คำสาปที่น่ากลัวของโลก

Bhangarh


ที่รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ที่นั้นเป็นตั้งสถานที่ปรักหักฟังที่มีชื่อเสียงคือ “Bhangarh” ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ผีสิงต้องสาปที่น่ากลัว จนรัฐบาลได้ปักป้ายไว้ว่า “สถานที่แห่งนี้ควรมาในช่วงอาทิตย์ขึ้น หากหลังจากพระอาทิตย์ตกดินจงรีบออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างเคร่งครัดและห้ามเข้า ไม่งั้นคุณจะไม่มีชีวิตรอดกลับไป” ป้ายดังกล่าวตีความได้สองความหมายคือสถานที่ดังกล่าวอาจเต็มไปดวยสัตว์ป่ากระกอบด้วยไม่มีแสงไฟทำให้มันอันตราย หรืออีกความหมายคือสถานที่แห่งนี้มีผีดุและคำสาปที่จะฆ่าทุกคนที่เดินก้าวมา

ว่ากันว่าครั้งในสถานที่แห่งนี้เคยเป็นเมือง และที่เมืองแห่งนี้มีเจ้าหญิงคนหนึ่งชื่อ “Ratnavati” ที่เมื่ออายุสิบแปดจะต้องหาคู่ครอง แต่พระองค์ไม่สามารถหาใครเป็นคู่ครองได้เลย จนกระทั้งมีชายคนหนึ่งเป็นจอมขมังเวทย์ชื่อ “Singhia” ที่หลงรักองค์หญิง และพยายามที่จะใช้มนต์ดำในการเข้าถึงตัวพระองค์

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้สังเกตเห็นคนรับใช้ของเจ้าหญิงกำลังซื้อน้ำหอมให้พระองค์ เมื่อสบโอกาส เขาจึงได้ร่ายมนต์สะกดไปที่น้ำหอมดังกล่าวเพื่อหวังว่าเวลาที่เจ้าหญิงใช้มันจะทำให้เธอหลงรักเขา หากแต่แผนดังกล่าวล้มเหลว เพราะมีคนเข้าเสียก่อนจึงได้ทำการปาขวดกระแทกกับหิน และน้ำมนต์เทราดไปบนร่างของจอมขมังเวทย์เอง

ก่อนจะตายจอมเวทย์ได้สาปแช่งให้กับคนที่อยู่ในพระราชวังต้องตาย และวิญญาณจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกหลายร้อยปีโดยไม่มีการกลับชาติมาเกิดใหม่ และจากนั้นเป็นต้นมาก็เกิดเหตุประหลาดขึ้นคือหลังคาบ้านทุกหลังในเมืองแห่งนี้พังทลายโดยไม่ทราบสาเหตุและเมื่อสร้างใหม่หลังคาก็กลับมาพังอีก จนทำให้หลายบ้านตัดสินใจไม่สร้างหลังคา และในเวลาต่อมาเกิดการต่อสู้ระหว่าง Bhangarh และ Ajabgarh ทำให้ทุกคนที่อยู่อาศัยใน Bhangard ตายหมด นั่นรวมไปถึงเจ้าหญิงด้วย และจากนั้นเป็นต้นมาสถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่รวมภูตผีและคำสาปในที่สุด
โดย สมาคมคนรักประวัติศาสตร์
Cr.https://th-th.facebook.com/SmakhmKhnRakPrawatisastr/posts/341408919335016/ 

Giaola เกาะต้องคำสาป


เกาะไกโอลา หรือ “Isola della Gaiola” ในภาษาอิตาลี เป็นหนึ่งในเกาะเล็กๆ ของเมืองเนเปิลส์ ตั้งอยู่ในอ่าวเนเปิลส์ ใจกลางอุทยานใต้น้ำไกโอลา พื้นที่คุ้มครองประมาณ 42 เฮคตาร์ ประกอบด้วยเกาะขนาดเล็กที่สวยงามและเงียบสงบสองแห่ง ตั้งอยู่บนชายแดนทางใต้ของ Posillipo และใกล้กับชายฝั่งประมาณ 30 เมตร 
หนึ่งในเกาะเล็กๆ นี้มีบ้านพักที่โดดเดี่ยว และมีสะพานขนาดเล็กเชื่อมระหว่างเกาะเล็กสองเกาะซึ่งอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เมตร สะพานนั้นแคบมากและดูคล้ายกับซุ้มโค้งตามธรรมชาติที่เชื่อมระหว่างเกาะสองเกาะ เกาะนี้ตั้งชื่อมาจากช่องว่างที่อยู่ตามชายฝั่งของ Posillipo ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากคำว่า “cavea” ในภาษาละตินที่แปลว่า “ถ้ำเล็กๆ” รวมถึงคำว่า “Caviola” ในภาษาถิ่น  

เดิมทีเกาะเล็กๆ นั้นมีชื่อว่า Euplea เป็นชื่อของผู้พิทักษ์การเดินเรือให้ปลอดภัย และเป็นที่ตั้งของวิหารขนาดเล็กที่อุทิศให้แก่เทพวีนัส นอกจากนี้ยังมีซากปรักหักพังอื่น ๆ อีกหลายแห่งตั้งแต่สมัยโรมัน แท้จริงแล้ว ใต้เกาะเล็กสองเกาะนี้ มีอาคารแบบโรมันหลายแบบ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล บางคนเชื่อว่า “Virgil” นักกวีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีเวทมนต์ได้ทำให้ที่นี่กลายเป็นซากปรักหักพัง

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เกาะแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของฤาษีที่รู้จักกันในชื่อ “The Wizard” หลังจากนั้นไม่นานก็มีการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศบนเกาะที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้ ครั้งนึง มันเคยเป็นของ Norman Douglas ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “Land of the Siren” เกาะนี้อาจดูเหมือนสถานที่พักผ่อนหลังเกษียณที่สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามชาวบ้านเชื่อว่าเกาะนี้เป็นเกาะต้องคำสาป กิตติศัพท์ที่เกิดขึ้นนี้ เนื่องจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเจ้าของ

เรื่องราวความโชคร้ายเริ่มต้นราวปี 1920 เมื่อเจ้าของชาวสวิสที่ชื่อ“ฮันส์เบราน์”ถูกพบว่าถูกฆาตกรรมและห่อไว้ในพรม ไม่นานหลังจากนั้นภรรยาของเขาจมน้ำตายในทะเล เจ้าของคนต่อไปของบ้านพักตากอากาศคือ “German Otto Grunback” ผู้เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายขณะอยู่บนเกาะ ชะตากรรมที่คล้ายกันเกิดขึ้นกับนักอุตสาหกรรมยาที่ชื่อ “Maurice-Yves Sandoz” ผู้ฆ่าตัวตายในโรงพยาบาลโรคจิตในประเทศสวิสเซอร์แลนด์

เจ้าของคนต่อมาคือนักอุตสาหกรรมเหล็กชาวเยอรมันที่ชื่อ “Baron Karl Paul Langheim” ที่หนีจากการล้มละลายจากปัญหาเศรษฐกิจไปใช้ชีวิตในป่า
นอกจากนี้ยังเคยเป็นของ “Gianni Agnelli” ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ยี่ห้อ FIAT ซึ่งลูกชายคนเดียวของเขาฆ่าตัวตาย หลังจากการตายก่อนวัยอันควรของลูกชายของเขา Gianni ตั้งใจจะมอบให้ “Umberto Agnelli” หลานชายของเขาบริหารกิจการ Fiat ต่อไปในภายหน้า แต่แล้ว Umberto ตายกับโรคมะเร็งที่คนเป็นกันน้อยมากเมื่ออายุเพียง 33 ปี
เจ้าของคนอื่นๆ ก็ยังมี “Paul Getty” ผู้เป็นมหาเศรษฐีหลายพันล้าน หลังจากซื้อเกาะแล้ว หลานชายของเขาก็ถูกลักพาตัวไป “Gianpasquale Grappone” เจ้าของคนสุดท้ายของเกาะถูกจำคุกเมื่อบริษัทประกันภัยของเขาล้มละลาย ทุกวันนี้บ้านพักตากอากาศไร้ผู้อาศัยและถูกทิ้งร้าง
ที่มา amusingplanet
Cr.http://realmetro.com/giaola/  

Bell Witch คำสาปแม่มดเบลล์


คำสาปแม่มดเบลล์ เป็นคำสาปที่เกิดขึ้นกับตระกูลเบลล์ ในเมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกาซึ่งเป็นเศรษฐีในเมืองแห่งนี้ 

โดยเชื่อกันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของตระกูลเบลล์ ซึ่งเธอโกรธแค้นมากเมื่อตระกูลเบลล์โกงเธอในการซื้อขายที่ดินดังนั้นก่อนตาย เธอได้สาปแช่งว่า ถ้าเธอตายจะเป็นผีเหี้ยนให้ดู (นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นวิญญาณของสัตว์ที่เจ้าบ้านตระกูลเบลล์เป็นคนฆ่า เพราะมีรายงานการพบสุนัขและหัวกระต่ายปรากฏมาหลอกหลอนด้วย)  

และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครอบครัวของเบลล์ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นานา จากปรากฏการณ์ผีโพลเตอร์ไกส์ ที่ชอบแกล้งหรือทำลายข้าวของในบ้าน ทำให้ข้าวของแตกกระจาย เสียงเคาะและเสียงกัดบนผนังข้างนอก เสียงข่วน ภาพลวงตาของสุนัขดำ และเสียงแปลกประหลาดอื่นๆ ตามมาด้วยการกระทำที่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผู้ปูที่นอนที่ถูกดึงออก เข็มทิ่มตามร่างกาย ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ

กระทั่งตอนสมาชิกในครอบครัวตาย ผีตนนี้ยังแสดงอิทธิฤทธิ์ หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงาน ฝัง ทำให้เจ้าบ้านจอห์น เบลล์ ต้องพบกับความทุกข์ระทมจวบจนวาระสุดท้ายนับตั้งแต่ปี 1817  

แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปี ก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ภายในถ้ำแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์ และเรื่องราวเหล่านี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง An American Haunting (2006) และThe Bell Witch Haunting (2004) ในเวลาต่อมา
Cr.http://www.painaidii.com/most-like/mostlike-detail/006810/lang/th/  โดย Social Team

The Crying Boy  อาถรรพ์ภาพเด็กร้องไห้


The Crying Boy หรือภาพชุดเด็กชายร้องไห้ เป็นตำนานของประเทศอังกฤษ ที่เชื่อว่าหากบ้านใดที่มีรูปชุดเด็กชายที่วาดโดย จี บราโกลิน จิตรกรชาวสเปน อยู่ที่บ้านละก็ บ้านนั้นจะมีแต่ความโชคร้าย แม้ภาพเหล่านั้นจะเป็นของก็อปปี้ก็ตาม 

หลายคนเชื่อกันว่าที่มาของคำ สาปนี้มาจากผู้วาดคือ จี บราโกลินที่ได้วาดรูปนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1969 โดยต้นแบบคือ เด็กชายที่วิ่งเล่นอยู่บนท้องถนนในกรุงมาดริด ซึ่งเซวิลล์พบเข้าโดยบังเอิญขณะกำลังเดินเล่น ตอนนั้นเด็กไม่ยอมพูดและมีดวงตาที่เศร้ามาก เนื่องจากอดีตเด็กชายคนนี้ได้เห็นพ่อและแม่ของตัวเองเสียชีวิตในกองเพลิงต่อ หน้าต่อตา แต่ตัวเองหนีรอดมาได้

 หลายคนได้เตือนให้นักวาดคนนี้อย่าไปยุ่งเด็กคนนี้ เพราะที่ที่เด็กคนนี้อยู่มักจะมีเหตุการณ์ไฟไหม้ที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นเสมอ เซวิลล์ไม่เชื่อคำเตือนและรับเด็กชายมาเลี้ยงดู นับแต่นั้นเขาก็ขายภาพวาดได้มากขึ้นและภาพชุดเด็กชายร้องไห้ก็ได้รับความ นิยมอย่างล้นหลาม กระทั่งวันหนึ่งก็เกิดไฟไหม้ขึ้นจริงๆ เซวิลล์โกรธมากจนออกปากไล่เด็กชายออกจากบ้าน และไม่มีใครเคยพบเห็นเด็กชายคนนี้อีกเลย  

คำสาปนี้ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อ 4 กันยายน 1985 เมื่อหนังสือพิมพ์เดะซันได้รายงานจากนักดับเพลิงโดยพวกเขาได้รายงานเรื่อง ประหลาดในระหว่างที่พวกเขาไปดับเพลิงในบ้านของประชาชนว่า พวกเขาได้เห็นภาพเด็กชายร้องไห้ในบ้านที่ถูกไฟไหม้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่พอเพลิงสงบลง ภาพเหล่านั้นได้หงายหน้าขึ้นและไม่โดนไฟเผาแม้แต่นิดเดียว  ส่งผลทำให้พวกเขาและเจ้าของบ้านหวาดกลัวภาพนี้มากและเชื่อว่าภาพเหล่านี้คือ สาเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว 
หลังจากที่นำเสนอข่าวนี้ไปไม่นาน ผู้อ่านจากทุกสารทิศส่งจดหมายเล่าเรื่องราวร้ายๆ ที่พวกเขาคิดว่าเกิดเพราะคำสาปจากรูปภาพชุดนี้มายังเดอะซัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ ความเจ็บป่วย การเสียชีวิตของคนในครอบครัวอย่างกะทันหัน ฯลฯ เจ้าของจดหมายฉบับหนึ่งเล่าว่า เขาพยายามเผาภาพเด็กชายร้องไห้ที่เขามี แต่ปรากฏว่าภาพไม่ไหม้ไฟ จนเขาไม่กล้าจะทำลายมันอีกเป็นครั้งที่สอง
ข้อมูลเพิ่มเติม  http://www.askmedia.co.th/book/webboard_reply.php?id=30415&txt_search=%C3%A1
Cr.http://www.painaidii.com/most-like/mostlike-detail/006810/lang/th/  โดย Social Team
 

The Cursed Iceman อาถรรพ์คำสาปมัมมี่


Ötzi the Iceman เป็นมัมมี่ที่มีสภาพสมบูรณ์ของชายอายุ 5300 ปีมาแล้ว โดยพบในเดือนกันยายนปี 1991 ในเทือกเขาแอลป์ Ötzi พรมแดนระหว่างออสเตรียกับอิตาลี โดยร่างของเขาถูกคนพบในน้ำแข็งครึ่งร่าง ถือว่าเป็นมัมมี่สมบูรณ์ที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์โบราณคดีในโบลซาโน ภาคเหนือของอิตาลี 
มัมมี่ ดังกล่าวเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดและน่าพิศวง ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิต ว่าเขาตายเพราะอุบัติหตุหรือถูกฆาตกรรม แต่ที่น่าพิศวงกว่านั้นคือ มีคำสาปเหมือนคำสาปฟาโรต์ด้วย โดยเชื่อว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมัมมี่ตนนี้ไม่ว่าจะเป็นคนค้นพบ และคนตรวจสอบจะตายอย่างลึกลับ โดยมีเหยื่อตายเพราะคำสาปทั้งสิ้นเจ็ดราย 

ปี 1992 เมื่อ Rainer Henn อายุ 64 นักพยาธิวิทยานิติเวชที่วางร่างกายไอซ์แมนในถุงห่อศพด้วยมือเปล่า เขาก็ได้รับอุบัติเหตุจากรถจนตายในขณะไปร่วมประชุมหาลือเรื่องไอซ์แมนในที่ ประชุมโลก ถัดไป เคิร์ต ฟริตซ์ อายุ 64 ปี นักพยาธิวิทยาที่เปิดใบหน้าไอซ์แลนด์ออกจากน้ำแข็งก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาก็ ได้ถูกหิมะถล่มทับใส่ตาย 

ต่อมา Rainer Hölz อายุ 47 ปีตายเพราะเนื้องอกในสมองในเวลาต่อมา  แต่ที่น่าพิศวงก็คงเป็นเรื่องของ เฮลมุท ไซม่อน ที่เขาเป็นคนพบไอซ์แมน และต่อมาในปี 2004 เขาได้หายไป ก่อนที่จะมีการพบร่างของเขาในวันที่ 23 ตุลาคมในภูเขาออสเตรีย ลักษณะวางคว่ำหน้าเหมือนร่างไอซ์แลนด์ตอนพบครั้งแรก

สันนิษฐานว่าเขาตกจากเขาเพราะอุบัติเหตุจากการขึ้นภูเขา  ต่อมา Dieter Warnecke หัวหน้าทีมกู้ภัยที่พบศพของ เฮลมุท ก็หัวใจวายตายหลังจากร่วมงานศพของ เฮลมุท  ต่อมาก็ คอนราด อายุ 66 ปีซึ่งเป็นทีมงานวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบไอซ์แมนในปี 1991 ก็เสียชีวิตจากเส้นโลหิตตีบตัน  และทอม ลอย อายุ 63 ปี นักโบราณคดีที่ตรวจสอบอาวุธและเครื่องแต่งกายของไอซ์แมน และเขาก็ตายในเวลาต่อมาด้วยโรคเลือดทางพันธุกรรม อย่างไรก็ตามมีคนหลายร้อยคนที่มีส่วนร่วมตรวจสอบมัมมี่ดังกล่าวและยังคงสุข สบายดีจนถึงปัจจุบัน 
ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.mummytombs.com/otzi/curse.htm
Cr. http://www.oknation.net/blog/print.php?id=687210
 

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่