JJNY : พิธาโพสต์สานต่อภารกิจอนค./ศาลชั้นต้นสั่งทบ.เยียวยา ปมยิงอะเบ/ดร.สุชาติไม่เห็นด้วยแจกเงิน/หวั่นโควิด-19 แห่กักตุน

'พิธา'โพสต์สานต่อภารกิจอนค. พรรคใหม่ยังสู้เหมือนเดิม
https://www.dailynews.co.th/politics/761262
 

 
“พิธา”โพสต์พรรคใหม่ยังสู้เหมือนเดิม สานต่อภารกิจอนาคตใหม่ 12 นโยบาย ปักธงประชาธิปไตย ล้างมรดกรัฐประหาร 
 
 เมื่อวันที่ 5 มี.ค.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แกนนำอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า 

สานต่อภารกิจ "อนาคตใหม่" 
ก้าวต่อไปยัง “สู้เหมือนเดิม" 

อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับพวกเรา ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงการทำงานของ "พรรคใหม่" ที่เราจะก้าวไปด้วยกัน ซึ่งจะมีการแถลงข่าวให้ทราบอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 8 มี.ค.นี้
 
'' ผมในฐานะตัวแทนของ ส.ส. ที่กำลังจะไป “พรรคใหม่” ด้วยกัน ขอยืนยันอีกครั้งตรงนี้ว่า ภารกิจของพวกเรา คือ "สานต่อภารกิจอนาคตใหม่"  นนโยบาย" ทั้ง 12 นโยบายนั้น ยังเป็นสิ่งที่เราต้องสร้างให้สำเร็จไม่ว่าจะยุติระบบราชการรวมศูนย์, สร้างสวัสดิการถ้วนหน้าครบวงจร, ปฏิรูปกองทัพ, ปฏิวัติการศึกษา, ทลายเศรษฐกิจผูกขาด, ขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคน, เกษตรก้าวหน้า, เศรษฐกิจดิจิทัล, เปิดข้อมูลรัฐกำจัดทุจริต, โอบรับความหลากหลาย, สิ่งแวดล้อมยั่งยืน และ "ปักธงประชาธิปไตย ล้างมรดกรัฐประหาร สร้างการเมืองแบบใหม่ เจ้านายคือประชาชน"
 
การเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างเพื่อทำให้คนไทยเท่าเทียมกันและประเทศไทยเท่าทันโลก ยังเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของพวกเรา ซึ่งจะบรรลุได้ก็ต่อเมื่อพวกเรา “อ่อนน้อม” ต่อประชาชน และ “ยืนตัวตรง” ต่ออำนาจอยุติธรรมที่กดทับสังคมไทยเอาไว้ก้าวต่อไป "พรรคใหม่" ยัง “สู้เหมือนเดิม" 
 
https://www.facebook.com/timpitaofficial/photos/a.1736414163131887/2467383656701597/
 

  
ศาลชั้นต้น สั่ง 'ทัพบก' เยียวยา ปมทหารยิง 'อะเบ แซ่หมู่' 8.2 แสนบาท
https://voicetv.co.th/read/pbl840LmG
 
ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้กองทัพบก ชดใช้ค่าเสียหายกรณีเจ้าหน้าที่ทหาร ยิง 'อะเบ แซ่หมู่' เสียชีวิต เมื่อปี 2560 เป็นจำนวนเงิน 824,180 บาท
 
จากกรณีนางอะหมี่มะ แซ่หมู่ มารดาของนายอะเบ แซ่หมู่ เป็นโจทก์ฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่ พ.2592/2562 เรียกค่าเสียหายจำนวน 7 ล้านบาท กรณีเจ้าหน้าที่ทหารยิงนายอะเบ แซ่หมู่ ชาวชาวพันธุ์ลีซู ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรม โดยอาวุธปืนเอ็ม 16 เมื่อวันที่ 15 กุมถาพันธุ์ 2560 ที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
 
ล่าสุดมูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า เมื่อวานนี้(4มี.ค.) ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำเลยชดใช้เสียหายแก่โจทก์ ได้แก่ ค่าปลงศพเป็นจำนวนเงิน 104,180 บาท และค่าขาดไร้อุปการะเป็นจำนวนเงิน 720,000 บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระเงินแก่โจทก์จำนวนทั้งสิ้น 824,180 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
 
หลังศาลพิเคราะห์ว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารขับรถจักรยานยนต์สวนกับรถจักรยานยนต์คันที่ผู้ตายซ้อนท้ายมากับเพื่อน เจ้าหน้าที่ทหารอาจมีการเรียกให้หยุดและหรือพยายามดึงตะกร้าเพื่อให้ฝ่ายผู้ตายหยุดรถ แต่ฝ่ายผู้ตายไม่หยุดและขับต่อไป เจ้าหน้าที่ทหารจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย
 
ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ทหารใช้ปืนยิงผู้ตายโดยมีสาเหตุเพียงเพื่อนของผู้ตายไม่ยอมหยุดรถเมื่อถูกเจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดนั้นเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการละเมิดต่อผู้ตายก็ถือเป็นการละเมิดต่อโจทก์ด้วย ที่ฝ่ายจำเลยอ้างว่า เจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย เป็นการป้องกันตนเองและผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงนั้น ศาลเห็นว่าตามรายงานตรวจร่องรอยพยานหลักฐานในคดีวิสามัญฆาตกรรม ไม่มีข้อเท็จจริงที่บันทึกว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองถูกผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนยิง ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่พยานจำเลยควรจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทำบันทึกไว้
 
ในส่วนของวัตถุระเบิดที่พยานจำเลยอ้างว่าผู้ตายได้ล้วงระเบิดจากย่ามจะขว้างใส่เจ้าหน้าที่ทหาร ก็พบว่าตามบันทึกการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือ ไม่ปรากฏลายพิมพ์นิ้วมือแฝงหรือฝ่ามือแฝงของนายอะเบ ผู้ตาย ทั้งยังพบว่าลักษณะที่ปรากฏหรือตำแหน่งที่พบระเบิดนั้นผิดธรรมชาติเนื่องจากผู้ตายตกจากรถ ดังนั้นวัตถุระเบิดไม่น่าตกอยู่ใกล้มือของผู้ตาย
 
ในส่วนของเฮโรอีนของกลางแม้จะอยู่ในย่ามของผู้ตายจริงหรือมีการนำมาใส่ในย่ามของผู้ตาย และแม้จะปรากฏหรือไม่ปรากฏว่า พบลายนิ้วมือแฝงของผู้ตายที่หลอดบรรจุยาเสพติด ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็ไม่เกี่ยวข้องถึงความชอบธรรมหรือชอบด้วยกฎหมายในการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ทหาร ประกอบกับโจทก์มีเพื่อนของผู้ตายเป็นผู้ขับขี่รถจักยานยนต์เดินทางไปทำไร่กับนายอาเบ ผู้ตาย เบิกความว่า ในวันดังกล่าว พยานเป็นผู้ขับรถจักยานยนต์ให้นายอาเบ ซ้อนท้าย กำลังเดินทางไปทำไร่ โดยระหว่างนั้นพยานพบเจ้าหน้าที่ 2 นาย และได้ขับรถผ่านช้าๆ เนื่องจากถนนเป็นถนนลูกรัง เจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงสัญลักษณ์ให้พยานหยุดรถแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่กลับดึงก๋วย(ตระกร้าสะพายหลัง) ที่นายอาเบสะพายไว้ด้านหลัง
 
พยานเห็นดังนั้นจึงตกใจ จึงได้เร่งความเร็วเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นได้ยินเสียงปืน 3-4 นัด และได้ยินเสียงร้องของนายอะเบ ว่า "โอ๊ย" พยานจึงได้ประคองนายอะเบเพราะกลัวจะตกจากรถ เมื่อขับไปได้สักระยะ นายอะเบจึงตกจากรถจักยานยนต์ ประกอบกับคำให้การของแพทย์ผู้พิสูจน์ศพถึงร่อยรอย บาดแผล และวิถีกระสุน ที่ได้ให้การในคดีชันสูตรไว้โดยละเอียดที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ จึงเชื่อได้ว่า พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักมากว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่