
นาย B ค้างค่าไฟหมื่นกว่าบาท โดนตัดน้ำตัดไฟ (ต่อน้ำต่อไฟในภายหลัง) แต่ก็ยังจ่ายค่าเช่าตรงเวลา
ม.ค. 63
นาย B ค้างค่าไฟหมื่นกว่าบาท โดนตัดน้ำตัดไฟ (ต่อน้ำต่อไฟในภายหลัง) และขอเลื่อนจ่ายค่าเช่าล่าช้าไป 5 วัน (แต่พอวันที่ 5 ก็จ่ายตรงตามที่สัญญาไว้)
นาย ก. โทรนัดทำสัญญาเช่าและเรียกเก็บเงินประกันความเสียหาย 2 เดือน กับนาย B เพราะมองว่าเป็นการทำสัญญาใหม่กับผู้เช่ารายใหม่
แต่นาย B อ้างว่าเงินประกันก็คือเงินของ นาย A ที่เคยจ่ายไปเมื่อตอนทำสัญญาเช่าฉบับก่อน ทำไมนาย ก. ต้องเรียกเก็บใหม่
แล้วก็อ้างว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีขาดทุนยับทุกเดือน และพูดทำนองว่าให้ นาย ก. กลับมาคิดทบทวนใหม่ (มีแบบนี้ด้วย)
สัญญาเช่าเลยยังไม่ได้ทำ
นาย ก. โทรคุยกับนาย A เพื่อสอบถามเรื่องนาย B
กลายเป็นว่า ทางด้านนาย A บอกว่า นาย A ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว นาย A ถอนหุ้นร้านแล้ว และหมดสัญญาเช่าร้านแล้ว นาย A กับ นาย ก. ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว (พูดอ้อมๆ ทำนองว่า ไม่ต้องโทรมาแล้ว)
หลังจากนั้น นาย ก. เคยโทรหานาย A อีกครั้ง ปรากฎว่านาย A ไม่รับสายแล้ว
ก.พ. 63
ค้างค่าไฟหมื่นกว่าบาท โดนตัดน้ำตัดไฟ (ต่อน้ำต่อไฟในภายหลัง) และขอเลื่อนจ่ายค่าเช่าล่าช้าไป 5 วัน (แต่พอวันที่ 5 ก็จ่ายตรงตามที่สัญญาไว้)
ตอนนี้ นาย ก. เริ่มรู้สึกว่ามีความเสี่ยงที่จะโดน นาย B ย้ายหนี โดยไม่จ่ายค่าเช่า และทิ้งค่าน้ำ ค่าไฟในราคาสูง ไว้ให้นาย ก. จ่าย
ไหนจะต้องซ่อมแซมร้านอีก (ประเมินคร่าวๆ ไว้แล้วว่า ตอนนี้อาคารปล่อยเช่ามีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ต้องจ้างช่างมาซ่อม)
อุปสรรค ของ นาย ก. ตอนนี้ คือ
ถ้า นาย B ย้ายหนี นาย ก. จะไม่รู้เลยครับ เพราะบ้านนาย ก. อยู่กันคนละที่ จะให้ไปนั่งเฝ้าก็ไม่ได้อีก และน่าจะตามตัวยาก หรือตามตัวไม่ได้เลย เพราะว่า ไม่ได้ขอหลักฐานอะไรของนาย B ไว้เลย (นาย ก.รู้แค่เบอร์โทรศัพท์นาย B)
แต่ถ้าจะทำสัญญาเช่ากับนาย B ทางนาย B ก็ไม่มีเงินจ่ายเงินประกัน ก็มีความเสี่ยงอีกถ้า นาย B ทำอะไรเสียหาย หรือค้างค้าน้ำค่าไฟ ก็ไม่มีเงินประกันอีก
แต่มองอีกมุมนึงคือ เศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ ครับ ถ้าหาผู้เช่าใหม่ อาจจะยังหาไม่ได้ในทันที หรืออาจจะหาไม่ได้เลยหลังจากนี้ไปหลายเดือน
และ ถ้ามองอีกมุมนึง คือ ถ้า นาย ก. ไม่ต่อสัญญาเช่าให้นาย B ก็จะเกิดปัญหาตามมาแน่นอนครับ เพราะ นาย B เพิ่งเสียเงินให้นาย A ไป (ค่าเซ้ง)
รบกวนถามความเห็นครับว่า ผู้ให้เช่าเอาไงต่อดีครับ
ขอบคุณครับ
[เรื่องมันซับซ้อน] หมดสัญญาเช่า มีคนมาเสียบแทน แต่ร้านไปไม่รอด ค้างค่าไฟค่าน้ำ ไม่มีเงินประกัน ผู้ให้เช่าเอาไงต่อดี
นาย ก. คือ ผู้ให้เช่า
นาย A คือ ผู้เช่าที่ทำสัญญาเช่าฉบับล่าสุด เช่าเพื่อเปิดร้านอาหาร แต่หมดสัญญาเช่าแล้วเมื่อ ก.ย. 62 (นาย ก. กะต่อสัญญาเช่า ม.ค. 63 เพราะต้องการให้มันพอดี ม.ค.-ธ.ค. ) หลังจากหมดสัญญาเช่า นาย A ก็ยังจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้ นาย ก. ทุกเดือน
ระหว่างเช่า นาย A ก็มีทำผิดสัญญาเช่า และทำความเสียหาย
แต่ นาย ก. อนุโลมให้ (นาย ก. มองว่า ก็หักเงินประกันความเสียหายเอาในภายหลัง)
นาย B คือ คนที่เข้ามาทำร้านอาหารแทนนาย A
พ.ย. 62
นาย A โทรบอก นาย ก. ว่า เดือนหน้า (ธ.ค.) เดี๋ยวจะเป็น B จ่ายค่าเช่าแทน เพราะนาย A ถอนหุ้นแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับร้านแล้ว และบอกว่านาย B คือหุ้นส่วนร้านคนนึง พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์นาย B มา
ความจริง คือ นาย B ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับนาย A เลย แต่เป็นการที่นาย B เซ้งร้านต่อจาก A มาในราคาประมาณ 3 แสนบาท (มีวงในหลายคนบอกผู้ให้เช่ามาอีกที)
ธ.ค. 62
นาย B ค้างค่าไฟหมื่นกว่าบาท โดนตัดน้ำตัดไฟ (ต่อน้ำต่อไฟในภายหลัง) แต่ก็ยังจ่ายค่าเช่าตรงเวลา
ม.ค. 63
นาย B ค้างค่าไฟหมื่นกว่าบาท โดนตัดน้ำตัดไฟ (ต่อน้ำต่อไฟในภายหลัง) และขอเลื่อนจ่ายค่าเช่าล่าช้าไป 5 วัน (แต่พอวันที่ 5 ก็จ่ายตรงตามที่สัญญาไว้)
นาย ก. โทรนัดทำสัญญาเช่าและเรียกเก็บเงินประกันความเสียหาย 2 เดือน กับนาย B เพราะมองว่าเป็นการทำสัญญาใหม่กับผู้เช่ารายใหม่
แต่นาย B อ้างว่าเงินประกันก็คือเงินของ นาย A ที่เคยจ่ายไปเมื่อตอนทำสัญญาเช่าฉบับก่อน ทำไมนาย ก. ต้องเรียกเก็บใหม่
แล้วก็อ้างว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีขาดทุนยับทุกเดือน และพูดทำนองว่าให้ นาย ก. กลับมาคิดทบทวนใหม่ (มีแบบนี้ด้วย)
สัญญาเช่าเลยยังไม่ได้ทำ
นาย ก. โทรคุยกับนาย A เพื่อสอบถามเรื่องนาย B
กลายเป็นว่า ทางด้านนาย A บอกว่า นาย A ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว นาย A ถอนหุ้นร้านแล้ว และหมดสัญญาเช่าร้านแล้ว นาย A กับ นาย ก. ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว (พูดอ้อมๆ ทำนองว่า ไม่ต้องโทรมาแล้ว)
หลังจากนั้น นาย ก. เคยโทรหานาย A อีกครั้ง ปรากฎว่านาย A ไม่รับสายแล้ว
ก.พ. 63
ค้างค่าไฟหมื่นกว่าบาท โดนตัดน้ำตัดไฟ (ต่อน้ำต่อไฟในภายหลัง) และขอเลื่อนจ่ายค่าเช่าล่าช้าไป 5 วัน (แต่พอวันที่ 5 ก็จ่ายตรงตามที่สัญญาไว้)
ตอนนี้ นาย ก. เริ่มรู้สึกว่ามีความเสี่ยงที่จะโดน นาย B ย้ายหนี โดยไม่จ่ายค่าเช่า และทิ้งค่าน้ำ ค่าไฟในราคาสูง ไว้ให้นาย ก. จ่าย
ไหนจะต้องซ่อมแซมร้านอีก (ประเมินคร่าวๆ ไว้แล้วว่า ตอนนี้อาคารปล่อยเช่ามีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ต้องจ้างช่างมาซ่อม)
อุปสรรค ของ นาย ก. ตอนนี้ คือ
ถ้า นาย B ย้ายหนี นาย ก. จะไม่รู้เลยครับ เพราะบ้านนาย ก. อยู่กันคนละที่ จะให้ไปนั่งเฝ้าก็ไม่ได้อีก และน่าจะตามตัวยาก หรือตามตัวไม่ได้เลย เพราะว่า ไม่ได้ขอหลักฐานอะไรของนาย B ไว้เลย (นาย ก.รู้แค่เบอร์โทรศัพท์นาย B)
แต่ถ้าจะทำสัญญาเช่ากับนาย B ทางนาย B ก็ไม่มีเงินจ่ายเงินประกัน ก็มีความเสี่ยงอีกถ้า นาย B ทำอะไรเสียหาย หรือค้างค้าน้ำค่าไฟ ก็ไม่มีเงินประกันอีก
แต่มองอีกมุมนึงคือ เศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ ครับ ถ้าหาผู้เช่าใหม่ อาจจะยังหาไม่ได้ในทันที หรืออาจจะหาไม่ได้เลยหลังจากนี้ไปหลายเดือน
และ ถ้ามองอีกมุมนึง คือ ถ้า นาย ก. ไม่ต่อสัญญาเช่าให้นาย B ก็จะเกิดปัญหาตามมาแน่นอนครับ เพราะ นาย B เพิ่งเสียเงินให้นาย A ไป (ค่าเซ้ง)
รบกวนถามความเห็นครับว่า ผู้ให้เช่าเอาไงต่อดีครับ
ขอบคุณครับ