ทำไมพอเกิดCovid-19 ถึงเอาแต่โทษหน่วยงานใดหน่วยงานนึง มันก็เหมือนเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว
จะเอาแต่นั่งเฉยวิจารณ์ การทำงานของหน่วยงานต่างๆ ทำไม อันไหนเห็นว่าดีก็เสนอแนะกันไป
บางอย่างจะให้ทำเหมือนประเทศอื่นซะทีเดียวคงไม่ได้ ต้องดูขนาดประเทศ เศรษฐกิจและคุณภาพประชากรด้วย เราไม่มีแอลกอฮอล์มากพอที่จะมาฉีดพ่นทั่วเมือง ถ้าไม่ได้

น้ำลายหรือสั่งขี้มูกตามพื้น ทิ้งขยะติดเชื้อให้ถูกที่ แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว เราก็ช่วยกันในแบบไทยๆของเรา สมุนไพรเราก็มีเยอะแยะ
ช่วยกันคิด หลายประเทศก็รับมือไม่ทันกับการระบาดของโรคนี้ ถือซะว่าเป็นประสบการณ์และเรียนรู้การรับมือไปพร้อมๆกัน
ประเทศเราเคยผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง เพราะความสามัคคีและช่วยเหลือแบ่งปันกัน
แต่ครั้งนี้หนักกว่า เพราะนอกจากต้องช่วยเหลือกันแล้ว ต้องมีจิตสำนึกต่อส่วนรวมด้วย อย่านึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน
ผ้าปิดจมูกที่ตุนไว้ กับเงินที่ขายได้ จะทำให้อยู่รอดไปได้นานแค่ไหน ถ้าไม่กักตุนสินค้า มันก็คงพอมีแบ่งปันกันระหว่างที่รอการผลิต โรงพยาบาลก็คงไม่ขาดแคลน
ถึงจะเป็นโรคระบาดแต่ก็สามารถป้องกันได้ไม่ยุ่งยาก แค่รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่ผ้าปิดจมูกเมื่อไปในที่ชุมชน ผ้าปิดจมูกแบบผ้าก็ใช้ได้ เราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดคนป่วยตลอดเวลาอย่างหมอ อย่างมากก็แค่เดินสวนกับคนที่ติดเชื้อในระยะฟักตัว ซึ่งอาจจะมีอาการไอหรือจาม
ในยามขาดแคลนแบบนี้ ใส่ผ้าปิดจมูกแบบผ้าไว้ก็ยังดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย ถ้าเกิดไอจามขึ้นมา น้ำลายจะได้ไม่ฟุ้งไปติดข้าวของอย่างอื่น เป็นที่รังเกียจ หรือเป็นพาหะโรคอย่างอื่น
ทั้งเจ้าหน้าที่ การคัดกรอง ชุดตรวจสอบมันก็มีจำกัด ตรวจสอบได้ไม่ทั่วถึง ถึงจะหลุดรอดจากการตรวจที่สนามบิน แต่เรายังมีหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ผู้ว่า สำนักงานเขตต่างๆ ที่สามารถให้ความรู้กับคนในชุมชนตัวเองในการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และเราก็ควรให้ความร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองและกักกันโรคเมื่อเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงได้
ในทุกวิกฤตจะมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ทำให้เห็นเลยว่าประเทศเราส่งออกสินค้าก็เยอะแต่สินค้าเพื่อสุขอนามัยที่ผลิตในประเทศที่ได้มาตรฐานสากลยังมีน้อย
โรงแรม ร้านอาหาร ก็ต้องเตรียมแผนรับมือ ดีกว่านั่งรอให้เหตุการณ์มันผ่านไปเอง
ไหนๆลูกค้าก็น้อยลง ก็ให้นั่งโต๊ะห่างกันขึ้น รักษาความสะอาดเพิ่มขึ้น ส่วนโรงแรมก็จัดแบบprivate zone ไปเลย ถ้าลูกค้าไปแล้วรู้สึกปลอดภัยปลอดโรคเหมือนอยู่บ้าน ยังไงก็มีลูกค้าเรื่อยๆ
ตอนนี้เราไม่ได้มีแค่ปัญหาCovid-19 ก่อนหน้านั้นเราก็มีปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นกันทั้งโลกที่ยืดเยื้อกันมาสักพักแล้ว นี่ยังไม่ปิดประเทศแค่คนลดการเดินทางลง เศรษฐกิจยังซบเซาขนาดนี้
เราต้องช่วยกันทุกภาคส่วนถึงจะสามารถควบคุมการระบาดได้ ถ้าควบคุมโรคได้เศรษฐกิจก็จะกลับมาเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นเรื่องร้ายๆไปด้วยกัน
ทำไมไม่สู้ Covid-19 ไปด้วยกัน อย่าปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานใดหน่วยงานนึงเพียงลำพัง
จะเอาแต่นั่งเฉยวิจารณ์ การทำงานของหน่วยงานต่างๆ ทำไม อันไหนเห็นว่าดีก็เสนอแนะกันไป
บางอย่างจะให้ทำเหมือนประเทศอื่นซะทีเดียวคงไม่ได้ ต้องดูขนาดประเทศ เศรษฐกิจและคุณภาพประชากรด้วย เราไม่มีแอลกอฮอล์มากพอที่จะมาฉีดพ่นทั่วเมือง ถ้าไม่ได้
ช่วยกันคิด หลายประเทศก็รับมือไม่ทันกับการระบาดของโรคนี้ ถือซะว่าเป็นประสบการณ์และเรียนรู้การรับมือไปพร้อมๆกัน
ประเทศเราเคยผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง เพราะความสามัคคีและช่วยเหลือแบ่งปันกัน
แต่ครั้งนี้หนักกว่า เพราะนอกจากต้องช่วยเหลือกันแล้ว ต้องมีจิตสำนึกต่อส่วนรวมด้วย อย่านึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน
ผ้าปิดจมูกที่ตุนไว้ กับเงินที่ขายได้ จะทำให้อยู่รอดไปได้นานแค่ไหน ถ้าไม่กักตุนสินค้า มันก็คงพอมีแบ่งปันกันระหว่างที่รอการผลิต โรงพยาบาลก็คงไม่ขาดแคลน
ถึงจะเป็นโรคระบาดแต่ก็สามารถป้องกันได้ไม่ยุ่งยาก แค่รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่ผ้าปิดจมูกเมื่อไปในที่ชุมชน ผ้าปิดจมูกแบบผ้าก็ใช้ได้ เราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดคนป่วยตลอดเวลาอย่างหมอ อย่างมากก็แค่เดินสวนกับคนที่ติดเชื้อในระยะฟักตัว ซึ่งอาจจะมีอาการไอหรือจาม
ในยามขาดแคลนแบบนี้ ใส่ผ้าปิดจมูกแบบผ้าไว้ก็ยังดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย ถ้าเกิดไอจามขึ้นมา น้ำลายจะได้ไม่ฟุ้งไปติดข้าวของอย่างอื่น เป็นที่รังเกียจ หรือเป็นพาหะโรคอย่างอื่น
ทั้งเจ้าหน้าที่ การคัดกรอง ชุดตรวจสอบมันก็มีจำกัด ตรวจสอบได้ไม่ทั่วถึง ถึงจะหลุดรอดจากการตรวจที่สนามบิน แต่เรายังมีหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ผู้ว่า สำนักงานเขตต่างๆ ที่สามารถให้ความรู้กับคนในชุมชนตัวเองในการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และเราก็ควรให้ความร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองและกักกันโรคเมื่อเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงได้
ในทุกวิกฤตจะมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ทำให้เห็นเลยว่าประเทศเราส่งออกสินค้าก็เยอะแต่สินค้าเพื่อสุขอนามัยที่ผลิตในประเทศที่ได้มาตรฐานสากลยังมีน้อย
โรงแรม ร้านอาหาร ก็ต้องเตรียมแผนรับมือ ดีกว่านั่งรอให้เหตุการณ์มันผ่านไปเอง
ไหนๆลูกค้าก็น้อยลง ก็ให้นั่งโต๊ะห่างกันขึ้น รักษาความสะอาดเพิ่มขึ้น ส่วนโรงแรมก็จัดแบบprivate zone ไปเลย ถ้าลูกค้าไปแล้วรู้สึกปลอดภัยปลอดโรคเหมือนอยู่บ้าน ยังไงก็มีลูกค้าเรื่อยๆ
ตอนนี้เราไม่ได้มีแค่ปัญหาCovid-19 ก่อนหน้านั้นเราก็มีปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นกันทั้งโลกที่ยืดเยื้อกันมาสักพักแล้ว นี่ยังไม่ปิดประเทศแค่คนลดการเดินทางลง เศรษฐกิจยังซบเซาขนาดนี้
เราต้องช่วยกันทุกภาคส่วนถึงจะสามารถควบคุมการระบาดได้ ถ้าควบคุมโรคได้เศรษฐกิจก็จะกลับมาเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นเรื่องร้ายๆไปด้วยกัน