แชร์ประสบการณ์ถูกแฮคข้อมูลบัตรเดบิต และการตามเงินคืน

ขอเกริ่นก่อนว่าโดยปกติแล้วจขกท.มักจะใช้บัตรเดบิตในการซื้อของออนไลน์ จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม อยู่เป็นประจำ และแล้วในคืนของวันที่
12 ธันวาคม 2562 จขกท.ก็ตรวจเช็คไลน์ตามปกติแล้วพบว่ามีรายการโอนเงินที่จขกท.ไม่ได้เป็นคนทำรายการแจ้งเตือนขึ้นมาในไลน์ 3 รายการด้วยกัน 
          ซึ่งจะสังเกตได้ว่าทั้งสามรายการเป็นการทำธุรกรรมจาก Paypal มีรายการแรกคือ 1 บาทซึ่งเหมือนจะเป็นการเช็คว่าในบัญชีมีเงินมั้ย แล้วจึงค่อยมีรายการที่ใหญ่กว่าตามมา แล้วประเด็นก็คือขณะที่มีการโอนเงินจขกท.กำลังนั่งทานอาหารกับเพื่อนอยู่และมั่นใจว่าไม่ได้เป็นคนโอนแน่นอน
เพราะจขกท.ไม่มีบัญชีของ Paypal คืนนั้นที่เห็นรายการโอนจำได้ว่าช็อคมากๆ อึ้งไปเลยเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่เคยเห็นในข่าวจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ก็เลยตั้งสติแล้วโทรไปอายัดบัตรกับทางธนาคาร หลังจากอายัดบัตรเรียบร้อยแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะไปทำเรื่องขอเงินคืนกับธนาคาร
          โดยสิ่งที่ต้องพกไปตอนไปทำเรื่องขอคืนเงินก็ คือ สมุดบัญชี บัตรประชาชน และที่สำคัญคือใบแจ้งความ ที่สามารถไปขอได้ที่สน.ใกล้บ้าน โดยไปเล่าเหตุการณ์ให้คุณตำรวจฟัง ลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วจะได้ใบแจ้งความมา แล้วเอาไปยื่นเรื่องที่ธนาคารได้เลย แต่กว่าจขกท.จะได้ไปทำเรื่องก็ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆแล้ว เพราะตัวจขกท.อยู่กทม.แต่สมุดบัญชีดันอยู่ที่ต่างจังหวัด และจขกท.มีแพลนไปต่างประเทศหลังจากเกิดเรื่องสองวัน ก็เลยทำให้ไม่สามารถไปทำเรื่องขอเงินคืนได้เลยในทันที แต่ท้ายที่สุดหลังจากจขกท.ไปทำเรื่องหลังกลับมาจากเที่ยว ในปลายเดือนมกราคม 2563 ทางธนาคารก็ได้ดำเนินเรื่องคืนเงินกลับสู่บัญชีของจขกท.แล้วเรียบร้อย เย้ๆ
          สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่าการทำธุรกรรมออนไลน์มันสะดวกก็จริง แต่มันก็อันตรายเหมือนกัน อยากให้ทุกคนระวังตัวโดยเฉพาะการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านไวไฟสาธารณะอันนี้น่ากลัวมากๆ เรื่องนี้ทำเอาจขกท.ไม่กล้ากรอกเลขบัตรเพื่อตัดเงินผ่านบัตรไปพักใหญ่ๆเลย555 และโชคดีที่วันที่เกิดเรื่อง ไม่รู้อะไรดลใจให้สมัครแจ้งเตือนเงินเข้าออกบัญชีผ่านไลน์ของธนาคารไปในตอนเช้า แล้วก็เกิดเรื่องเย็นวันนั้นเลย ทำให้จขกท.รู้ตัวเร็วเพราะ
ปกติจขกท.ไม่ค่อยเช็คยอดเงินในบัญชีเลย แจ้งเตือนผ่านsmsก็ไม่ได้สมัครไว้