วันที่สี่ Lima ไป Cusco
ถึงลิมาแต่เช้า หยิบกระเป๋าแล้วออกมาข้างนอก แล้วก็เดินกลับเข้าไปอีกประตูนึง กลับไปเช็กอินที่เคาน์เตอร์ domestic ของ Latham เพื่อที่จะต่อไปยัง Cusco เมืองประตูเข้าสู่มาชูจุดหมายปลายทางเรา เที่ยวบินนี้นี้ไม่มี Business Class เราก็เลยต้องจอง Exclusive Economy พิเศษที่เลือกที่นั่งกับโหลดกระเป๋า(23kg)ได้ แต่เราสามารถเช็กอินเค้าเตอร์ของ Business class ได้ การเดินทางจริงๆจะเริ่มแล้ว ตื่นเต้น
เครื่อง Latam ไป Cusco เป็น Airbus 319 ใหม่เอี่ยม เราเลือกที่นั่งแถวหน้าสุดเลย รู้สึกเหมือนนั่ง Business Class legroom กว้างดี ใช้เวลาบิน 1ชม 20นาที ก็ถึง Cusco เครื่องช้าไปราว 20 นาที สนามบิน Cusco นี่ค่อนข้างตจวนิดหน่อย นึกว่าเป็นสนามบินลำปางแล้วกัน
Uber ที่นี่ รถค่อนข้างเก่า ต้องทำใจหน่อย ใช้เวลาจากสนามบินที่ตั้งอยู่นอกเมืองไปโรงแรมเราประมาณ 20 นาที ระยะทางไม่ไกลแต่รถติด เพราะต้องผลัดกันเดินรถเนื่องจากถนนเป็น 1 เลน แคบมาก
เราพักกันที่โรงแรม Belmond Monasterio เป็นวัดเก่าแก่กี่ร้อยปีตอนนั้นไม่อยากรู้ เดี๋ยวจะคิดมาก (มา search ทีหลังว่าสร้างใน17th century) แต่โรงแรมนี้สวยมาก มี Welcome drinks กับcold towel มาต้อนรับตอนเช็คอิน เราจองห้องพักเป็น Duplex Suite ห้องสวยมาก Amenity ในห้องน้ำเป็นแบรนโปรด L’Occitane Unpack ของเสร็จก็รีบแปลงกาย เพราะว่าที่นี่หนาว
Cusco อยู่ที่ Altitude 3,399m คนส่วนใหญ่รวมทั้งเรามักจะคิดว่า Machu Picchu อยู่สูงกว่าแต่จริงๆแล้ว Machu Picchu อยู่ที่ความสูงแค่ 2,430m ถ้าจะให้เทียบตัวเมือง Zermatt ที่ Swiss อยู่ที่ 1,608m ยอดดอยอินทนนสูง 2,565m ดังนั้นที่ที่ต้องกังวลเกี่ยวกับ Altitude sickness กลับเป็น Cusco นี่เอง แต่ไม่กลัวเพราะหมอให้เรากินยามาก่อนถึง 2 วันและที่โรงแรมมีชาสมุนไพร (Cocao Tea) แก้เมาให้ดื่ม ตลอดเวลา นอกนั้นเราก็จิบเบียร์ local ตรา Cusquena ตลอดร่างกายก็เลยงงงงว่าจะเมาอะไรดี
ตอนบ่าย เราไปเดินเล่นที่ Square กลางเมืองชื่อ Plaza De Armas ถ่ายรูปซักพักก็ไปนั่งจิบเบียร์แกล้มด้วยยำปลาหมึกหรือ Ceviche อาหารเชิดหน้าชูตาของเค้า อร่อยครับ อ้อสั่ง Pisco Sour เครื่องดื่มยอดฮิตมาลองด้วย วันนี้ไม่ทำอะไรมากเราต้องการปรับตัวให้เร็วที่สุดเพื่อปีน Machu Pichu มาชิลไม่ใช่มาเช็คลิสท์ เราตกลงกึ่งขู่กับเพื่อนร่วมทางกันตั้งแต่ก่อนมาแล้ว
มื้อเย็นไปที่ร้าน Cecciolina เป็นร้านที่หลายๆโพยแนะนำ เราสั่ง Bbq’d crisp Octopus with a Mediterranean salsa มาเป็นstarter ส่วน main course เป็นเนื้อ Alpaca ราดซอส เจ้าตัว Alpacaเป็นสัตว์ท้องถิ่นแถวนี้ หาได้ทั่วไป ประมาณควายบ้านเราสมัยก่อนแต่หน้าตาหล่อกว่าควายมาก เนื้อไม่เหนียว แต่ค่อนข้างเหม็นสาบนิดหน่อย เลยต้องล้างปากด้วย Chocolate Mouse เสริฟมาพร้อมกับแป้งบางบางคล้ายคุกกี้ อร่อยอีก
กลับโรงแรม เดินถ่ายรูปภายในโรงแรมอีกครั้ง เมืองนี้กลางคืนเดินได้ ปลอดภัย นักท่องเที่ยวเยอะแยะ แล้วตอนกลางคืนก็จะสวยไปอีกแบบ เพราะไฟเหลืองๆทั่วเมือง
วันที่ห้า Cusco
เช้านี้อากาสหนาวดี เรากินบุฟเฟต์อาหารเช้าที่โรงแรม สั่ง omelet with everything on it ขี้เกียจคิดมุ่งหน้าไปดู food station ดีกว่า จัดได้เรียบ แต่ดูดี ไฮไลต์น่าจะเป็นผักที่สดมาก กับ croissants อร่อยไม่แพ้ที่ปารีส ที่สำคัญมี Pate มาให้เลือกหลายแบบ กินแล้วทำให้นึกถึงสมัยเรียนที่แม่ไปซื้อตับไก่ ถูกถูกที่ร้านฝรั่ง ในเมือง Boston มาทำ Pate ให้กินกับขนมปังตอนเช้า
อ้อระหว่างกินอาหารเช้าเพื่อนร่วมห้องเริ่มมีอาการ altitude sickness บอกแล้วให้กินยา...สม
หลังมื้อเช้า เดินต่อไปที่ Plaza De Armas Plaza San Blas (ขี้หมาเยอะหน่อยนะ) ต่อไป Plazoletta Nazarenas แค่นี้ก็หมดไปครึ่งวันแล้วมื้อเที่ยงกลับมาทาน Roast beef sandwich ที่ห้องอาหารของโรงแรม
ตอนบ่ายนั่ง Uber ไป Saqsaywaman เป็นสถานที่โบราณสร้างโดยใครอื่นไม่ได้นอกจากอินคา อันนี้ถือเป็นน้ำจิ้มของมาชูไปก่อนSaqsaywaman มีลักษณะคล้ายป้อมปราการตั้งอยู่ข้างบนเขา (3,700 ม) สามารถเห็นตัวเมือง Cusco ได้ชัดเจน กว่าจะเดินครบแบบโกงนิดหน่อยก็เกือบเย็นเป็นเวลา Happy Hour แล้วไปนั่งจิบ local craft beer ที่ร้านบนเขาดูวิวเมือง Cusco จากนั้นเดินกลับลงมาในเมือง แล้วไปแวะที่ Qorikancha เป็นโบสถ์ของอินคาอยู่กลางเมือง ดูขลังเชียว
เย็นนี้จองร้านปิ้งย่างหรือ barbecue local ไว้ชื่อ Pachapapa ต้องจองนะร้านนี้ ขอเตือน เราจอง guinea pig ไว้ตั้งแต่เมื่อวานออกมาคล้ายหมูหันอร่อยทีเดียว แต่ราคาค่อนข้างสูง น่าจะเป็นหนูที่แพงที่สุดตั้งแต่กินมา
เที่ยว Peru แแบเห็น แก่ กิน (อยู่สบาย) part 3
ถึงลิมาแต่เช้า หยิบกระเป๋าแล้วออกมาข้างนอก แล้วก็เดินกลับเข้าไปอีกประตูนึง กลับไปเช็กอินที่เคาน์เตอร์ domestic ของ Latham เพื่อที่จะต่อไปยัง Cusco เมืองประตูเข้าสู่มาชูจุดหมายปลายทางเรา เที่ยวบินนี้นี้ไม่มี Business Class เราก็เลยต้องจอง Exclusive Economy พิเศษที่เลือกที่นั่งกับโหลดกระเป๋า(23kg)ได้ แต่เราสามารถเช็กอินเค้าเตอร์ของ Business class ได้ การเดินทางจริงๆจะเริ่มแล้ว ตื่นเต้น
เครื่อง Latam ไป Cusco เป็น Airbus 319 ใหม่เอี่ยม เราเลือกที่นั่งแถวหน้าสุดเลย รู้สึกเหมือนนั่ง Business Class legroom กว้างดี ใช้เวลาบิน 1ชม 20นาที ก็ถึง Cusco เครื่องช้าไปราว 20 นาที สนามบิน Cusco นี่ค่อนข้างตจวนิดหน่อย นึกว่าเป็นสนามบินลำปางแล้วกัน
Uber ที่นี่ รถค่อนข้างเก่า ต้องทำใจหน่อย ใช้เวลาจากสนามบินที่ตั้งอยู่นอกเมืองไปโรงแรมเราประมาณ 20 นาที ระยะทางไม่ไกลแต่รถติด เพราะต้องผลัดกันเดินรถเนื่องจากถนนเป็น 1 เลน แคบมาก
เราพักกันที่โรงแรม Belmond Monasterio เป็นวัดเก่าแก่กี่ร้อยปีตอนนั้นไม่อยากรู้ เดี๋ยวจะคิดมาก (มา search ทีหลังว่าสร้างใน17th century) แต่โรงแรมนี้สวยมาก มี Welcome drinks กับcold towel มาต้อนรับตอนเช็คอิน เราจองห้องพักเป็น Duplex Suite ห้องสวยมาก Amenity ในห้องน้ำเป็นแบรนโปรด L’Occitane Unpack ของเสร็จก็รีบแปลงกาย เพราะว่าที่นี่หนาว
Cusco อยู่ที่ Altitude 3,399m คนส่วนใหญ่รวมทั้งเรามักจะคิดว่า Machu Picchu อยู่สูงกว่าแต่จริงๆแล้ว Machu Picchu อยู่ที่ความสูงแค่ 2,430m ถ้าจะให้เทียบตัวเมือง Zermatt ที่ Swiss อยู่ที่ 1,608m ยอดดอยอินทนนสูง 2,565m ดังนั้นที่ที่ต้องกังวลเกี่ยวกับ Altitude sickness กลับเป็น Cusco นี่เอง แต่ไม่กลัวเพราะหมอให้เรากินยามาก่อนถึง 2 วันและที่โรงแรมมีชาสมุนไพร (Cocao Tea) แก้เมาให้ดื่ม ตลอดเวลา นอกนั้นเราก็จิบเบียร์ local ตรา Cusquena ตลอดร่างกายก็เลยงงงงว่าจะเมาอะไรดี
ตอนบ่าย เราไปเดินเล่นที่ Square กลางเมืองชื่อ Plaza De Armas ถ่ายรูปซักพักก็ไปนั่งจิบเบียร์แกล้มด้วยยำปลาหมึกหรือ Ceviche อาหารเชิดหน้าชูตาของเค้า อร่อยครับ อ้อสั่ง Pisco Sour เครื่องดื่มยอดฮิตมาลองด้วย วันนี้ไม่ทำอะไรมากเราต้องการปรับตัวให้เร็วที่สุดเพื่อปีน Machu Pichu มาชิลไม่ใช่มาเช็คลิสท์ เราตกลงกึ่งขู่กับเพื่อนร่วมทางกันตั้งแต่ก่อนมาแล้ว
มื้อเย็นไปที่ร้าน Cecciolina เป็นร้านที่หลายๆโพยแนะนำ เราสั่ง Bbq’d crisp Octopus with a Mediterranean salsa มาเป็นstarter ส่วน main course เป็นเนื้อ Alpaca ราดซอส เจ้าตัว Alpacaเป็นสัตว์ท้องถิ่นแถวนี้ หาได้ทั่วไป ประมาณควายบ้านเราสมัยก่อนแต่หน้าตาหล่อกว่าควายมาก เนื้อไม่เหนียว แต่ค่อนข้างเหม็นสาบนิดหน่อย เลยต้องล้างปากด้วย Chocolate Mouse เสริฟมาพร้อมกับแป้งบางบางคล้ายคุกกี้ อร่อยอีก
กลับโรงแรม เดินถ่ายรูปภายในโรงแรมอีกครั้ง เมืองนี้กลางคืนเดินได้ ปลอดภัย นักท่องเที่ยวเยอะแยะ แล้วตอนกลางคืนก็จะสวยไปอีกแบบ เพราะไฟเหลืองๆทั่วเมือง
วันที่ห้า Cusco
เช้านี้อากาสหนาวดี เรากินบุฟเฟต์อาหารเช้าที่โรงแรม สั่ง omelet with everything on it ขี้เกียจคิดมุ่งหน้าไปดู food station ดีกว่า จัดได้เรียบ แต่ดูดี ไฮไลต์น่าจะเป็นผักที่สดมาก กับ croissants อร่อยไม่แพ้ที่ปารีส ที่สำคัญมี Pate มาให้เลือกหลายแบบ กินแล้วทำให้นึกถึงสมัยเรียนที่แม่ไปซื้อตับไก่ ถูกถูกที่ร้านฝรั่ง ในเมือง Boston มาทำ Pate ให้กินกับขนมปังตอนเช้า
อ้อระหว่างกินอาหารเช้าเพื่อนร่วมห้องเริ่มมีอาการ altitude sickness บอกแล้วให้กินยา...สม
หลังมื้อเช้า เดินต่อไปที่ Plaza De Armas Plaza San Blas (ขี้หมาเยอะหน่อยนะ) ต่อไป Plazoletta Nazarenas แค่นี้ก็หมดไปครึ่งวันแล้วมื้อเที่ยงกลับมาทาน Roast beef sandwich ที่ห้องอาหารของโรงแรม
ตอนบ่ายนั่ง Uber ไป Saqsaywaman เป็นสถานที่โบราณสร้างโดยใครอื่นไม่ได้นอกจากอินคา อันนี้ถือเป็นน้ำจิ้มของมาชูไปก่อนSaqsaywaman มีลักษณะคล้ายป้อมปราการตั้งอยู่ข้างบนเขา (3,700 ม) สามารถเห็นตัวเมือง Cusco ได้ชัดเจน กว่าจะเดินครบแบบโกงนิดหน่อยก็เกือบเย็นเป็นเวลา Happy Hour แล้วไปนั่งจิบ local craft beer ที่ร้านบนเขาดูวิวเมือง Cusco จากนั้นเดินกลับลงมาในเมือง แล้วไปแวะที่ Qorikancha เป็นโบสถ์ของอินคาอยู่กลางเมือง ดูขลังเชียว
เย็นนี้จองร้านปิ้งย่างหรือ barbecue local ไว้ชื่อ Pachapapa ต้องจองนะร้านนี้ ขอเตือน เราจอง guinea pig ไว้ตั้งแต่เมื่อวานออกมาคล้ายหมูหันอร่อยทีเดียว แต่ราคาค่อนข้างสูง น่าจะเป็นหนูที่แพงที่สุดตั้งแต่กินมา