เรื่องเล่าเขย่าขวัญ ตอน เพื่อนบ้าน

เรื่องราวดังต่อไปนี้เกิดขึ้นจากการรังสรรค์เรื่องราวและจินตนาการของผู้เขียน บวกกับส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับผู้แต่ง จึงได้เรื่องสั้นสยองขวัญที่จะทำให้เพื่อนๆ ผู้อ่านต้องขนลุกไปตามๆ กัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปรับชมความสยองขวัญกันดีกว่าครับ และขออภัยหากมีข้อผิดพลาดนะครับ

----------

กฤษติชัย นักเขียนผู้มีนามปากกาอันเลื่องชื่อนามว่า กฤษ นักเขียนนิยายสยองขวัญมากมายหลายสิบเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ คืนโหดล่าไม่เลิก นิยายสืบสวนสอบสวนที่ว่าด้วยเรื่องของตำรวจที่ตามสืบคดีการตายปริศนาของผู้ใหญ่บ้านในชุมชนอันห่างไกล ได้รับการยกย่องจากแฟนคลับว่าเป็นนิยายที่ถึงเลือดถึงเนื้อ ถึงพริกถึงขิง ด้วยตัวละครที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยภูมิหลังที่น่าสนใจ บวกกับการเล่าเรื่องที่น่าติดตามสไตล์ของเขา นั่นคงเป็นจุดขายที่กฤษติชัยได้ประทับตราเหมือนจ่าหน้าซองจดหมายด้วยแสตมป์ลวดลายอันโดดเด่น

เขาโลดแล่นอยู่ในวงการงานเขียนมานานกว่าห้าปี แม้จะไม่ได้จบด้านนี้โดยตรง แต่การที่เขาชอบอ่านนวนิยายสยองขวัญของสตีเวน คิง โดยเฉพาะเรื่องมิเซอรี่ ที่เขายกให้เป็นนิยายสยองขวัญที่เขาชอบมากที่สุด รองลงมาก็น่าจะเป็นเดอะ ไชนิ่งและก็ดอกเตอร์ สลีป

กลับมาว่ากันต่อเรื่องงานเขียนของเขา ผลงานล่าสุดลำดับที่เจ็ดคือเรื่อง ลาง ฝัน กลัว มีความยาวสองร้อยกว่าหน้า เขาใช้เวลาเขียนเรื่องนี้ประมาณสองเดือนกว่าเศษๆ โดยเขาฝันว่าเขาเห็นชายคนหนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ ที่หน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำมันสีดำไหลออกจากรูจมูก ตา หูและปาก ช่างเป็นภาพที่สยดสยองเสียจริง แถมคนในฝันพูดภาษาอะไรที่เขาไม่รู้เรื่องมาก่อน พร้อมกับยื่นมือที่สวมอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นแหวนหรืออะไรก็ไม่แน่ชัด แต่สิ่งที่เขาจำได้แม่นมากที่สุดคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันสีดำ หลังจากที่เขาฝันถึงเรื่องดังกล่าว เขาก็ตื่นขึ้นมาเขียนในเช้าตรู่เพื่อกันลืม

และสุดท้ายนิยายสยองขวัญที่ดำเนินเรื่องโดยตัวเอกได้ฝันถึงการมาของใครบางคนที่มีคราบน้ำมันออกจากใบหน้าและชักจูงให้ทำความชั่วก็ลงสู่ร้านหนังสือทั่วประเทศ และมันก็ยังคงเป็นนิยายขายดีจวบจนทุกวันนี้ ล่าสุดพึ่งถูกตีครั้งที่สิบสองผ่านไปหมาดๆ

ในช่วงบ่ายของวันที่แสนจะน่าเบื่อ วันนี้ช่างเงียบสงบไร้ซึ่งผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา หรือแม้กระทั่งพวกเด็กแว้นที่ชอบเร่งเครื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงมีพวกเด็กเปรตนี่ประดับประดาเต็มท้องถนน สนามแข่งก็มีทำไม่ไป จะอ้างว่าไม่มีเงินก็คงไม่ใช่ ขนาดรถเครื่องยังแต่งซะหรูกว่ารถแข่งในสนามเสียอีก นั่นเป็นความคิดของกฤษติชัยที่กำลังนั่งเหม่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์สีดำยกเซต ในจอมีเคอเซอร์กะพริบรอให้ตัวอักษรได้พิมพ์ลงไป แต่ดูเหมือนจะมีเพียงหน้ากระดาษเปล่าขาวโพลนเท่านั้น

ตั้งแต่ที่กฤษติชัยพิมพ์นิยายเรื่องล่าสุดจบไป ไอเดียในการสร้างสรรค์ก็แทบเหือดหายไปเกือบหมด เขากำลังประสบปัญหาที่นักเขียนส่วนใหญ่ต้องพบเจอ นั่นก็คือพล็อตตัน ไปต่อไม่ได้ ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร นั่นคือปัญหาสุดคลาสสิกที่นักเขียนเจอประจำ อย่าว่าแต่มือใหม่เลยที่ไม่รู้จะเขียนอะไร ขนาดตัวของกฤษติชัยที่เป็นมือโปรมีผลงานให้อ่านมากมาย ยังต้องประสบปัญหานี้เช่นกัน

"บ้าเอ๊ย! จะเขียนอะไรลงไปดีวะ!" กฤษติชัยสบถออกมาด้วยอาการเซ็ง ด้านขวาของโต๊ะมีซองบุหรี่สีฟ้ารสชาติมิ้นต์วางทับกองหนังสือนิยายเล่มเก่าของสตีเวน คิง อิท มันโผล่จากนรกทั้งสองเล่มครบชุด ด้านข้างซองวางไฟแช็กที่ซื้อจากร้านโชห่วยทั่วไป เขาหยิบมันและเดินออกนอกบ้าน หน้าบ้านของเขาประดับประดาด้วยการจัดสวนที่สวยงาม มีโต๊ะม้าหินหนึ่งโต๊ะ เก้าอี้หินอ่อนสามตัวล้อโต๊ะ บนโต๊ะมีที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งเขาจะนำเศษก้นบุหรี่ไปทิ้งทุกเช้า

เขานั่งลงหน้าบ้านและทำการเคาะซองบุหรี่ให้มวนปลิ้นออกมา บุหรี่มวนขาวยื่นก้นมันออกมา บีบเม็ดบีบ ทำการจับคาบใส่ปาก หยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดเสียงดังแชะๆ ประกายไฟขึ้นก่อนครั้งแรกและครั้งที่สองเปลวไฟได้เผาไหม้มวนบุหรี่ เขาสูบควันและพ่นทิ้ง ทำแบบนี้แล้วก็พลางหันไปดูสิ่งรอบตัว ทั้งบ้านทางด้านขวาของคุณเรืองและคุณแจ่ม บ้านทางซ้ายของป้าแก้วและสุนัขหลังอานชื่อไอ้ตาลของเธอ แม้กระทั่งบ้านฝั่งตรงข้ามของตาชัยและยายนัทที่มีลูกสาวสวยปังอย่างน้องอิง เนื้อตัวแน่นชุดนักศึกษา แต่เขาก็ยังหาแรงบันดาลใจไม่ได้เสียที

"เอาไงดีวะ!" กฤษติชัยเริ่มมีอาการหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าไฟลามใกล้ถึงก้นบุหรี่ จึงจัดการขยี้ดับไฟ เป็นอันว่าสิ้นสุดการสูบ เขาลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหินและเดินกลับเข้าบ้านไป

ในยามบ่ายที่แสนน่าเบื่อนี้ กฤษติชัยพยายามหาอะไรทำแก้เซ็งกับอาการเบื่อของเขา ไม่ว่าจะเป็นหาหนังสือนิยายที่วางเรียงรายกันอัดแน่นชั้นหนังสือข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ แต่เขาก็อ่านหนังสือพวกนั้นเล่มละสองรอบไปแล้ว เขาจำได้แทบทุกตัวอักษร บางเล่มอ่านไปถึงสามรอบ หนังสือส่วนใหญ่ที่เขาอ่านจะเป็นนวนิยายแนวสยองขวัญ มีสืบสวนบ้างประปราย และวรรณกรรมที่มีจำนวนแค่เศษหนึ่งส่วนห้าของจำนวนหนังสือทั้งหมด เมื่อคิดได้เช่นนั้นว่านิยายพวกนี้อ่านจบไปหลายรอบ มันถึงเวลาที่เขาต้องซื้อนิยายเล่มใหม่อ่านเสียทีเขาจึงพุ่งตรงไปที่คอมพิวเตอร์และค้นหานิยายแนวสยองขวัญที่ออกใหม่

ในขณะที่เขากำลังหานิยายเล่มใหม่อยู่ในเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์นิยายแนวสยองขวัญอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องรถบรรทุกสี่ล้อดังเข้ามาในซอยของเขา ด้วยความที่ในซอยมันเงียบฉี่อยู่แล้ว เสียงเครื่องรถบรรทุกจึงเป็นเสียงที่โดดเด่นที่สุดในเวลานี้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของกฤษติชัย เขาจึงเดินออกไปดู

บนรถบรรทุกมีข้าวของมากมายไม่ว่าจะเป็นเตียง ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ชั้นวางของ เดาว่าข้างบ้านน่าจะมีคนย้ายเข้ามา แน่นอนว่าเจ้าของบ้านคนเก่าประกาศขายบ้านเมื่อปีที่แล้ว วันนี้คงได้ฤกษ์ที่จะมีคนมาอยู่เสียที กฤษติชัยชะโงกหน้าจากในบ้านออกมาดู แม้แต่ป้าแก้วที่กำลังรดน้ำในสวนในบ้านของหล่อนก็ชะโงกหัวดูเช่นกัน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าใครจะมาอยู่หรือใครจะไป เขาเป็นพวกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน วันๆ พิมพ์แต่นิยายไม่ต่ำกว่าสามถึงสี่พันคำ บางเดือนก็ล่อไปเจ็ดถึงแปดพันคำเพราะต้องปั่นส่งสำนักพิมพ์ให้ตรงตามเวลา

เมื่อรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านและพยายามเขียนหาหนังสือเล่มใหม่ อาการสมองตันของเขาด็ยังไม่หายเสียที เขาทำได้แต่หาหนังสือเล่มใหม่ บางเล่มลดราคา บางเล่มขายราคาเต็มโดยเฉพาะนิยายสุดห่วยของนักเขียนนามปากกานามว่าต้นกล้า เรื่อง เดชรักมาเฟีย นิยายมาเฟียสุดแสนจะย่ำแย่ในทุกๆ ด้าน เขาจำได้ว่าเพื่อนของเขาเคยเอามาให้เขาอ่านเมื่อปีที่แล้ว และดูเหมือนปีนี้หมอนี่จะออกมาอีกเล่มหนึ่ง แต่เขาไม่ได้สนใจที่จะอ่านนิยายที่มีน้ำทะลักชามมากกว่าเนื้อในชาม เรื่องนั้นเขาทนอ่านได้แค่บทเดียวและก็นำมันไปคืนเพื่อนทันที

เวลาผ่านไปจนถึงสี่โมงเย็น ท้องของกฤษติชัยเริ่มร้องโหยหาของกิน เขาจึงขับมอเตอร์ไซต์ฟีโน่คันเก่าของเขาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดข้างหมู่บ้าน

ตลาดนัดตอนเย็นขนาดกลางที่เริ่มมีพ่อค้าแม่ขายตั้งซุ้มขายอาหารกันบ้างแล้ว ร้านส้มตำไก่ย่าง ร้านอาหารตามสั่ง ร้านขายขนมโตเกียว ร้านขายเนื้อย่างหมาล่าและร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวร้านโปรดของกฤษติชัยที่มีแม่ค้าสาวใหญ่นามว่า ป้าเพ็ง คอยชวนลูกค้าที่มานั่งกินคุยไปพลางๆ ยิ่งวันไหนมีลูกค้าน้อย แกก็จะยิ่งติดคุยมากเท่านั้นเพราะไม่มีคนสั่งก๋วยเตี๋ยว กฤษติชัยเดินเข้ามาในพื้นที่ร้านที่มีซุ้มเป็นรถเข็นลากและโต๊ะอาหารห้าหกโต๊ะ แต่ละโต๊ะมีเก้าอี้สามถึงสี่ตัว

"ป้าเพ็งๆ ขอเกี๊ยวน้ำพิเศษใส่ถุงครับ" กฤษติชัยเดินเข้ามาสั่งก๋วยเตี๋ยวด้วยความสนิทสนม เขามักจะสั่งก๋วยเตี๋ยวกลับไปกินที่บ้านเป็นประจำ เพราะส่วนใหญ่เขาจะต้องรีบไปปั่นงานให้เสร็จ แต่ถ้ามีเวลาเหลือเยอะเขาก็จะชวนแกคุยทุกครั้งเวลามาสั่งและแกก็ไม่เคยปฏิเสธเสียด้วย โชคดีตอนนี้คนยังมาไม่เยอะเพราะส่วนใหญ่จะมาตลาดกันตอนหกโมง

"จ้ะๆ รีบมาเชียวนะวันนี้ กลัวไม่ได้กินเหมือนคราวที่แล้วหรือไง" ป้าเพ็งแซว ขณะกำลังจะเริ่มลงมือทำเกี๊ยวน้ำของกฤษติชัย

"แหมป้า ผมจะได้รีบกลับไปเขียนนิยายต่อสิครับ แต่ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรลงไป" กฤษติชัยว่า

"อ้อๆ ทำไมไม่ลองไปเที่ยวต่างจังหวัดดูล่ะ เผื่อจะคิดอะไรออกบ้าง" ป้าเพ็งแนะนำ

"ไม่ได้หรอกป้า ผมต้องส่งให้ทันก่อนเดือนหน้า ไม่งั้นผมไม่มีเวลาเขียนแน่" กฤษติชัยตอบ

"จ้ะๆ แล้วคิดไว้ว่าจะเขียนเรื่องอะไรล่ะ" ป้าเพ็งถาม อันที่จริงป้าแกก็เป็นแฟนคลับนิยายของกฤษติชัย โดยเฉพาะเรื่อง ลาง ฝัน กลัว ทุกครั้งที่ป้าแกเปิดอ่านมันก็จะมีความรู้สึกขนลุกยังไงชอบกลๆ

"ยังไม่รู้เลยป้า ว่าจะเขียนแนวฆาตกร" กฤษติชัยตอบ

"โห! แนวนั้นเลยรึ! เดี๋ยวคนก็ไม่กล้าอ่านหรอก ช่วงนี้ข่าวการฆาตกรรมขึ้นหน้าหนึ่งแทบจะทุกวัน" พักหลังๆ มานี้มีข่าวการฆาตกรรมมากขึ้น อาจเป็นเพราะชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ครอบครัว สภาพแวดล้อมและการอบรมหล่อหลอมของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นโจรหรือฆาตกร พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นคนมีปมในใจ พวกคนเหล่านี้หากเราได้มองอย่างลึกซึ้ง พวกคนเหล่านี้ช่างน่าสงสารและเวทนาอนาถใจ พวกเขาเกิดมาไม่ได้ถูกตีตราว่าต้องเป็นฆาตกรหรือเป็นโจรตั้งแต่ออกจากครรภ์ของมารดา แต่สิ่งรอบตัวเขาต่างหากที่ได้สร้างปีศาจขึ้นมา หล่อหลอมจากความรุนแรง การทุบตี การใช้วาจาที่รุนแรง กดดัน ขาดการอบรมบ่มเพาะที่ถูกต้อง บางคนอาจมีโรคเกี่ยวกับจิตเภทและไม่ยอมเข้ารับการรักษาตามกระบวนการที่ถูกต้องหรือไม่ก็ขาดความอบอุ่นที่ดีพอจะให้คนคนหนึ่งโตมาดังเช่นคนปรกติ นั่นเป็นปัจจัยหลักของการสร้างฆาตกรสุดป่าเถื่อน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกับทุกคนเพราะบางคนเกิดมาก็มีสัญชาติญาณสัตวืติดตัวมาเป็นพรสวรรค์ ไม่แปลกใจที่เราจะเห็นฆาตกรพวกนี้ไม่มีความรู้สึกนึกคิด รู้ผิดชอบชั่วดีในการสังหารเหยื่อหรือแม้กระทั่งตอนจนมุมแล้วก็ตาม

ฆาตกรถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยากจะเข้าใจได้ง่ายๆ สำหรับกฤษติชัยเองก็เคยเขียนบทความเกี่ยวกับการฆาตกรรมมาก่อน เขาจึงรู้ว่าคนพวกนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใดและมีปมในใจอะไรแฝงอยู่ ด้วยเหตุนี้เองที่เขาไม่สามารถกำจัดปมเหล่านั้นได้ เขาจึงสรุปได้ว่า การที่ฆาตกรคนหนึ่งจะลงมือสังหารใครสักคน มีเพียงเหตุผลเดียว การสนองความต้องการของปมในใจ

"ไม่หรอกป้า ผมว่าคนชอบอ่านเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมกัน" กฤษติชัยตอบ เขามองว่าลึกๆ แล้วผู้คนก็ต้องการความรุนแรงไม่ต่างจากเนื้อหานิยายของเขาที่ว่าด้วยเรื่องการฆ่า อำพรางศพและหน้าตายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"จ้ะๆ เอาเป็นว่าถ้าพ่อกฤษออกนิยายเล่มใหม่มา ป้าจะรีบไปซื้อมาอ่านทันทีเลยนะ" ป้าเพ็งว่า

"ขอบคุณครับ" กฤษยิ้ม หลังจากนั้นป้าเพ็งก็ยื่นถุงเกี๊ยวที่กำลังร้อนได้ที่ส่งให้กับเขา เขารับมาและเดินกลับบ้านไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่