คนเรามักชอบเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ชอบคิดและสั่งให้คนอื่นเป็นในแบบที่ตัวเองชอบ ในแบบที่ตัวเองคิด แต่หารู้ไม่ คนเหล่านี้ ไม่เคยที่แม้แต่จะย้อนกลับไปมองตัวเองว่า ตัวเองนั้นดีพอหรือยังที่จะไปปรับเปลี่ยนคนอื่น ให้เป็นในแบบที่ตัวเองเป็น
เราไม่สามารถจะเอาบรรทัดฐาน ของตัวเองไปวัดกับคนอื่นได้ หรือแม้แต่บอกให้ใครต้องมาทำอะไรในแบบที่ตัวเองถนัดได้ เพราะคนเราเกิดมามีความสามารถและความถนัดที่ต่างกัน รวมถึงอุปนิสัยก็เช่นกัน เรามักจะได้ยินคำพูดนี้บ่อยๆว่า
"คนอื่นเขาก็คนเหมือนกันทำไมเราจะทำไม่ได้" หรือแม้แต่คำพูดที่ว่า "ฉันยังเคยทำได้เลยทำไมเธอจะทำไม่ได้" แต่คุณลองคิดดูกับคำพูดพวกนี้ถ้าในสิ่งที่คน คนนึงกำลังบังคับหรือ สั่งให้เราทำอะไรที่เขาเคยทำได้หรือเขาต้องการจะให้ทำ แต่เราไม่ถนัด หรือไม่ชอบในสิ่งเหล่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร?
" ใช่ค่ะ" คุณจะรู้สึกไม่ดีและอึดอัดเป็นอย่างมาก และในความรู้สึกต่างๆที่สะสมมาเรื่อยๆ จากการที่โดนกระทบกระเทือนทางจิตใจ ด้วยคำพูดของเขาคนนั้น มันทำให้คนคนนึงท้อ หมดกำลังใจที่จะทำอะไรในสิ่งที่วาดฝันไว้ ไม่ว่าคุณจะเป็นมหาเศรษฐีมาจากไหน เมื่อมีคนที่เขาต้องการแรงใจกำลังใจ หรือเป็นที่พึ่งให้เขาได้คุณก็ควรทำ ไม่ใช่เอาแต่รอจะทวงบุญคุณ เพราะจากที่คุณจะไม่ได้บุญที่คิดจะช่วยเหลือใครแล้ว คุณจะได้บาปอีกด้วย ชีวิตคนเรา มันขึ้นอยู่กับตัวเรา สามารถขอความช่วยเหลือได้ก็จริง แต่ในส่วนที่เป็นตัวเองทำด้วยตัวเองมันก็มี ไม่ว่าคุณจะเป็นใแค่ไหน มีหน้าที่การงานดีเลิศขนาดไหน คุณก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาคนนึง ที่รอวัน "ตาย" แต่จงจำไว้ อะไรที่คุณไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี อะไรที่คุณไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า คนคนนั้นไม่ได้ทำ กลับกันในสิ่งที่คุณเห็น อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง มีแต่ความหลอกลวง จอมปลอม ก็เป็นได้ ถ้าคุณไม่คิดติตรอง ดูให้ดี
อำนาจ ไม่ได้ มีไว้เพื่อบงการชีวิตใครไม่ได้มีไว้อวดใครว่าฉันนั้นยิ่งใหญ่ แต่อำนาจ มีไว้ให้ประดับบารมี มีไว้ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร นิสัยยังไง คนคนนึง ก็คือ คนคนนึง อยู่วันยังค่ำ ไม่ได้เป็นคนคนเดียวกัน ชีวิตต่างชีวิต นิสัยต่างนิสัย อย่าเอานิสัย และ ความเป็นตัวของตัวคุณ ไปสั่งหรือเปลี่ยนใคร ตามที่คุณเห็นแล้วไม่ชอบ จงจำไว้ ไม่ว่าใคร ที่คุณว่าเขาไม่ได้ทำ หรือไม่ได้ทำตามในสิ่งที่คุณต้องการ
"ก็ใช่ไงคะ เขาไม่ใช่คุณ เขาไม่สามารถจะมาทำในสิ่งที่คุณต้องการได้หมดหรอกนะคะ"
ทำอะไรจะพูดอะไรทุกอย่างต้องมีสติ จะด่าใครหรือสอนใคร ต้องใช้จิตวิทยาในการใช้คำพูด ไม่ควรใช้คำพูดที่รุนแรง เพราะมันอาจเกิดอะไรที่คุณไม่คาดคิด เช่น 'ถ้าคุณกำลังคิดจะสอนคนท้อแท้คนหนึ่ง ซึ่งคนๆนี้ เขาต้องการความช่วยเหลือ แต่เขายังไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่ถูกที่สุดได้ สิ่งที่คุณควรทำคือ 1) มองและสังเกตว่าเขาเป็นคนอย่างไร 2) เมื่อรู้จักนิสัยใจคอเขาจริงๆแล้ว สามารถพูดตักเตือนและสอน คุณควรใช้คำพูดที่ มีน้ำเสียงอ่อน และคำพูดที่ไปในทางบวก ไม่ควรใช้การต่อว่า ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็น คนเช่นไร เพราะถ้าคุณพูดด้วยอารมณ์ คนที่กำลังท้อ หมดกำลังใจ อาจคิดสั้น หรือทำในสิ่งที่ไม่ควรทำได้'
การพูดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของคำว่า "มารยาท" และ "วุฒิภาวะ" ตามสำนวนไทยที่กล่าวว่า
"สำนวนส่อภาษากิริยาส่อสกุล" ที่หมายความว่า การพูดและกิริยาท่าทางต่างๆ ที่กระทำออกมาในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้คนที่มองคุณ สามารถตัดสินคุณได้เลยว่า คุณเป็นคนอย่างไร โดยที่ใช้คำพูดไปถึงครอบครัววงตระกูลของคุณด้วย ซึ่ง มันมีสองทางเลือก คือ พูดดี กิริยาดี สิ่งที่สังคมมองแล้วตัดสิน ตัวคุณถึงครอบครัวคุณ ก็คือคำว่า'ดี' แต่เมื่อไหร่ที่ คุณพูด ไม่ดี กิริยาแย่ เมื่อนั้น สังคมก็ตัดสินตัวคุณและครอบครัว ว่าแย่ไม่ต่างกัน ถึงแม้คุณจะสูงส่งมาจากไหน เมื่อพฤติกรรมคุณ ไม่เหมาะสมกับหน้าที่การงานของคุณ อย่างไรซะ คุณก็ โดนตราหน้าว่า แย่ไปแล้ว ถึงแม้เมื่อคุณออกไปเจอผู้คนแล้วคุณพูดจาดี แต่ในใจและตัวของคุณเองรู้ดีว่ามัน "ปลอม" (ปลอม =การโกหก,หลอกลวง ,ไม่จริง)
อย่าทำตัวเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วตัดสินคนอื่น ถ้าอยากให้คนอื่นเป็นแบบคุณ ไม่ว่าจะดี หรือจะ เลว ควรมีวาทศิลป์ในการพูด รู้จักใช้คำว่าสอนให้เป็นไม่ใช้ยืนด่า หรือ เหมือนกับประจาน ต่อหน้าผู้อื่นทำให้คนคนนึงรู้สึกอาย และรู้สิ่งแย่ก็ไม่สมควรทำแล้วยังมันทำให้คุณ ดูเป็นคนที่ ต่ำ (ต่ำ = แย่, ไม่มีสกุล,บ่งบอกถึงการศึกษา)
ถึงแม้คุณจะเป็นที่รู้จักผู้คนมากมาย ร่ำรวยเงินทอง มีอำนาจบาตรใหญ่ แต่ยังไงคุณก็คนธรรมดาคนหนึ่งอยู่ดี เจียมตัว ว่าตัวเองก็เคยต่ำ อย่าเอาปลมด้อย ของตัวเองมาใส่ให้คนอื่น อย่างไรก็ตาม คุณจะสูงส่งมาจากไหน คุณมันก็แค่ "คนธรรมดา"
"ชวนเพื่อนมาอ่านกัน"เสียเวลาสักนิด ตรงกับชีวิตใครบอกได้นะ
เราไม่สามารถจะเอาบรรทัดฐาน ของตัวเองไปวัดกับคนอื่นได้ หรือแม้แต่บอกให้ใครต้องมาทำอะไรในแบบที่ตัวเองถนัดได้ เพราะคนเราเกิดมามีความสามารถและความถนัดที่ต่างกัน รวมถึงอุปนิสัยก็เช่นกัน เรามักจะได้ยินคำพูดนี้บ่อยๆว่า
"คนอื่นเขาก็คนเหมือนกันทำไมเราจะทำไม่ได้" หรือแม้แต่คำพูดที่ว่า "ฉันยังเคยทำได้เลยทำไมเธอจะทำไม่ได้" แต่คุณลองคิดดูกับคำพูดพวกนี้ถ้าในสิ่งที่คน คนนึงกำลังบังคับหรือ สั่งให้เราทำอะไรที่เขาเคยทำได้หรือเขาต้องการจะให้ทำ แต่เราไม่ถนัด หรือไม่ชอบในสิ่งเหล่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร?
" ใช่ค่ะ" คุณจะรู้สึกไม่ดีและอึดอัดเป็นอย่างมาก และในความรู้สึกต่างๆที่สะสมมาเรื่อยๆ จากการที่โดนกระทบกระเทือนทางจิตใจ ด้วยคำพูดของเขาคนนั้น มันทำให้คนคนนึงท้อ หมดกำลังใจที่จะทำอะไรในสิ่งที่วาดฝันไว้ ไม่ว่าคุณจะเป็นมหาเศรษฐีมาจากไหน เมื่อมีคนที่เขาต้องการแรงใจกำลังใจ หรือเป็นที่พึ่งให้เขาได้คุณก็ควรทำ ไม่ใช่เอาแต่รอจะทวงบุญคุณ เพราะจากที่คุณจะไม่ได้บุญที่คิดจะช่วยเหลือใครแล้ว คุณจะได้บาปอีกด้วย ชีวิตคนเรา มันขึ้นอยู่กับตัวเรา สามารถขอความช่วยเหลือได้ก็จริง แต่ในส่วนที่เป็นตัวเองทำด้วยตัวเองมันก็มี ไม่ว่าคุณจะเป็นใแค่ไหน มีหน้าที่การงานดีเลิศขนาดไหน คุณก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาคนนึง ที่รอวัน "ตาย" แต่จงจำไว้ อะไรที่คุณไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี อะไรที่คุณไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า คนคนนั้นไม่ได้ทำ กลับกันในสิ่งที่คุณเห็น อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง มีแต่ความหลอกลวง จอมปลอม ก็เป็นได้ ถ้าคุณไม่คิดติตรอง ดูให้ดี
อำนาจ ไม่ได้ มีไว้เพื่อบงการชีวิตใครไม่ได้มีไว้อวดใครว่าฉันนั้นยิ่งใหญ่ แต่อำนาจ มีไว้ให้ประดับบารมี มีไว้ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร นิสัยยังไง คนคนนึง ก็คือ คนคนนึง อยู่วันยังค่ำ ไม่ได้เป็นคนคนเดียวกัน ชีวิตต่างชีวิต นิสัยต่างนิสัย อย่าเอานิสัย และ ความเป็นตัวของตัวคุณ ไปสั่งหรือเปลี่ยนใคร ตามที่คุณเห็นแล้วไม่ชอบ จงจำไว้ ไม่ว่าใคร ที่คุณว่าเขาไม่ได้ทำ หรือไม่ได้ทำตามในสิ่งที่คุณต้องการ
"ก็ใช่ไงคะ เขาไม่ใช่คุณ เขาไม่สามารถจะมาทำในสิ่งที่คุณต้องการได้หมดหรอกนะคะ"
ทำอะไรจะพูดอะไรทุกอย่างต้องมีสติ จะด่าใครหรือสอนใคร ต้องใช้จิตวิทยาในการใช้คำพูด ไม่ควรใช้คำพูดที่รุนแรง เพราะมันอาจเกิดอะไรที่คุณไม่คาดคิด เช่น 'ถ้าคุณกำลังคิดจะสอนคนท้อแท้คนหนึ่ง ซึ่งคนๆนี้ เขาต้องการความช่วยเหลือ แต่เขายังไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่ถูกที่สุดได้ สิ่งที่คุณควรทำคือ 1) มองและสังเกตว่าเขาเป็นคนอย่างไร 2) เมื่อรู้จักนิสัยใจคอเขาจริงๆแล้ว สามารถพูดตักเตือนและสอน คุณควรใช้คำพูดที่ มีน้ำเสียงอ่อน และคำพูดที่ไปในทางบวก ไม่ควรใช้การต่อว่า ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็น คนเช่นไร เพราะถ้าคุณพูดด้วยอารมณ์ คนที่กำลังท้อ หมดกำลังใจ อาจคิดสั้น หรือทำในสิ่งที่ไม่ควรทำได้'
การพูดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของคำว่า "มารยาท" และ "วุฒิภาวะ" ตามสำนวนไทยที่กล่าวว่า
"สำนวนส่อภาษากิริยาส่อสกุล" ที่หมายความว่า การพูดและกิริยาท่าทางต่างๆ ที่กระทำออกมาในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้คนที่มองคุณ สามารถตัดสินคุณได้เลยว่า คุณเป็นคนอย่างไร โดยที่ใช้คำพูดไปถึงครอบครัววงตระกูลของคุณด้วย ซึ่ง มันมีสองทางเลือก คือ พูดดี กิริยาดี สิ่งที่สังคมมองแล้วตัดสิน ตัวคุณถึงครอบครัวคุณ ก็คือคำว่า'ดี' แต่เมื่อไหร่ที่ คุณพูด ไม่ดี กิริยาแย่ เมื่อนั้น สังคมก็ตัดสินตัวคุณและครอบครัว ว่าแย่ไม่ต่างกัน ถึงแม้คุณจะสูงส่งมาจากไหน เมื่อพฤติกรรมคุณ ไม่เหมาะสมกับหน้าที่การงานของคุณ อย่างไรซะ คุณก็ โดนตราหน้าว่า แย่ไปแล้ว ถึงแม้เมื่อคุณออกไปเจอผู้คนแล้วคุณพูดจาดี แต่ในใจและตัวของคุณเองรู้ดีว่ามัน "ปลอม" (ปลอม =การโกหก,หลอกลวง ,ไม่จริง)
อย่าทำตัวเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วตัดสินคนอื่น ถ้าอยากให้คนอื่นเป็นแบบคุณ ไม่ว่าจะดี หรือจะ เลว ควรมีวาทศิลป์ในการพูด รู้จักใช้คำว่าสอนให้เป็นไม่ใช้ยืนด่า หรือ เหมือนกับประจาน ต่อหน้าผู้อื่นทำให้คนคนนึงรู้สึกอาย และรู้สิ่งแย่ก็ไม่สมควรทำแล้วยังมันทำให้คุณ ดูเป็นคนที่ ต่ำ (ต่ำ = แย่, ไม่มีสกุล,บ่งบอกถึงการศึกษา)
ถึงแม้คุณจะเป็นที่รู้จักผู้คนมากมาย ร่ำรวยเงินทอง มีอำนาจบาตรใหญ่ แต่ยังไงคุณก็คนธรรมดาคนหนึ่งอยู่ดี เจียมตัว ว่าตัวเองก็เคยต่ำ อย่าเอาปลมด้อย ของตัวเองมาใส่ให้คนอื่น อย่างไรก็ตาม คุณจะสูงส่งมาจากไหน คุณมันก็แค่ "คนธรรมดา"