แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลงอย่างต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
แต่ราคาน้ำมันของประเทศไทยก็ยังเป็นต้นทุนอันดับต้นๆ หากคิดจะเดินทางไปไหนไกลๆ
ถ้าหากว่าสามารถเลือกพาหนะรถยนต์ส่วนตัวเพื่อใช้เดินทางได้
ระหว่าง SUV เครื่องดีเซล สเวิร์ลแชมเบอร์ 2.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ-อินเตอร์คูลเลอร์ ขับเคลื่อน 4ล้อ
เกียร์อัตโนมัติ รุ่น EVEREST ปี04 กับอัตราสิ้นเปลืองระดับ 8-9.5 กม./ลิตร
แต่มีพื้นที่ใช้สอย 7 ที่นั่ง
หรือจะเลือกรถ Eco Car เฟส2 ที่ทดสอบและบอกด้วย Eco สติ๊กเกอร์ หน้ารถว่าประหยัดน้ำมันได้เฉลี่ย
23.3 กม./ลิตร นามว่า ATIV กับการเดินทาง ระยะทางไกลประมาณ 440 กม. ในช่วงคืนแรก
เมื่อบวกลบคูณหารเบื้องต้นแล้ว เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย เพราะยุคเศรษฐกิจแบบนี้
การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้มากเท่าไหร่ ย่อมเป็นการดีมากขึ้นเท่านั้น
ATIV จึงเป็นคำตอบสุดท้าย (สอบถามสมาชิกทั้ง 5 แล้ว ยินยอมจะเดินทางด้วยรถ ซีดาน)
สมาชิกที่เดินทางทั้งหมดคือครอบครัวของผมเอง รวม 6 คน จะถือว่าเป็นเด็กก็น่าจะเข้าข่ายอยู่ 3
ที่เหลือก็ขนาดผู้ใหญ่เรานี่เอง ข้างหน้า 2 ข้างหลัง 4 ดีว่าไม่มีใครง่วงหลับเลย เพราะ มือถือนั่นเอง
เลยจะเพลินๆ ไปกับการเดินทาง
ก่อนเดินทางเติมน้ำมันเต็มถังด้วย E20 และเซ็ตไมล์รถเป็น 0
จุดนี้ผมให้ความสำคัญมากๆ หากเราต้องการจับอัตราสิ้นเปลืองรถแบบจริงจัง
และเปอร์เซ็นต์ความแม่นยำสูงที่สุด ถูกต้องกว่าที่แสดงบนหน้าจอรถรุ่นใหม่ๆ ซึ่งเพี้ยน 100% เพราะลองแล้ว
จะเพี้ยนมากน้อยเท่าไหร่ บอกไม่ได้
ยิ่งพวกที่บอกเติม 1,000 บ. วิ่งได้ 450 โล น้ำมันลง 2 ขีด ซึ่งโคตะระ มั่วสุดๆ บอกอัตราสิ้นเปลืองอะไรไม่ได้เลย

เช้าวันรุ่งขึ้น สมาชิกทั้ง 6 ก็เดินทางถึงเป้าหมายที่ 2 ที่ตั้งใจมา "บางแสน"
จุดแรกที่ไปคือ ตลาดของสด อ่างศิลา ดูแต่ยูทูป เห็นของจริงๆ
กุ้ง หอย ปู ปลา เยอะสุดๆ ถูกด้วย หมดไปหลายตังค์ ซื้อและนึ่งเพื่อไปนั่งกินที่ชายหาด
และแวะเติมน้ำมันครั้งแรก ที่นี่
วิ่งมาทั้งหมด 602.3 กม.
เติมน้ำมันไป31.23 ลิตร
เฉลี่ยสิ้นเปลือง 19.28 กม./ลิตร
งง.. !! สิครับ ทำไมประหยัดขนาดนี้
บรรทุก 6 คน สัมภาระท้ายรถแน่นเอี๊ยด
ความเร็ว 100-120 กม./ชม.
อยู่บางแสนจนค่ำ ก็เดินทางกลับ กทม.(มีนบุรี)
ใช้รถอีก 2 วันในกทม.และปทุม
สาเหตุที่ผมเอารถเล็กมา ส่วนหนึ่งนอกจากความประหยัดแล้ว คือเรื่องขนาดและความคล่องตัวของการใช้งานด้วย
เพราะลองนึกภาพขับเจ้า Everest ใหญ่ๆ อึดๆ ใน กทม. คงจะลำบากไม่ใช่น้อย
ลองเติมน้ำมันกลับเต็มถังอีกครั้งแต่ช่วงนี้จะมีวิ่งในกทม.ด้วยได้ดังนี้
ก็ยังถือว่าเกินคาดอยู่ครับ
การเดินทางกลับเหลือสมาชิกที่กลับด้วยรวมผมเป็น 3 คน
เพราะส่งแฟนและลูกสาว 2 คนขึ้นเครื่องไปก่อนแล้ว และนี่ก็คืออีกเหตุผลที่ใช้รถเล็กเพราะขากลับนั่ง-นอน สบายแล้ว
ขากลับค่อนข้างใช้ความเร็วสูงขึ้น เพราะขับกลางวัน ทัศนวิสัยดีกว่า
บางช่วงถนนโล่งๆ เลยลองความเร็วดูประมาณ 160 แต่พบว่ารถค่อนข้างเริ่มโคลงแล้วหละ เลยลดลง
เฉลี่ยวิ่งอยู่ 110-120 ได้อัตราสิ้นเปลืองดังนี้

ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และพอใจมากครับ
เพราะอย่างที่บอก ถ้า EVEREST ประมาณ 8.-9.5 กม./ลิตร
นาวาร่า SE แค๊ป 13-17 กม./ลิตร
อเมซ 14-18 กม./ลิตร
เป็นข้อมูลไว้หาอัตราสิ้นเปลืองที่ถูกต้องและใช้งานจริงครับ
ลองขับจริง อัตราสิ้นเปลือง ATIV J Eco
แต่ราคาน้ำมันของประเทศไทยก็ยังเป็นต้นทุนอันดับต้นๆ หากคิดจะเดินทางไปไหนไกลๆ
ถ้าหากว่าสามารถเลือกพาหนะรถยนต์ส่วนตัวเพื่อใช้เดินทางได้
ระหว่าง SUV เครื่องดีเซล สเวิร์ลแชมเบอร์ 2.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ-อินเตอร์คูลเลอร์ ขับเคลื่อน 4ล้อ
เกียร์อัตโนมัติ รุ่น EVEREST ปี04 กับอัตราสิ้นเปลืองระดับ 8-9.5 กม./ลิตร
แต่มีพื้นที่ใช้สอย 7 ที่นั่ง
หรือจะเลือกรถ Eco Car เฟส2 ที่ทดสอบและบอกด้วย Eco สติ๊กเกอร์ หน้ารถว่าประหยัดน้ำมันได้เฉลี่ย
23.3 กม./ลิตร นามว่า ATIV กับการเดินทาง ระยะทางไกลประมาณ 440 กม. ในช่วงคืนแรก
เมื่อบวกลบคูณหารเบื้องต้นแล้ว เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย เพราะยุคเศรษฐกิจแบบนี้
การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้มากเท่าไหร่ ย่อมเป็นการดีมากขึ้นเท่านั้น
ATIV จึงเป็นคำตอบสุดท้าย (สอบถามสมาชิกทั้ง 5 แล้ว ยินยอมจะเดินทางด้วยรถ ซีดาน)
สมาชิกที่เดินทางทั้งหมดคือครอบครัวของผมเอง รวม 6 คน จะถือว่าเป็นเด็กก็น่าจะเข้าข่ายอยู่ 3
ที่เหลือก็ขนาดผู้ใหญ่เรานี่เอง ข้างหน้า 2 ข้างหลัง 4 ดีว่าไม่มีใครง่วงหลับเลย เพราะ มือถือนั่นเอง
เลยจะเพลินๆ ไปกับการเดินทาง
ก่อนเดินทางเติมน้ำมันเต็มถังด้วย E20 และเซ็ตไมล์รถเป็น 0
จุดนี้ผมให้ความสำคัญมากๆ หากเราต้องการจับอัตราสิ้นเปลืองรถแบบจริงจัง
และเปอร์เซ็นต์ความแม่นยำสูงที่สุด ถูกต้องกว่าที่แสดงบนหน้าจอรถรุ่นใหม่ๆ ซึ่งเพี้ยน 100% เพราะลองแล้ว
จะเพี้ยนมากน้อยเท่าไหร่ บอกไม่ได้
ยิ่งพวกที่บอกเติม 1,000 บ. วิ่งได้ 450 โล น้ำมันลง 2 ขีด ซึ่งโคตะระ มั่วสุดๆ บอกอัตราสิ้นเปลืองอะไรไม่ได้เลย
เช้าวันรุ่งขึ้น สมาชิกทั้ง 6 ก็เดินทางถึงเป้าหมายที่ 2 ที่ตั้งใจมา "บางแสน"
จุดแรกที่ไปคือ ตลาดของสด อ่างศิลา ดูแต่ยูทูป เห็นของจริงๆ
กุ้ง หอย ปู ปลา เยอะสุดๆ ถูกด้วย หมดไปหลายตังค์ ซื้อและนึ่งเพื่อไปนั่งกินที่ชายหาด
และแวะเติมน้ำมันครั้งแรก ที่นี่
วิ่งมาทั้งหมด 602.3 กม.
เติมน้ำมันไป31.23 ลิตร
เฉลี่ยสิ้นเปลือง 19.28 กม./ลิตร
งง.. !! สิครับ ทำไมประหยัดขนาดนี้
บรรทุก 6 คน สัมภาระท้ายรถแน่นเอี๊ยด
ความเร็ว 100-120 กม./ชม.
อยู่บางแสนจนค่ำ ก็เดินทางกลับ กทม.(มีนบุรี)
ใช้รถอีก 2 วันในกทม.และปทุม
สาเหตุที่ผมเอารถเล็กมา ส่วนหนึ่งนอกจากความประหยัดแล้ว คือเรื่องขนาดและความคล่องตัวของการใช้งานด้วย
เพราะลองนึกภาพขับเจ้า Everest ใหญ่ๆ อึดๆ ใน กทม. คงจะลำบากไม่ใช่น้อย
ลองเติมน้ำมันกลับเต็มถังอีกครั้งแต่ช่วงนี้จะมีวิ่งในกทม.ด้วยได้ดังนี้
ก็ยังถือว่าเกินคาดอยู่ครับ
การเดินทางกลับเหลือสมาชิกที่กลับด้วยรวมผมเป็น 3 คน
เพราะส่งแฟนและลูกสาว 2 คนขึ้นเครื่องไปก่อนแล้ว และนี่ก็คืออีกเหตุผลที่ใช้รถเล็กเพราะขากลับนั่ง-นอน สบายแล้ว
ขากลับค่อนข้างใช้ความเร็วสูงขึ้น เพราะขับกลางวัน ทัศนวิสัยดีกว่า
บางช่วงถนนโล่งๆ เลยลองความเร็วดูประมาณ 160 แต่พบว่ารถค่อนข้างเริ่มโคลงแล้วหละ เลยลดลง
เฉลี่ยวิ่งอยู่ 110-120 ได้อัตราสิ้นเปลืองดังนี้
ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และพอใจมากครับ
เพราะอย่างที่บอก ถ้า EVEREST ประมาณ 8.-9.5 กม./ลิตร
นาวาร่า SE แค๊ป 13-17 กม./ลิตร
อเมซ 14-18 กม./ลิตร
เป็นข้อมูลไว้หาอัตราสิ้นเปลืองที่ถูกต้องและใช้งานจริงครับ