ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ เพื่อนพี่น้องทุกท่านที่ให้กำลังใจผมให้ปั่นไปให้ถึง ลิเวอร์พูล บอกเลยว่า ต้องถึงเท่านั้นครับ เพราะกว่าล้อจะหมุนได้เจออุปสรรคมากมาย ทั้งการขอวีซ่า การหาทุน และอะไรอีกหลายๆอย่าง แต่ตอนนี้ทุกอย่างคลายลงทำให้ล้อหมุนได้จากที่ตั้งใจจะปั่นสบายๆกลายเป็นต้องแข่งกับเวลา แล้วยังมีเรื่องโรคระบาดมาสร้างความวาดระแวงเข้าไปอีก มีคนถามผมว่า ถ้าปั่นไปถึง แล้วทางอังกฤษระงับทุกอย่างเพราะ โควิค จะทำอย่างไร ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า ก็กลับดิ ผมทำตามความฝันของผมแล้ว แต่มีปัจจัยที่ผมควบคุมไม่ได้ ก็ต้องยอมรับ แต่ถ้ากลัวแล้วไม่ทำอะไรเลย มันก็เป็นความฝันอยู่อย่างนั้นซึ่ง เปลืองสมอง...
ผมเตรียมตัวปั่นไปลิเวอร์พูล เมื่อเกือบสองปีก่อน โดยวางแผนหาทุนจากการเขียนหนังสือ เรื่องเล่าสองข้างทาง ที่รวบรวมจากสิ่งที่ผมพบเจอมาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ ทำมาพันเล่ม ปรากฏว่าขายได้ 200 เล่ม รายได้ตรงนี้เลยนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าประเทศต่างๆที่ผมจะปั่นผ่าน ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าจองโรงแรมในบางประเทศที่ต้องยื่นประกอบ ตรงนี้หมดไปหลายเงิน บอกเลยว่าอย่างไรก็ต้องปั่นให้จบ ผมกะว่าถ้าผมได้ปั่น มันก็จะเป็นข่าว แล้วผมหวังว่า ลิเวอร์พูลจะรับรู้ถึงการเดินทางของผมแล้วจะให้บัตรฟรีนัดที่ 37 กับผม อิอิ คิดง่ายไหม แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ เพราะผมนำแผนการปั่นไปเสนอกับบริษัทต่างๆ ไม่มีทีไหนตอบรับเลย จนผมยื่นวีซ่าเสร็จแล้วรอเล่ม ผมเลยเสี่ยงโทรหา กะทิชาวเกาะ โดยผมบอกเค้าว่า ผมไม่ได้โทรมาขอการสนับสนุนเป็นตัวเงินแต่ขอคำปรึกษาเพราะเห็นว่า ชาวเกาะเป็นผู้สนับสนุนลิเวอร์พูล อยากให้ช่วยประสานให้ผมสามารถชมเกมส์นัดที่ 37 ให้ที ทางชาวเกาะ จึงขอให้ผมไปนำเสนอในวันรุ่งขึ้น ผมจึงเข้าไปบอก ชาวเกาะว่าผมทำอะไรไปบ้างและอะไรที่ผมต้องการความช่วยเหลือ เมื่อรู้ว่าผมต้องการอะไร ทางชาวเกาะเลยรับปากที่จะช่วยประสานให้ และให้ผมเดินทางได้เลยถ้าพร้อม โดยทางชาวเกาะจะช่วยผมขายหนังสือให้อีกแรงนึง เพราะค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางเฉลี่ยวันละสองพันกว่าบาท ทั้งค่าที่พักและค่าอาหาร ตลอด 70 กว่าวันที่จะต้องปั่น ช่วงนี้เลยต้องวางแผนเรื่องที่พักและอาหารควบคู่กันไป เพราะผมไม่ได้ขอการสนับสนุนในส่วนนี้ บอกเลยว่าเกรงใจครับ เพราะที่ชาวเกาะช่วยผม มันก็โขอยู่นะ กับตั๋วนัดนั้นถ้าผมจะต้องเสียเงินซื้อจริงๆ...
พรุ่งนี้ผมจะเริ่มปั่นเข้าพม่าเพื่อข้ามไปอินเดีย ด้วยประสบการณ์ที่แอบเข้าไปปั่นในพม่าบ่อยๆแบบไม่ขอวีซ่า อาศัยทำงานวุ่นวายอยู่แถวนี่ เลยคุ้นเคย พรุ่งนี้ผมจะปั่นประมาณ 150 โล เป็นทางเขาในช่วงแรกประมาณ 50 โล จากนั้นก็เป็นทาง ราบแบบเนินเขา โรลลิ่ง แต่ทางกำลังก่อสร้าง ไม่รู้ว่าเสร็จ ฤ ยัง มีลุ้นแน่ๆครับ เมืองที่ผมไปพัก ชื่อว่า ผาอัน พะอาน เป็นเมืองที่พี่น้องกะเหรี่ยงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ความสวยงามและแหล่งท่องเที่ยวของเมืองนี้ผมบอกเลยว่า วังเวียงตกขอบชิดซ้ายไปเลย เป็นเมืองที่มีภูเขาหินปูน และถ้ำน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เงียบสงบ และเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด เมืองนี้จึงน่าไปเที่ยวมากๆ ถ้าท่านไม่กลัว ท่านสามารถขอวีซ่าเข้าพม่าทางด่านแม่สอด จากนั้นเหมาแท๊กซีไปย่างกุ้ง 2500 บาท นั่งได้ 5 คน กว่าจะถึงย่างกุ้งแท๊กซี่พาเที่ยวกันเพลินเลยครับ เส้นทางนี้ผมปั่นจักรยานจนถึงย่างกุ้งเมื่อปีก่อน สองข้างทาง มีแต่ศิษย์เก่าประเทศไทยที่พอเจอคนไทยจะเข้ามาทักทายทันที พี่น้องพม่าน่ารักครับมีน้ำใจมากมาย การปั่นในพม่าของผม จึงเป็นเรื่องที่สบายๆครับ..ถือว่ามาเยี่ยมญาติ
รักคนอ่าน
woody
ปล. ผมอาจจะเข้ามาตอบทุกท่านไม่ครบนะครับเพราะกลางวันจะเน้นปั่นกลางคืน สามทุ่มผมต้องนอนเก็บแรงเพื่อลุยต่อ แต่จะพยามมาเล่าเรื่องให้ฟังกันทุกวันครับ พิมพ์จากโทรศัพท์อาจจะตกหล่นบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ
วันที่สอง ปั่นจักรยานไปฉลองแชมป์ที่ลิเวอร์พูล
ผมเตรียมตัวปั่นไปลิเวอร์พูล เมื่อเกือบสองปีก่อน โดยวางแผนหาทุนจากการเขียนหนังสือ เรื่องเล่าสองข้างทาง ที่รวบรวมจากสิ่งที่ผมพบเจอมาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ ทำมาพันเล่ม ปรากฏว่าขายได้ 200 เล่ม รายได้ตรงนี้เลยนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าประเทศต่างๆที่ผมจะปั่นผ่าน ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าจองโรงแรมในบางประเทศที่ต้องยื่นประกอบ ตรงนี้หมดไปหลายเงิน บอกเลยว่าอย่างไรก็ต้องปั่นให้จบ ผมกะว่าถ้าผมได้ปั่น มันก็จะเป็นข่าว แล้วผมหวังว่า ลิเวอร์พูลจะรับรู้ถึงการเดินทางของผมแล้วจะให้บัตรฟรีนัดที่ 37 กับผม อิอิ คิดง่ายไหม แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ เพราะผมนำแผนการปั่นไปเสนอกับบริษัทต่างๆ ไม่มีทีไหนตอบรับเลย จนผมยื่นวีซ่าเสร็จแล้วรอเล่ม ผมเลยเสี่ยงโทรหา กะทิชาวเกาะ โดยผมบอกเค้าว่า ผมไม่ได้โทรมาขอการสนับสนุนเป็นตัวเงินแต่ขอคำปรึกษาเพราะเห็นว่า ชาวเกาะเป็นผู้สนับสนุนลิเวอร์พูล อยากให้ช่วยประสานให้ผมสามารถชมเกมส์นัดที่ 37 ให้ที ทางชาวเกาะ จึงขอให้ผมไปนำเสนอในวันรุ่งขึ้น ผมจึงเข้าไปบอก ชาวเกาะว่าผมทำอะไรไปบ้างและอะไรที่ผมต้องการความช่วยเหลือ เมื่อรู้ว่าผมต้องการอะไร ทางชาวเกาะเลยรับปากที่จะช่วยประสานให้ และให้ผมเดินทางได้เลยถ้าพร้อม โดยทางชาวเกาะจะช่วยผมขายหนังสือให้อีกแรงนึง เพราะค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางเฉลี่ยวันละสองพันกว่าบาท ทั้งค่าที่พักและค่าอาหาร ตลอด 70 กว่าวันที่จะต้องปั่น ช่วงนี้เลยต้องวางแผนเรื่องที่พักและอาหารควบคู่กันไป เพราะผมไม่ได้ขอการสนับสนุนในส่วนนี้ บอกเลยว่าเกรงใจครับ เพราะที่ชาวเกาะช่วยผม มันก็โขอยู่นะ กับตั๋วนัดนั้นถ้าผมจะต้องเสียเงินซื้อจริงๆ...
พรุ่งนี้ผมจะเริ่มปั่นเข้าพม่าเพื่อข้ามไปอินเดีย ด้วยประสบการณ์ที่แอบเข้าไปปั่นในพม่าบ่อยๆแบบไม่ขอวีซ่า อาศัยทำงานวุ่นวายอยู่แถวนี่ เลยคุ้นเคย พรุ่งนี้ผมจะปั่นประมาณ 150 โล เป็นทางเขาในช่วงแรกประมาณ 50 โล จากนั้นก็เป็นทาง ราบแบบเนินเขา โรลลิ่ง แต่ทางกำลังก่อสร้าง ไม่รู้ว่าเสร็จ ฤ ยัง มีลุ้นแน่ๆครับ เมืองที่ผมไปพัก ชื่อว่า ผาอัน พะอาน เป็นเมืองที่พี่น้องกะเหรี่ยงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ความสวยงามและแหล่งท่องเที่ยวของเมืองนี้ผมบอกเลยว่า วังเวียงตกขอบชิดซ้ายไปเลย เป็นเมืองที่มีภูเขาหินปูน และถ้ำน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เงียบสงบ และเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด เมืองนี้จึงน่าไปเที่ยวมากๆ ถ้าท่านไม่กลัว ท่านสามารถขอวีซ่าเข้าพม่าทางด่านแม่สอด จากนั้นเหมาแท๊กซีไปย่างกุ้ง 2500 บาท นั่งได้ 5 คน กว่าจะถึงย่างกุ้งแท๊กซี่พาเที่ยวกันเพลินเลยครับ เส้นทางนี้ผมปั่นจักรยานจนถึงย่างกุ้งเมื่อปีก่อน สองข้างทาง มีแต่ศิษย์เก่าประเทศไทยที่พอเจอคนไทยจะเข้ามาทักทายทันที พี่น้องพม่าน่ารักครับมีน้ำใจมากมาย การปั่นในพม่าของผม จึงเป็นเรื่องที่สบายๆครับ..ถือว่ามาเยี่ยมญาติ
รักคนอ่าน
woody
ปล. ผมอาจจะเข้ามาตอบทุกท่านไม่ครบนะครับเพราะกลางวันจะเน้นปั่นกลางคืน สามทุ่มผมต้องนอนเก็บแรงเพื่อลุยต่อ แต่จะพยามมาเล่าเรื่องให้ฟังกันทุกวันครับ พิมพ์จากโทรศัพท์อาจจะตกหล่นบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ