มีปัญหากับพี่ที่ทำงานคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเราขอท้าวความก่อนนะคะ อยากให้คนอ่านได้รู้ว่าปัญหาที่เราคิดไม่ตกตอนนี้มะนสำคัญยังไง ถึงกับต้องมาตั้งกระทู้ ขอความเห็นจากทุกคน
 เราทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาได้เกือบ 5 ปีแล้ว ที่ผ่านมาตลอดเวลาเราพยายามจะไม่มีปัญหากับใครที่ทำงาน เพราะเราเป็นเด็กฝาก ถึงแม้จะฝากเป็นเดือนกว่าเขาจะเรียกตัวก็เถอะ ทุกคนก็มองเราเป็นเด็กเส้นอยู่ดี
 เราทำงานมาเข้าปีที่ 3 มีเด็กใหม่เวียนเข้าออกแผนกเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่เราทำงานตรงจุดนี้มา จนมีพี่คนหนึ่งเข้ามา ขอเรียกพี่คนนี้ว่า "พี่สวย" ละกันนะคะพี่สวยเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง พูดเก่ง แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทุกอย่าง แรกเราไม่ค่อยชอบพี่สวย ออกระแวงว่าพี่สวยจะเอาเรื่องอะไรไปฟ้องหัวหน้าบ้างหรือเปล่า เพราะดูเข้าถึงหัวหน้าตั้งแต่มาทำงานวันแรกเลย เราเลยไม่ค่อยสุงสิงด้วย แต่ไปๆมาๆเรากลับสนิทกับพี่สวยมากๆสนิทที่สุดในบรรดาพี่ๆน้องๆทุกคนอีก แม้บางคนจะอยู่มานานกว่า
แล้วปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้นทีละสเตป
ตั้งแต่โดนแขวะเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่น่าเป็นเรื่องก็เป็นเรื่อง
จนลามมาเรื่องใหญ่ๆ อย่างว่าเราไม่ทำงาน ทั้งที้เราก็เต็มที่กับงานในทุกวัน เพราะไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ยังโดนคดีนี้แบบ งงๆ.... 
เราเคยโดนเข้าใจผิดว่านินทาพี่สวยด้วย ทั้งที่เราไม่เคยคิดทำแบบนั้นเลยพี่สวยคือพี่ที่เราเคารพรักมากๆ ได้คุยกับพี่สวยแล้วเราสบายใจ พี่สวยคือคนที่คอยรับฟังปัญหาเราทุกอย่าง พี่สวยไม่เคยบอกวิธีแก้ว่าต้องแบบนั้นต้องแบบนี้เหมือนคนอื่นๆ แต่พี่สวยใช้วิธียกตัวอย่าง และให้เราตัดสินใจเอง แต่สิ่งที่พี่สวยย้ำเตือนเราเสมอเลยคือ ให้เราใจเย็น ค่อยๆ คิด พี่สวยบอกว่าอยากเห็นเราเข้มแข็ง เวลาเรายิ้มแล้วโลกสดใส....
 เราตามเคลียร์จนพี่สวยเข้าใจ แต่ก็มึปัญหาตามมาเรื่อยๆ หลังๆพี่สวยเหมือนจะห่างๆกับเราไปเราเข้าใจเพราะสถานการณ์ตอนนั้น เรากลายเป็นเด็กที่มีพี่ใหญ่คอยเข้าข้าง ทั้งที่จริงๆเราไม่เคยหวังผลประโยชน์จากการสนิทกับพี่ใหญ่เลย เราอยู่กับพี่สวยเพราะความสบายใจจริงๆ 
เนื่องจากช่วงนั้นเราเจอปัญหาชีวิต และมีแค่พี่สวยที่เข้าใจ คอยปลอบใจ คอยให้กำลังใจ คอยเตือนสติ คอยพาไปทำบุญ.... 
(ลืมบอกว่าเรามาทำงานต่างจังหวัด ไม่มีญาติพี่น้องที่รู้จักอยู่ใกล้ๆเลย)​
เราก็ดื้อด้านไม่ยอมห่างจากพี่สวยเพราะไม่มีใครแล้ว
แต่สุดท้ายเพื่อไม่ให้ใครต้องลำบากใจโดยเฉพาะพี่สวย เราก็ยอมห่าง
แต่ก็ยังร่วมงานกันปกติ แต่ยอมรับว่าเราทำตัวให้เป็นปกติไม่ได้
เพราะนับคำที่พี่สวยจะคุยกับเราได้เลย
ปกติพี่สวยเป็นคนอารมณ์ดีชอบแซวพี่ๆน้องในแผนก
หลังจากปีใหม่เป็นต้นมาพี่สวยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกด้วยความจำเป็น
เราเข้าใจข้อจำกัดตรงนี้ดีมากๆ ว่า
เาจะไม่สามารถกลับไปสนิทกับพี่สวยไม่ได้อีก
ปัญหาจะตามมามาก จะมีคำพูดว่าพี่สวยลำเอียง
ทั้งที่พี่สวยไม่เคยลำเอียง แต่อย่างว่าปากคน.... 
และช่วงนั้นพี่สวยก็เล่นกับทุกคนยกเว้นเรา
เราโดนจี้ทุกอย่างในเรื่องงาน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูผิดไปหมด
ทั้งที่ก็ทำแบบๆที่ึคนอื่นเขาทำ
แต่เรามักจะเจอเรื่องที่ไม่มีใครเคยเจอ
และจะเป็นคนแรกที่ถูกด่า
แล้วหลังจากนั้นทุกคนในแผนกก็จะมีการแก้ไข และไม่มีใครถูกด่าในเรื่องที่เราโดนด่า
เพราะทุกคนเอาสิ่งที่เราโดนด่าไปแก้ไขจุดที่บกพร่องไปเรียบร้อยแล้ว
เรายอมรับว่าตัวเองเป็นคนมีความอดทนค่อนข้างสูง
ไม่ว่าจะเจอกับเหตุการณ์อะไร หนักขนาดไหน
เราทนไหว ท่องไว้ในใจเสมอ
"งานหนักดีกว่าไม่มีงานทำ.. ..." 
เจออะไรแย่ๆ หรือทำอพไรผิดพลาด
ก็จะท่องไว้ในใจว่า
"คิดซะว่ามันเป็นบทเรียน"
มันทำให้เรารู้สึกไม่ท้อเวลาถูกด่า
จนเมื่อต้นเดือนกุมภาที่ผ่านมา
เราทำงานผิดพลาด จากเรื่องเล็กบานปลายเป็นเรื่องใหญ่
เพียงเพราะเราตัดสินใจผิดพลาดเพียงนิดเดียว
เหตุการณ์วันนั้น ทำให้เราถูกหัวหน้า ซึ่งก็คือพี่สวย เรียกคุย.... 
พี่สวยโทรเรียกเราคุยแต่เช้ากับพี่อีกคนที่เราก็รักพี่เขาไม่ต่างกับพี่สวย แต่ไม่สนิทเท่า
ในห้องที่จัดเตรียมไว้สำหรับแขก
วันนั้นเราคุยกันหมดเปลือก พี่สวยให้เหตุผลหมดทักอย่าง เหมือนเรียกไปคุยเพื่อให้เข้าใจตรงกัน
วันนั้นเราร้องไห้เพราะเราเหนื่อยกับสิ่งที่เจอ
ถึงแม้จะบอกกับตัวเองว่าไม่เหนื่อย
เราปล่อยโฮออกมาวันนั้น..... 
แล้วหลังจากนั้นเราก็เข้าใจกัน.... 
แต่จุดพีคมันอยู่ตรงที่เราจะเล่าต่อจากนี้..... 
มีวันนึงเราโดนจี้เรื่องงานเกือบจะทุกครั้งที่ออกมานั่งหน้าแผนก
จนเราเกิดความน้อยใจ
กลับเข้าไปนั่งทำงานแบบน้ำตาคลอ
พอพี่สวยถามก็ไม่ตอบไม่พูดไม่จาเพราะเราจะร้องไห้
ถ้าตอนนั้นเราตอบพี่สวยไป
เหตุการณ์อาจไม่ใช่แบบนี้
เพราะหลังจากพี่สวยถามเรา คุยกับเรา
ว่าเราเป็นอะไรร้องไห้หรอ
เราไม่ตอบ.... จนพี่สวยโมโห... 
บอกว่า
พี่สวย : ถ้าเราไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ พี่จะให้คนอื่นมาทำ
เรา : หนูไม่ได้ไม่อยากทำ หนูทำได้หมด แต่หนูแค่น้อยใจว่าทำไมพี่จี้ถามแค่หนู
(แล้วน้ำตาที่เรากลั้นไว้ก็กลั้นไม่อยู่อีกต่อไป มันไหลพรั่งพรูออกมาแบบหยุดไม่ได้)​
พี่สวย : พี่ถามทุกคนแต่พี่เพิ่งมีเวลาถามรายละเอียดวันที่เราอยู่พี่ผิดหรอ
เรา : พี่ไม่ผิด แต่หนูก็แค่น้อยใจไง.... 
แล้วหลังจากนั้นหูเราก็อื้อไปหมด พี่สวยพูดอะไรเราไม่ได้ยินเลย เราหอบแฟ้มเอกสารออกมาหน้างานพร้อมน้ำตาที่ไหลไม่หยุด
แล้ววันนั้นเราก็ทักไลน์พี่สวยไปเพื่ออธิบายว่าไม่ได้ไม่อยากทำงาน แค่น้อยใจ
แต่เหตุการณ์มันกลับบานปลายไปใหญ่ 
พี่สวยพูดคำขาดว่าต่อไปนี้จะไม่บอกจะไม่ถามอะไรเราอีก จะไม่สอนอะไรอีกแล้ว แล้วแต่เรา
เราก็ทำให้เหมือนคนอื่นแค่นั้นก็พอ...... 
และจะให้เพื่อนร่วมงานประเมินเรา
หลังจากวันนั้น..... 
พี่สวยก็ทำให้เราเห็นจริงๆ ว่าไม่สนใจอะไรเราเลย
บอกงานสอนงานก็จะบอกกับอีกคน
ไม่คุยกับเรา ไม่มองหน้าเรา..... 
จริงๆ เราไม่ซีเรียสว่าจะให้ใครประเมิน
แต่เราซีเรียสเรื่องไม่มีคนสอนงานมากกว่า
งานในแผนกที่เราทำอยู่ มีงานมากขึ้น
และมีเคสใหม่ๆ มาให้ศึกษาได้ตลอด
เราไม่สามารถศึกษาจากการสังเกตได้ทั้งหมดแน่นอน
ถึงแม้เรามักจะชอบสังเกตเวลาใครทำอะไร
... 
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น.... 
ผ่านมาแล้ว 6 วัน เราพยายามจะหาช่อง
หาเวลาในการขอคุยกับพี่สวยเรื่ิองนี้
แต่ก็ไม่มีทั้งเวลาและโอกาส แล้วเรายังมาหยุดหลายวันอีก
พอหลังจากเรากลับไปคิดทบทวนอะไรต่างๆ
เรากลับรู้สึกผิดกับพี่สวยมากๆ
ว่าทำไมวันนั้นเราถึงไม่ตอบตอนพี่สวยถาม
ทำไมเรานิ่งเฉยจนพี่สวยโกรธ ..... 
และการที่พี่สวยคอยจี้เราเรื่องงานก็คงเพราะหวังดีกับเราจริงๆ
มีพี่ในแผนกคนนึงรุ่นๆเดียวกันบอกว่า
พี่สวยไม่อยากให้ใครมองเราไม่ดีหรือเปล่า
"พี่ว่าพี่สวยรักแกเหมือนลูกคนนึงเลยก็ว่าได้" 
บวกกับมานั่งคิดทบทวนหลายๆอย่างที่ผ่านมา
รวมถึงทุกคำพูดที่พี่สวยพูดกับเราในห้องที่เรียกคุยเมื่อต้นกุมภา
มันยิ่งทำให้เรารู้สึกผิด
.... 
สิ่งที่เราคิดจะทำตอนนี้คือ.... 
พรุ่งนี้เราว่าจะขอเวลาคุยเรื่องนี้กับพี่สวย
เราอยากขอโทษ และเราอยากบอกพี่สวยว่า
พี่สวยจะให้ใครประเมินก็ได้
แต่พี่สวยไม่หยุดสอนงานหนูได้ไหม.... 
แต่เรากลัวพี่สวยจะไม่ฟัง
ทุกคนว่าเราคิดดีแล้วใช่ไหมคะ
พี่สวยเป็นเหมือนแม่ และพี่สาวไปในคราวเดียวกัน 
ในช่วงเวลาที่เราอยู่ห่างอ้อมอกพ่อแม่
ทุกครั้งเราจะมีพี่สวยคอยประคอง
แต่ไม่เคยมีซักครั้งที่พี่สวยบอกว่าจะไม่สอนงานเรา
พี่สวยเคยบอกว่าอย่าให้ถึงจุดนั้นเลย.... 
แล้วก็มีจุดนี้จนได้.... 
เราเครียดมาก กลัวไปหมด กลัวตัวเองจะตัดสินใจผิดพลาดอีก
คำขอโทษของเรามันจะทำให้อะไรดีขึ้นไหม
แล้วพี่สวยจะยอมฟังเราไหม... 
เราเครียดจริงๆ
เพราะถ้าเราไม่รีบเคลียร์ เราจะไม่สามารถทำงานที่นี่ต่อได้อย่างมีความสุขแน่ๆ
เราทำงานในบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้จริงๆ
แต่เราก็ไม่ได้อยากลาออก
เราคืดจะแก้ปัญหาแบบนี้เราคิดถูกแล้วใช่ไหมคะ..... 

ขอบคุณนะคะที่อ่านกันจนจบ
และขอบคุณทุกความคิดเห็นล่วงหน้าด้วยค่ะ
เราเครียดมากจริงๆ....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่